วันที่ 19 เมษายน 2564
วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ได้สิ้นสุดลง เป็นอีกครั้งที่ทนายความเข้าเยี่ยมแกนนำผู้ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วันนี้เพื่อนเราทั้ง 4 คน จากแดน 2 — อานนท์ นำภา, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก, “จัสติน” ชูเกียรติ แสงวงค์ และสมยศ พฤกษาเกษมสุข — ทยอยเดินออกจากมาจากพื้นที่ควบคุม เข้ามาในห้องกระจกสำหรับเยี่ยม และ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เดินจากแดนเรือนพยาบาล เข้ามานั่งหน้ากล้องวงจรปิด เมื่ออินเตอร์คอมและโทรศัพท์ส่งสัญญาณพวกเราจึงได้เริ่มพูดคุย
ทุกคนยิงคำถามแรกว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง ปานประหนึ่งหิวกระหายอยากรู้อยากทราบความเคลื่อนไหวจากภายนอก
ทนายความเล่าถึงกิจกรรม #ยืนหยุดขัง112นาที หน้าศาลฎีกา และเริ่มกระจายไปที่จังหวัดอยุธยา เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย อุบลราชธานี หรือขอนแก่น ที่มีประชาชนร่วมกันยืนสงบนิ่งเป็นระยะเวลา 112 นาที เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาในคดีทางการเมือง และนัดหมายสำคัญทุกวันเสาร์หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่ #ราชมัม เหล่าแม่ๆ ของผู้ต้องขังจะมาร่วมกันยืนให้กำลังใจลูกถึงหน้าเรือนจำ
อีกกิจกรรมที่บอกเล่ากันเป็นกิจกรรม #DrawTheJustice วาดความยุติธรรม ที่เหล่าศิลปินร่วมกันวาดคาแรคเตอร์ของเพื่อนที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำในอิริยาบถที่หลากหลาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
ทุกคนยังสอบถามถึงสิทธิในการประกันตัวและความเป็นไปในคดีเช่นเดิม
วันนี้มีสมยศ พฤกษาเกษมสุข และชูเกียรติ แสงวงค์ อยากฝากข้อความออกมาให้มวลมิตร ส่วนเพื่อนคนอื่นขอฟังเสียงจากข้างนอกให้มากที่สุด
สมยศ: ฝากบทกลอนถึงน้องรัก
แกร๊ก ๆ กุญแจลั่น ดังแกร๊ก ๆ
หัวใจแหลก แยกสลาย ยืนส่ายหัว
นัวเนียนอน อ่อนเพลีย กันเนียนัว
ใจระรัว กลัวน้องห่าง จะหมางใจ
ความเป็นธรรม จำยอม ให้ยอมความ
ใหญ่โต ไว้อวดนาม ความยิ่งใหญ่
ใครสั่ง คุมขังโทษ ประโยชน์ใคร
ทำบรรลัย ให้สันทัด ถนัดทำ
คิดถึง คนึงนาม มิจางคิด
ร่ำไห้ ในจิตตรม ระทมร่ำ
จำใจจาก พรากรักน้อง เพราะจองจำ
ทนชอกช้ำ เพื่อชิงชัย อย่างอดทน
สมยศบอกทนายความว่า บทกลอนนี้กลั่นมาจากความทรงจำของสมยศเอง หลังมีเรื่องราวการนำข้อความจากเพื่อนเราออกมาสู่ภายนอกก่อนหน้านี้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกับเพื่อนเรามากขึ้นในการมีกระดาษหรือสิ่งที่จะเอาไว้เขียน รวมถึงการขีดเขียนสิ่งต่างๆ ภายในเรือนจำได้ สิ่งเดียวที่ช่วยเขาได้คือ ความทรงจำที่กลั่นออกมาจากอัดอั้นภายใน
สมยศสบตาและมองตาทนายความหลายครั้งและพูดเปรย ๆ ว่าเมื่อไรหนอเขาจะปล่อยเราไป รอบนี้ไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไร
ทั้งนี้ สมยศถูกคุมขังระหว่างพิจารณาและไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2564 ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือน 10 วันแล้ว
ชูเกียรติ: กังวลการคัดกรองโควิดในเรือนจำ ย้ำยังไหวและรอวันได้พบเจอ
ชูเกียรติเป็นอีกคนที่ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาและไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2564 ถึงวันนี้เป็นเวลาถึง 29 วันแล้ว ในข้อหามาตรา 112
ชูเกียรติภายใต้กรอบแว่นตาสีดำและหน้ากากอนามัยสีฟ้า บอกว่ามาตีเยี่ยมผมบ่อยๆ นะ อยู่แต่ในห้องมันไม่มีอะไรทำ คุยกับเพื่อนในห้องที่มีกว่ายี่สิบคนก็ยังมีเวลาอีกมาก เขาเล่าให้ฟังว่าเป็นไข้มาสองสามวันแล้ว ประมาณวันที่ 17-18 เม.ย. มานี้หนักหน่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดตา คอแห้ง กังวลว่าเป็นอาการของโรคโควิดหรือเปล่า
“ผมเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย กลัวว่าภูมิคุ้มกันที่มันอ่อนอยู่แล้วจะมีความเสี่ยงมากขึ้น”
ชูเกียรติเล่าต่อว่ากระบวนการคัดกรองในเรือนจำนี้ค่อนข้างช้า หลังแจ้งว่าเราป่วยและมีอาการ ก็ต้องเบิกกุญแจกันหลายอึดใจ เกรงว่าหากเกิดกรณีเร่งด่วนจะไม่ทันกาลต่อการรักษาได้ ในเรือนจำมีการตรวจโควิดแบบ Swab เดือนละครั้งก็จริง แต่หากมีอาการไข้ระหว่างนี้จะไม่ได้ตรวจซ้ำจนกว่าจะถึงรอบของการตรวจอีกครั้ง
ช่วงนี้เขาได้รับการยามากิน ทั้งพาราเซตามอล ยาแก้แพ้ และยาฆ่าเชื้อ เขาอัดยาหนักมากเพื่อบรรเทาอาการ แต่ยังไม่มีการให้แยกตัวไปดูอาการโดยเฉพาะแต่อย่างใด ชูเกียรติเกรงว่าหากสุดท้ายเขาติดโรคมาจริง เพื่อนทุกคนที่อยู่ในห้องอาจมีความเสี่ยงไปด้วย
ชูเกียรติฝากข้อความสั้น ๆ มาให้คนข้างนอกว่า “ข้างนอกไม่ต้องห่วง ข้างในยังสู้ ถึงแม้ผมป่วย ถึงแม้กะทันหัน ผมก็ยังสู้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ยังรอวันได้พบกัน”
>> เปิด 7 ข้อหา ‘ชูเกียรติ’ คดี ม.112 ติดกระดาษหน้ารูป ร.10 ก่อนไม่ได้ประกันตัว