วันนี้ (9 เมษายน 2564) ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 2 นักกิจกรรมจากเครือข่าย People Go และกป.อพช. 4 คน ที่ถูกกล่าวหาในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เดินทางเข้าฟังคำสั่งอัยการตามนัดหมาย สืบเนื่องจากการทำกิจกรรมและไปยื่นข้อเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาติดตามการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตกัมพูชาในช่วงเช้าของวันที่ 8 มิ.ย. 63
จากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ถูกดำเนินคดีแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ทำกิจกรรมหน้าสถานทูตกัมพูชาในช่วงเช้าจำนวน 4 คน และช่วงเย็นของวันที่ 8 มิ.ย. 63 จำนวน 6 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน ทั้งสองคดีถูกกล่าวหาในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ในส่วนคดีของผู้ต้องหา 6 คน อัยการยังไม่ได้มีคำสั่งในคดี โดยให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งเป็นวันที่ 9 มิ.ย. 64 เวลา 10.00 น.
ขณะที่คดีของอีก 4 ราย ซึ่งเป็นตัวแทนคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ประกอบไปด้วย นายณัฐวุฒิ อุปปะ, นางสาวแสงศิริ ตรีมรรคา, นายวศิน พงษ์เก่า และนาย อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ ได้เดินทางเข้าฟังคำสั่ง
ทางพนักงานอัยการได้แจ้งต่อผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ว่าอัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ส่วนสำนวนคดีนี้ตอนนี้ถูกส่งกลับไปที่ สน.วังทองหลาง โดยที่ผู้ต้องหาไม่ต้องมารายงานตัวต่ออัยการอีก
ทั้งนี้การมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ยังไม่ได้ทำให้คดีสิ้นสุดลง เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง เคยมีความเห็นควรให้สั่งฟ้องคดี ทำให้ความเห็นของพนักงานสอบสวนและอัยการแย้งกัน ทำให้ต้องมีการส่งสำนวนไปที่ทาง ผบ.ตร. หรือ รองผบ.ตร. หรือ ผู้ช่วยผบ.ตร. เพื่อพิจารณามีความเห็นในคดีต่อไป ตามมาตรา 145/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
หากทาง ผบ.ตร.เห็นพ้องกับอัยการ คดีจะถือเป็นอันสิ้นสุดเด็ดขาด แต่หากเห็นแย้งกัน จะต้องมีการส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาดในคดีต่อไป
สำหรับการเข้าฟังสั่งอัยการในวันนี้ นับเป็นการเข้าฟังคำสั่งอัยการครั้งที่ 5 ก่อนหน้านี้อัยการได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกซึ่งทางตำรวจส่งสำนวนให้อัยการในวันที่ 7 ส.ค. 63 รวมเวลาการพิจารณากว่า 9 เดือน