วันนี้ (8 เม.ย. 64) ที่ศาลแขวงธนบุรี พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 7 ยื่นฟ้อง 2 ผู้ชุมนุม คือ ณัชพล ไพรลิน และชัยพัทธ์ ศักดิ์ศรีเจริญยิ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 738/2564 ด้วยข้อหา ฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีชุมนุม #ม็อบ17ตุลา บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสวงเวียนใหญ่ หลังศาลรับฟ้อง ทนายจำเลยได้ยื่นประกัน ศาลให้ประกันโดยไม่ต้องวางหลักประกัน และนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การในวันที่ 20 เม.ย. 64 เวลา 09.00 น.
เหตุของคดีนี้สืบเนื่องจากเหตุสลายการชุมนุม ช่วงเช้ามืดในวันที่ 15 ต.ค. 63 บริเวณพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล และช่วงเย็นของวันที่ 16 ต.ค. 63 บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามถึงบริเวณทางแยกปทุมวัน เหตุการณ์ดังกล่าวมีแกนนำและผู้ชุมนุมหลายรายถูกจับกุม นำมาสู่การจัดแฟลชม็อบไร้แกนนำกระจายในหลายจุดทั่ว กทม. และต่างจังหวัด ในวันที่ 17 ต.ค. 63 เพื่อแสดงความไม่พอใจเหตุการณ์สลายการชุมนุม และแสดงพลังขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์
สำหรับคำฟ้องในคดีนี้พนักงานอัยการกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 63 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับพวกของจำเลยรวมหลายคน ได้ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ระหว่างแยกตากสินถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ อันเป็นถนนสาธารณะที่ใช้เป็นทางสัญจร โดยกีดขวางการจราจรจนไม่อาจใช้สัญจรได้ตามปกติ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
พนักงานอัยการระบุว่า การกระทำของณัชพลและชัยพัทธ์เป็นความผิดฐาน ชุมนุม หรือมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยกีดขวางการจราจรจนไม่อาจใช้สัญจรได้ตามปกติ อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวมทั้งประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 เรื่องห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมข้อ 1 (1) และข้อ 3
ทั้งนี้ ข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมา ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกัน ระบุเหตุผลว่า พฤติการณ์ของจำเลยไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเพียงแต่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
อีกทั้งจำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนีตั้งแต่ต้น มีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่ง และจำเลยประกอบอาชีพทั่วไปจึงไม่อาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ นอกจากนี้หากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยจะได้รับความเดือดร้อนและได้รับผลร้ายเกินสมควร เนื่องจากต้องหาเช้ากินค่ำหาเลี้ยงตนเองและผู้อยู่ในอุปการะ ซึ่งทำให้การที่จะหาหลักทรัพย์มาเป็นหลักประกันต่อศาลเป็นภาระต่อจำเลยอย่างมาก
ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสอง โดยไม่มีหลักประกัน แต่ให้จำเลยทั้งสองสาบานตนว่าจะมารายงานตัวต่อศาลตามนัดหมาย ทั้งนี้ศาลให้เหตุผลว่าเพื่อให้โอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ สำหรับนัดครั้งต่อไป ศาลแขวงธนบุรีนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การในวันที่ 20 เม.ย. 64 เวลา 09.00 น.