ศาลขอนแก่นนัดสืบพยานคดีขอนแก่นยูไนเต็ดฟ้อง “ครูใหญ่” ปราศรัยพาดพิง 25 มิ.ย.

วันนี้ (7 เมษายน 2564) ครูใหญ่ หรือ อรรถพล บัวพัฒน์ นักกิจกรรมกลุ่มขอนแก่นพอกันที เดินทางไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ในนัดสอบคำให้การในคดีที่อรรถพลถูกบริษัท สโมสรฟุตบอลขอนแก่นยูไนเต็ด จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 เหตุจากการปราศรัยในการชุมนุม “จัดม็อบไล่แม่งเลย” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 

ในห้องพิจารณาคดีที่ 5 ศาลออกพิจารณาคดีในเวลา 13.45 น. แต่ต้องรอทนายโจทก์มาที่ห้องพิจจารณาคดี เนื่องจากทนายโจทก์ลืมนัดศาล และศาลให้ทนายจำเลยโทรตามทนายโจทก์ โดยทนายจำเลยให้ข้อมูลว่าหากทนายโจทก์ไม่มา อาจเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้

โดยศาลไม่ได้อ่านคำฟ้องให้คู่ความฟัง ใช้เวลาเพียงสั้นๆ ในการถามจำเลยว่า จะให้การในคดีนี้ว่าอย่างไร อรรถพลให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้คดี

ทนายโจทก์แถลงขอสืบพยาน 3 ปาก ได้แก่ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์และพยานที่รู้เห็นการขึ้นเวทีปราศรัยของจำเลยอีก 2 ปาก ฝ่ายจำเลยแถลงขอสืบพยาน 3 ปาก ได้แก่ ตัวจำเลย และผู้จัดการชุมนุม 2 ปาก  ศาลจะใช้เวลาสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย 1 วัน คือในวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกันสำหรับเหตุในคดีย้อนไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 กลุ่มนักกิจกรรมในจังหวัดขอนแก่นจัดการชุมนุม “จัดม็อบไล่แม่งเลย” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น ต่อมา สุรสิทธิ์ ทุมมา ประธานสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น รับมอบอำนาจจากบริษัท สโมสรฟุตบอลขอนแก่นยูไนเต็ด จำกัด ยื่นฟ้องต่อศาล คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 อรรถพล บัวพัฒน์ ได้จัดตั้งเวทีปราศรัยอนุญาตให้จำเลยที่ 2 วชิรวิทย์ เทศศรีเมือง เป็นผู้ปราศรัยข้อความหมิ่นประมาทโจทก์

ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 สุรสิทธิ์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานโจทก์ เบิกความว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 จำเลยที่ 2 จัดตั้งเวทีปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียงและถ่ายทอดผ่านทางเฟซบุ๊กและยูทูบ มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาล ต่อมาได้เชิญจำเลยที่ 1 ขึ้นปราศรัยบนเวที ขณะปราศรัยมีข้อความพาดพิงโจทก์และสโมสรขอนแก่นยูไนเต็ดว่า “…ขอนแก่นยูไนเต็ด ผมเคยภาคภูมิใจ แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่า เป็นที่ฟอกเงินดีๆ นี่เอง…” ซึ่งเป็นความหมายในทางที่ไม่ดี ผู้ได้รับฟังการปราศรัยหรือฟังการถ่ายทอดทางเฟซบุ๊กและยูทูบขณะนั้นย่อมเข้าใจผิด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ 

ต่อมา ทนายความจำเลยได้ยื่นคำแถลงปิดคดีขอให้ศาลมีคำสั่งยกฟ้องจำเลยทั้งสองในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยชี้ประเด็นว่า โจทก์สืบพยานสลับตัวจำเลยทั้งสองไม่ตรงตามคำฟ้องของโจทก์ ซึ่งถือเป็นการสืบพยานนอกประเด็นที่ฟ้อง ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นที่โจทก์นำสืบ อีกทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ของจำเลยตามคำฟ้องของโจทก์ เป็นการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม และแสดงความเห็นโดยสุจริต เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง รวมทั้งพยานโจทก์ยังเบิกความว่า คำปราศรัยของจำเลยไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์

อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 รับฟ้องคดีในส่วนที่โจทก์กล่าวหาอรรถพล ระบุว่า อรรถพล จำเลยที่ 1 มีมูลความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ส่วนวชิรวิทย์ จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้จัดงาน ไม่สามารถรับฟังได้ว่ามีเจตนาร่วมกันกระทำความผิด จึงให้ยกฟ้อง โดยอรรถพลได้ใช้เงินสด 20,000 บาท ยื่นประกันตัว

 

X