คดีเอกชัยโพสต์เรื่องเพศในเรือนจำ ยันไม่เข้าข่ายลามก-ถูกกล่าวหาเหตุตรวจสอบทุจริตนาฬิกาประวิตร ศาลนัดพิพากษา 28 เม.ย. นี้

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดสืบพยานโจทก์ในคดีของเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาเผยแพร่ข้อความลามกอนาจาร ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) จากการโพสต์ข้อความเล่าเรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำผ่านเฟส่วนตัว โดยการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นลงภายในวันเดียว จากเดิมที่กำหนดวันนัดไว้สองวัน

พยานทั้งหมดที่ขึ้นเบิกความต่อศาลมีเพียงสองปาก คือ พันตำรวจโทเอกพล ข้าราชการตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และ เอกชัย หงส์กังวาน ที่เบิกตัวเองเป็นพยาน โดยศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ต่อไปในวันที่ 28 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 9.00 น.

ทวนความจำคดีเอกชัยโพสต์ลามก ข้อความใช้ฟ้องนำมาจากเรื่องเล่าเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ

เหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นมาจากการที่เอกชัยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในวันที่ 23 เม.ย. 2560 โดยมีข้อความว่า “พี่โม๊คให้หน่อย”, “พี่ดูดหัวนมให้หน่อย”, “พี่อยากเย็ดตูดพี่นะ”, “เขายื่นหัวนมด้านซ้ายของเขาให้ผม”, “ผมดูดหัวนมข้างซ้าย พร้อมกับสำเร็จความใคร่ให้กับเขา เขาส่งเสียงครวญครางเบา ๆ สักพักเขาจูบปากของผม เขาสอดลิ้นเข้ามาในปากของผม” ข้อความเหล่านี้ปรากฏอยู่ในซีรี่ย์ตอนที่ 9 จากทั้งหมด 14 ตอน ในหัวข้อ “ชีวิตในเรือนจำครั้งแรกของผม” อันเป็นเนื้อหาบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในเรือนจำ รวมไปถึงประเด็นเรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำชาย ที่เอกชัยเคยประสบมาระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเป็นเวลากว่า 2 ปี 8 เดือน และเขาถูกกล่าวหาจาก พ.ต.ต.เอกพล แสงอรุณ ว่าข้อความดังกล่าวเป็นการนำเข้าข้อมูลที่มีลักษณะลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลนั้นประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4)

เอกชัยได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 61 และได้ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน และต่อมาพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 62

มีข้อน่าสังเกตว่า การดำเนินคดีต่อเอกชัยเกิดขึ้นในช่วงที่เขาทำกิจกรรมไล่ตรวจสอบการทุจริตของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เกี่ยวกับการใส่นาฬิกาหรูและแหวนเพชร โดยไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

>> อัยการฟ้อง ‘เอกชัย’ โพสต์ลามก จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลให้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี

จำเลยยืนยันว่าเป็นผู้โพสต์จริง ศาลให้ระบุเจตนาว่าข้อความที่โพสต์ตั้งใจจะให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะชนหรือไม่

ศาลขึ้นนั่งบัลลังก์ ประมาณเวลา 09.30 น. ก่อนการเริ่มพิจารณาคดี จำเลยกับทนายความได้ปรึกษากัน แล้วชี้แจงต่อศาลว่าจะขอเลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ออกไปก่อน โดยเอกชัยให้เหตุผลว่า ทนายความผู้ดูแลคดีนี้แต่เดิมคือ อานนท์ นำภา ซึ่งตอนนี้กำลังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และถูกดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกทั้งในด้านพยานจำเลย ทนายความแถลงว่ายังไม่สามารถเบิกตัว ดร.อิสระ ชูศรี นักวิชาการด้านภาษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นพยานในวันนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ โดยให้เหตุผลว่าประเด็นของคดีนี้ไม่ได้มีความซับซ้อน เป็นคดีที่คั่งค้างมานาน และศาลเพียงแค่จะพิจารณาว่าการที่จำเลยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวนั้น ทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร โดยในส่วนพยานโจทก์ ศาลเห็นว่าสามารถทำการตัดพยานออกไปได้ และเน้นหนักไปที่ให้จำเลยสืบมากกว่า เนื่องจากมีการตรวจสอบและยืนยันจากตัวจำเลยเองแล้ว ว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอยู่แล้ว

พยานโจทก์ที่อัยการนำสืบเพียงปากเดียว ได้แก่พันตำรวจโทเอกพล แสงอรุณ เจ้าหน้าที่รตำรวจ จากกองกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้

พ.ต.ท.เอกพล เบิกความว่าตนมีหน้าที่คอยตรวจข้อความที่ปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ ในคดีนี้พยานได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบบัญชีของเอกชัย ว่ามีการโพสต์ข้อความใดที่ขัดต่อหลักกฎหมายบ้างหรือไม่ จากการตรวจสอบ พบว่าข้อความที่เป็นข้อพิพาทดังกล่าวถูกโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 60 เมื่อเวลา 10.08 น. อยู่บนเฟซบุ๊กที่ใช้รูปโปรไฟล์ซึ่งมีลักษณะคล้ายเอกชัย และใช้ชื่อสกุลเดียวกับเอกชัย จากการสืบสวนสอบสวน จึงเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความจริง

พยานเบิกความต่อว่า โพสต์ที่เป็นข้อพิพาทดังกล่าวบอกเล่าถึงเหตุการณ์ภายในเรือนจำ ซึ่งข้อความมีลักษณะเข้าข่ายสื่อลามก เช่น “พี่โม๊คให้หน่อย”, “พี่ดูดหัวนมให้หน่อย”, “พี่อยากเย็ดตูดพี่นะ”, “เขายื่นหัวนมด้านซ้ายของเขาให้ผม”, “ผมดูดหัวนมข้างซ้าย พร้อมกับสำเร็จความใคร่ให้กับเขา เขาส่งเสียงครวญครางเบา ๆ สักพักเขาจูบปากของผม เขาสอดลิ้นเข้ามาในปากของผม” เมื่อพบว่าข้อความมีลักษณะเข้าข่ายลามก พยานจึงทำรายงานสืบสวนต่อผู้บังคับบัญชา

พ.ต.ท.เอกพล ระบุต่อว่าในการโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว จำเลยไม่ได้มีการใส่ภาพประกอบเรื่องเล่า โพสต์ดังกล่าวถูกตั้งค่าเป็นสาธารณะ ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเห็นโพสต์ได้ บัญชีไม่มีการปิดกั้นการเข้าถึงแต่อย่างใด ซึ่งทำให้ผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถเข้าถึงโพสต์ กดไลค์ กดแชร์ คอมเมนท์แสดงความคิดเห็นได้ ผู้บังคับบัญชาจึงให้ทำการกล่าวโทษจำเลย

ทนายถามค้านพยานในประเด็นเรื่องที่เอกชัยรุกตรวจสอบการทุจริตของบุคคลในคณะรัฐมนตรีอย่างหนักในช่วงดังกล่าวที่มีการกล่าวโทษจำเลย โดยมีการนำข่าวสารความเคลื่อนไหวทางการเมืองของเอกชัยในช่วงดังกล่าว เข้าถามค้านพยาน

พ.ต.ท.เอกพลเบิกความว่า ตนรู้จักจำเลยเพราะปรากฏอยู่ตามสื่อออนไลน์ต่างๆ และทราบว่าจำเลยเป็นนักเคลื่อนไหวที่ติดตามเรื่องความโปร่งใสกรณีนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งในวันที่ 13 ม.ค. 2561 ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ จำเลยประกาศว่าจะมามอบนาฬิกาให้แก่พลเอกประวิตร ทว่าก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ในวันที่ 12 ม.ค. 2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะก็ได้เดินทางไปยื่นคำร้องขอศาลอาญาออกหมายจับจำเลย แต่ศาลปฎิเสธที่จะออกหมายให้ หลังจากนั้นไม่นาน จำเลยก็ถูกกล่าวหาด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

เอกชัยยืนยันถูกกล่าวหาเหตุเคลื่อนไหวตรวจสอบทุจริต และข้อความไม่เข้าข่ายลามก เพียงบอกเล่าประสบการณ์

เวลา 13.00 ในวันเดียวกัน ศาลได้สืบพยานต่อ เอกชัย หงส์กังวาน ได้ขึ้นเบิกตัวเองเป็นพยานให้ตนเอง ระบุว่าปัจจุบันตนอายุ 46 ปี ทำอาชีพนักเขียนอิสระ และยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊กจริง แต่ข้อความดังกล่าวไม่ได้มีลักษณะลามกตามที่โจทก์กล่าวหา จำเลยเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุตนเคยพ้นโทษคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และหลังจากนั้นก็เข้าร่วม ‘สมาคมเพื่อเพื่อน’ ซึ่งเป็นโครงการช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองที่พ้นโทษและยังอยู่ในเรือนจำ เป็นองค์กรที่จดทะเบียนตามกฎหมายในปี 2559 โดยจำเลยมีตำแหน่งเป็นเลขานุการสมาคม

จำเลยเบิกความว่าการฟ้องร้องดำเนินคดีนี้เป็นการสกัดกั้นไม่ให้ตนทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะช่วงเวลานั้นในปี 2561 เอกชัยตั้งข้อสังเกตว่าตนได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตรวจสอบการทุจริตของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เกี่ยวกับนาฬิการหรูและแหวนเพชร โดยมีความพยายามจะมอบนาฬิกาให้พลเอกประวิตรเป็นเชิงสัญลักษณ์หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ

จนกระทั่งวันที่ 9 ม.ค. 61 จำเลยนำนาฬิกาไปมอบให้พลเอกประวิตรที่ทำเนียบรัฐบาล ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารสองถึงสามคนกล่าวอ้างว่าเป็นตัวแทนของพลเอกประวิตรออกมารับนาฬิกาแทน แล้วยืนยันว่าจะเอาไปส่งให้ ทว่าจำเลยปฎิเสธที่จะส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทหารจึงข่มขู่ว่าให้ระวังตัวให้ดี หลังจากนั้น จำเลยได้ประกาศอีกครั้งว่าจะเอานาฬิกาไปมอบให้อีกที ในวันที่ 13 ม.ค. 61 เพราะได้ข่าวว่าพลเอกประวิตรจะมางานวันเด็กแห่งชาติ เลยจะเอานาฬิกาไปมอบให้

ในวันที่ 12 ม.ค. 61 วันก่อนหน้าหนึ่งวัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะก็ได้เดินทางไปยื่นคำร้องขอศาลอาญาออกหมายจับจำเลย แต่ศาลอาญาไม่อนุญาต นอกจากนี้แล้ว จำเลยยังโดนดักทำร้ายร่างกายอย่างน้อย 7 ครั้ง และโดนเผารถยนต์ส่วนตัว 2 ครั้ง ในช่วงการเคลื่อนไหวดังกล่าว ทั้งหมดนี้จำเลยเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมทางการเมืองเรียกร้องตรวจสอบการทุจริต

ส่วนประเด็นเรื่องเจตนาในการโพสต์ เอกชัยเบิกความว่าตั้งแต่ตอนที่หนึ่งถึงสิบสี่ และตอนที่เก้าที่มีข้อความพิพาทดังกล่าว เจตนาในการโพสต์คือเพื่อบอกเล่าประสบการณ์จริงในคุกที่ตนเองได้ประสบมา มีหลายคนที่เคยโดนคดี พอพ้นโทษออกมาแล้วก็เขียนเล่าประสบการณ์ในคุกเช่นกัน ตนจึงต้องการบอกเล่าและเผยแพร่ประสบการณ์เลวร้ายของตนเองในคุก เพื่อให้คนภายนอกทราบถึงความเป็นอยู่ในเรือนจำ และปัญหาการรับรู้ข้อมูลข่าวสารในเรือนจำ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อสภาพเรือนจำ

นอกจากนี้ ในตอนที่เก้าได้เขียนบอกเล่าประสบการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ เหตุผลที่ตนเขียนคือ สังคมในคุกเป็นเหมือนกับสังคมปิด หลายคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่นมีเพศสัมพันธ์อย่างไร ช่วยตัวเองอย่างไร จำเลยจึงประสงค์ที่จะเผยแพร่ข้อความดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาทุจริตในการนำเรื่องลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเรื่องราวยังถูกถ่ายทอดออกมาโดยใช้ภาษานวนิยาย มีผู้แชร์โพสต์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีความคิดเห็นใดที่บอกว่าเนื้อหามีลักษณะลามกอนาจารแต่อย่างใด

หลังเอกชัยเบิกความเสร็จสิ้น การสืบพยานในคดีนี้จึงสิ้นสุดลง ศาลได้กำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาต่อไปในวันที่ 28 เมษายน 2564 เวลา 9.00 น.