บันทึกจากห้องพิจารณา 701 ในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่ศาลไม่ได้บันทึก

15 มี.ค. 64 เวลา 10.00 น. ศาลอาญา รัชดา นัดพร้อมเพื่อรวมสำนวนคดีและตรวจพยานหลักฐานในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 63 ที่สนามหลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีผู้ถูกฟ้องคดีเป็นนักกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 22 คน พร้อมกับนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี #ม็อบ14พฤศจิกา หรือ MobFest ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 63 ซึ่งมี “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นจำเลย

​ณ ห้องพิจารณา 701 ตั้งแต่เวลา 9.00 น. จำเลยในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จำนวน 12 คน ประกอบด้วย ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, ชูเกียรติ แสงวงค์, ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, ณัทพัช อัคฮาด, ธนชัย เอื้อฤาชา, ธนพ อัมพะวัติ, ธานี สะสม, ภัทรพงศ์ น้อยผาง, สิทธิทัศน์ จินดารัตน์, สุวรรณา ตาลเหล็ก, อนุรักษ์ เจนตวนิชย์ และณัฐชนน ไพโรจน์  ซึ่งถูกแจ้งข้อหาหลัก ม.116 ทยอยเดินทางเข้ามาในห้องพิจารณา โดยมีจำเลย 2 คน ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ได้แก่ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ ซึ่งติดสืบพยานในคดีที่จังหวัดขอนแก่น และอะดิศักดิ์ สมบัติคำ ซึ่งติดภารกิจงานศพบิดา 

เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ยังได้นำตัวจำเลยอีก 8 คน ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำต่างๆ ได้แก่ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, “แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ จากเรือนจำพิเศษธนบุรี, “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล จากทัณฑสถานหญิงกลาง และ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม , สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เข้ามาในห้องพิจารณา โดยมีประชาชนจำนวนมากและครอบครัวของผู้ถูกคุมขังแต่ละคนเดินทางมาให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศในห้องพิจารณาเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

ในวันนี้ตลอดทั้งวันยังมีผู้สังเกตการณ์สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR), แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆ กว่า 14 ประเทศ สลับการเข้าร่วมฟังการพิจารณาตลอดวันนี้ด้วย ได้แก่ สหภาพยุโรป, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรเลีย , อังกฤษ, ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, ลักเซมเบิร์ก, สวีเดน, นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา

บรรยากาศของศาลอาญา ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล เจ้าหน้าที่ศาล และรปภ. จำนวนหนึ่ง คอยตรวจตราความเรียบร้อยภายในและภายนอกห้องพิจารณา เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจเดินทางมาเข้าฟังการพิจารณาเป็นจำนวนมาก มีการประกาศให้เว้นระยะห่างจากจำเลยเนื่องจากสถานการณ์โควิด 

ศาลเริ่มการพิจารณาคดี #ม็อบ14พฤศจิกา หรือ MobFest ในข้อหามาตรา 112 ซึ่งมี ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ เป็นจำเลยเพียงคนเดียว โดยอธิบายขั้นตอนว่าในวันนี้เป็นนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานในคดี 

เพนกวินได้แถลงต่อศาลว่า ศาลจะนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีได้อย่างไร ในเมื่อศาลขังตนมาไว้กว่า 1 เดือนแล้ว ตนจะมีโอกาสรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อการสู้คดีได้อย่างไร ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าอยากจะขอให้เลื่อนตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ออกไปก่อน เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์มีจำนวนมากและทนายจำเลยอีกคนติดว่าความในคดีที่จังหวัดขอนแก่น 

ศาลได้กล่าวกับเพนกวินว่า ศาลไม่ขัดข้องในเรื่องนี้ หากแต่จำเลยถูกขังระหว่างพิจารณาอยู่ การเลื่อนนัดพิจารณาคดี อาจทำให้การสืบพยานล่าช้าออกไปอีก ขณะนั้นมีเสียงจำนวนหนึ่งของประชาชนในห้องพิจารณาดังขึ้นว่า “ควรให้สิทธิ์จำเลยในการประกันตัว จึงจะเป็นธรรม”

จากนั้นศาลจึงได้อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาออกไป โดยได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาให้คู่ความทราบและกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานใหม่อีกครั้งในวันที่ 19 เม.ย. 64 เวลา 9.00 น. โดยระบุว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานเป็นเอกสาร 53 รายการ และพยานวัตถุอีก 2 รายการ

เวลา 10.30 น. “ไมค์” ภาณุพงศ์ และ “ไผ่” จตุภัทร์ ถูกนำตัวออกจากห้องพิจารณาที่ 701 ไปยังห้องพิจารณาที่ 907 เพื่อฟังคำสั่งศาลเรื่องการขอย้ายเรือนจำจากเรือนจำพิเศษธนบุรี มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามหมายขัง ซึ่งมีการไต่สวนเรื่องดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 64 โดยในวันนี้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ย้ายทั้งคู่กลับมาคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

>> ศาลอาญาสั่งย้ายที่คุมขัง ‘โตโต้-ไผ่-ไมค์’ ไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามหมายขังของศาล

เวลา 10.45 น. ศาลเริ่มพิจารณาคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร โดยอธิบายว่าในวันนี้เป็นนัดพร้อมคดีและตรวจพยานหลักฐาน โดยทางอัยการโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรวมการพิจารณาคดี ระหว่างคดีของจำเลย 4 คน ได้แก่ พริษฐ์, อานนท์, ปติวัฒน์, สมยศ ซึ่งถูกฟ้องเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 64 โดยไม่ได้รับการประกันตัว กับคดีของจำเลยอีก 18 คน ซึ่งถูกฟ้องเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 64 ซึ่งมีผู้ไม่ได้รับการประกันตัวในวันดังกล่าว จำนวน 3 คน ได้แก่ ภาณุพงศ์, จตุภัทร์, และปนัสยา 

เนื่องจากจำเลยทั้งสองคดีถูกกล่าวหาจากมูลเหตุเกี่ยวพันกัน ในเหตุการณ์เดียวกัน และมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ทำให้ศาลสั่งรวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน รวมแล้วมีจำเลยทั้งสิ้น 22 คน แบ่งเป็นจำเลยที่มีคดีหลักตามมาตรา 112 จำนวน 7 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการประกันตัวข้างต้น และจำเลยที่มีคดีหลักตามมาตรา 116 อีกจำนวน 15 คน

ขณะศาลถามว่าจะมีจำเลยคนใดคัดค้านการพิจารณาคดีหรือไม่ สมยศลุกขึ้นยืนแถลงต่อศาลว่า ผมจะสู้คดีได้อย่างไร ในเมื่อถูกคุมขังอยู่ ประชาชนในห้องพิจารณา กล่าวขึ้นมาว่า  “ให้พวกเขาประกันตัว” 

ศาลชี้แจงว่าองค์คณะที่พิจารณาคดีในวันนี้มีส่วนรับผิดชอบเพียงเรื่องการรวมสำนวนการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน ฝ่ายบริหารคืออธิบดีและรองอธิบดีศาลเป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาด้านการประกันตัว 

ศาลกล่าวต่อว่าศาลพยายามให้ความยุติธรรมและความเป็นกลางแล้ว เพนกวินถามว่าศาลเป็นกลางอย่างไร ในเมื่อขังตนไว้ แต่แกนนำ กปปส. ซึ่งศาลมีคำพิพากษาแล้วว่ามีความผิด ถูกขังเพียง 2 คืน และไม่ถูกตัดผม ก่อนได้รับการประกันตัว เหมือนกับพวกตน เพนกวินกล่าวต่อว่าไม่ว่าศาลคนใดก็พิพากษาในนามสถาบันกษัตริย์ทั้งสิ้น ผู้คนในห้องพิจารณาพากันปรบมือ 

จากนั้น ผู้พิพากษาได้เรียกตำรวจศาลเข้ามาในห้องพิจารณาเพื่อให้ควบคุมประชาชน ศาลกล่าวว่าจะไม่ให้เพนกวินแถลงต่ออีก ขอให้นั่งลง และฟังศาล แต่เพนกวินยังคงยืนอยู่และพยายามจะแถลงต่อ 

อานนท์กล่าวว่าบางเรื่องที่ศาลจะได้ฟังเป็นยาขม น่ากระอักกระอ่วนใจ แต่ศาลควรรับฟัง ศาลกล่าวว่าถ้าเช่นนั้นศาลจะเปิดโอกาสให้ได้แถลงแต่ต้องพิจารณาเป็นการลับ ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องพิจารณา เนื่องจากสิ่งที่จะกล่าว อาจกระทบกระเทือนผู้อื่น 

เพนกวินบอกว่าศาลจะกลัวอะไร อย่าปิดหูปิดตาประชาชน ศาลขอให้เพนกวินนั่งลงหลายครั้ง และยังกล่าวว่าในห้องพิจารณานี้มีกล้องวงจรปิด

จากนั้น “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ ได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลท่ามกลางบรรยากาศการถกเถียงว่า อยากให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจกันก่อน ปติวัฒน์กล่าวยืนยันว่าตนแสดงความบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด ตั้งแต่ถูกจับกุม ตนได้เข้ารายงานตัวทั้งที่จังหวัดขอนแก่น ปทุมธานี และกรุงเทพ เมื่อถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ ตนมารายงานตัวอย่างสม่ำเสมอและทำตามกฎหมายทุกอย่าง โดยนั่งรถทัวร์มารายงานตัวตามนัดอัยการตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ถึงกรุงเทพฯ เช้าวันที่ 9 ก.พ. จนมาถูกจำคุกราว 1 เดือนเต็มแล้ว 

ปติวัฒน์ระบุว่าตนใช้เวลาพิจารณาชีวิตในระหว่างนี้มาโดยตลอดว่า ที่ผ่านมาตนแสดงความบริสุทธิ์ใจ ให้ความร่วมมือและทำตามกฎหมาย แต่กลับต้องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจในคุก ตั้งแต่แม่เสียเมื่อเดือนสิงหาคม 63 ที่ประเทศอังกฤษ ศพของแม่ยังอยู่ที่นั่น ตนยังไม่ได้มีเวลาจัดการและต้องเจ็บปวดซ้ำซ้อนกับคดีมาตรา 112 ตนอยากทราบว่าการพิจารณาคดีวันนี้จะให้ผลดีหรือผลเสียแก่ตนอย่างไรบ้าง 

ศาลจึงอธิบายขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายให้ฟัง พร้อมทั้งยังกล่าวขอให้อานนท์ นำภา ช่วยอธิบายเรื่องกระบวนการพิจารณาและการประกันตัวแก่จำเลยที่เหลือเพิ่มเติม เนื่องจากคิดว่าทนายอานนท์น่าจะเข้าใจกระบวนการเป็นอย่างดี 

อานนท์จึงลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่า เพราะตนเข้าใจกระบวนการเป็นอย่างดี ตนจึงพูดไม่ออกกับเรื่องดังกล่าว (เรื่องสิทธิในการประกันตัว) หากตนไม่เข้าใจ ตนคงลุกขึ้นถาม แต่เพราะเข้าใจจึงไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรกับเรื่องนี้ และไม่มีเรื่องอะไรในกระบวนการตอนนี้ที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจ

สมยศได้กล่าวกับศาลอีกว่า พวกผมอยู่ในสถานะถูกมัดมือชก ถูกคุมขัง เราจะเดินหน้าคดีต่อไปได้อย่างไร อยากให้ศาล เรียนกับศาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกันตัวถึงเรื่องนี้ โดยอธิบายว่าแม้แต่คำฟ้องจำนวน 20-30 แผ่นนี้ ในเรือนจำก็ยังไม่มีที่เก็บ ซ้ำตนไม่สามารถแม้แต่จะหาที่นั่งอ่านอย่างเงียบสงบในเรือนจำได้ การคุมขังพวกตนคือการตัดสินไปล่วงหน้านั่นเอง

เอกชัยได้กล่าวเสริมว่าการคุมขังเช่นนี้ต่อให้ท้ายที่สุดชนะคดี ก็ไม่มีประโยชน์เพราะถูกขังฟรีไปแล้ว 

ศาลกล่าวว่าศาลจะรับคำแถลงนี้และรู้สึกเห็นใจจำเลยทุกคนที่ถูกคุมขังอยู่ สมยศกล่าวว่าศาลต้องกล้าหาญในการบอกว่า ศาลไม่สามารถเป็นผู้พิจารณาในคดีนี้ได้ หากจำเลยทั้งหมดยังไม่ได้รับการประกันตัว 

ตลอดการพูดคุยในห้องพิจารณามีเสียงปรบมืออยู่เป็นระยะจากผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณา ขณะที่เพนกวินยังพยายามจะแถลงสิ่งที่ได้เตรียมมาแต่ศาลไม่ให้แถลง ยืนยันว่าหากจะแถลงต้องพิจารณาลับ 

เจ้าหน้าที่ตำรวจศาลได้พยายามเดินเข้ามาล้อมเพนกวิน แต่ประชาชนในห้องพิจารณาเริ่มยืนขึ้น รุ้ง ปนัสยาได้เดินเข้าไปด้านหลังเพนกวิน และพยายามยืนกันเพนกวินเอาไว้ไม่ให้มีใครเข้าใกล้ 

ผู้พิพากษาองค์คณะได้สั่งพักการพิจารณา แล้วเดินออกจากห้องพิจารณาไป โดยสั่งให้ตำรวจศาลเชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องในคดีออกจากห้องพิจารณา 

ภายหลังศาลออกจากห้องพิจารณาแล้ว เพนกวินยังคงพยายามแถลงสิ่งที่เตรียมมา โดยตำรวจศาลรวมถึงเจ้าหน้าที่ศาล และรปภ. ประมาณ 15 คน พยายามเข้ามาล้อมเพนกวินไว้เพื่อจะนำตัวออกไป 

เพนกวินได้ลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ไม้ในห้องพิจารณา ประชาชนที่มาฟังการพิจารณาพยายามยืนขึ้นคล้องแขนล้อมเพนกวินไว้ บางคนชูสามนิ้ว เพื่อแสดงถึงความสนับสนุน 

ใจความในตอนหลังของการแถลงดังกล่าวคือ การประกาศอดอาหารเพื่อประท้วงการไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว โดยจะดื่มแค่น้ำเปล่า น้ำหวาน และน้ำนม จนกว่าศาลจะคืนสิทธิในการประกันตัวให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกคน โดยหวังว่าความทรมานของตนจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง เพนกวินได้แถลงจนจบใจความที่ต้องการ ก่อนถูกตำรวจศาลนำตัวออกไปจากห้องพิจารณา พร้อมผู้ถูกคุมขังคนอื่นๆ ประชาชนในห้องพิจารณาตะโกนพร้อมกันว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” จำนวน 3 ครั้ง

>> อ่าน คำแถลงทั้งหมดของพริษฐ์จากเพจ “ราษฎร”

ในช่วงบ่ายเวลาประมาณ 13.30 น. ศาลได้กลับมาพิจารณาคดีอีกครั้ง โดยตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่ศาลได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดกับการเข้าฟังการพิจารณา มีการกั้นแผงรั้วเหล็กที่ระเบียงทางเดินศาลไปยังห้องพิจารณาที่ 701 มีการคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปยังห้องพิจารณา โดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าฟัง 

ต่อมาได้มีการพูดคุยให้เฉพาะผู้ที่จำเลยร้องขอ สามารถเข้าไปให้ห้องพิจารณาได้ ได้แก่ ญาติ หรือบุคคลที่จำเลยไว้วางใจ และต่อมายังอนุญาตให้ผู้แทนสถานทูตเข้าฟัง ทั้ังได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนได้เข้าฟังการพิจารณาด้วย

ศาลได้ปรึกษากับทนายความว่าในวันนี้มีจำเลย 2 คน ไม่ได้เข้าร่วมการพิจารณา โดยมีเหตุติดขัดจำเป็นและในคดีนี้โจทก์อ้างส่งเอกสารจำนวนมากโดยเป็นพยานเอกสาร 234 ลำดับ และแผ่นซีดีจำนวน 22 แผ่น 

ทนายจำเลยและอานนท์ จึงได้แถลงขอให้ศาลเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานไปอีกนัดหนึ่ง เพื่อให้มีเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน 

ทนายความยังแถลงขอให้ศาลอนุเคราะห์เรื่องการคุมขังจำเลย ได้แก่ พริษฐ์และอานนท์ ไว้รวมกับผู้ที่ถูกขังระหว่างพิจารณา มิใช่คุมขังในแดนนักโทษเด็ดขาด เพื่อให้สะดวกต่อการปรึกษาเรื่องการต่อสู้คดีในเรือนจำ 

ศาลระบุว่าการควบคุมตัวจำเลยและผู้ถูกคุมขังทั้งหมดเป็นอำนาจหน้าที่ของทางราชทัณฑ์ แต่เพื่อให้โอกาสจำเลยที่ถูกฟ้องและจำกัดอิสรภาพได้มีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จึงขอความอนุเคราะห์ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป โดยได้บันทึกคำแถลงประเด็นนี้ไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา แต่ศาลไม่ได้บันทึกคำแถลงต่างๆ ของจำเลยแต่ละคนในช่วงเช้าไว้ในกระบวนพิจารณาแต่อย่างใด

ศาลได้กำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานใหม่อีกครั้งเป็นวันที่ 29 มี.ค. 64 เวลา 9.00 น. 

X