วันที่ 17 ก.พ. 64 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ชัยพงษ์ สำเนียง อาจารย์มหาวิทยาลัย และ 2 ประชาชน เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก จากการชุมนุม #เชียงใหม่จะไม่ทน ที่ข่วงประตูท่าแพ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 63 ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหามาตรา 116 ,พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เช่นเดียวกับ 33 ผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวานนี้ ผู้ต้องหาอีก 3 คน ยืนยันให้การปฏิเสธเช่นเดียวกัน ก่อนปล่อยตัวกลับโดยไม่มีการควบคุมตัว
วันนี้ เวลาประมาณ 9.00 น. ชัยพงษ์ สำเนียง อาจารย์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.วัชรพล ยมเกิด ตามหมายเรียกผู้ต้องหา โดยบรรยากาศการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาวันนี้ ไม่มีการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ การล้อมรั้วเหล็ก หรือตั้งจุดคัดกรองโรคแต่อย่างใด มีเพียงเพื่อน และผู้ต้องหาส่วนหนึ่งที่รับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วเมื่อวานนี้เดินทางมาให้กำลังใจเขา อีกทั้งก่อนหน้าการรับทราบข้อกล่าวหาของชัยพงษ์ ได้มีประชาชน 2 ราย ที่ได้รับหมายเรียกในคดีเดียวกันเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมด้วยทนายส่วนตัว โดยทั้งสองคนได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่นก่อนหน้านี้ และทั้งสองได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นกัน
ทางตำรวจได้นำชัยพงษ์ ไปทำการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ก่อนพ.ต.ท.วัชรพล พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบสำนวนคดี จะทำการแจ้งข้อกล่าวหา ใน 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2) และ (3), ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6)
พฤติการณ์ที่ชัยพงษ์ ถูกกล่าวหาระบุกว้างๆ เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทุกคนในคดี ว่าได้เข้าร่วมการชุมนุม ที่ลานอเนกประสงค์ท่าแพ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 เวลาประมาณ 17.00 – 20.30 น. โดยมี 5 แกนนำขึ้นปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต พูดปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ร่วมกันชูป้ายและร้องเพลง ร่วมกันแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว พร้อมเปิดไฟแฟลตโทรศัพท์มือถือ
ชัยพงษ์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอให้การเพิ่มเติมในชั้นสอบสวนเป็นหนังสือภายใน 30 วัน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ก็ได้เดินทางกลับโดยไม่มีการควบคุมตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตว่าในการบรรยายพฤติการณ์ข้อกล่าวหา ไม่มีการระบุชัดเจนว่าพฤติการณ์หรือการกระทำใดที่เข้าข่ายข้อหาตามมาตรา 116 โดยที่นักศึกษาและประชาชนแทบทั้งหมดเพียงแต่ไปร่วมการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้กล่าวปราศรัยหรือเป็นแกนนำในการจัดชุมนุม หรือแม้แต่แกนนำนักศึกษาที่ร่วมปราศรัยก็ไม่ได้มีการระบุชัดเจนว่าคำปราศรัยใดที่เข้าข่ายความผิดข้อหามาตรา 116 ทั้งพฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงการชุมนุมดังกล่าวก็เป็นไปโดยสงบเรียบร้อย ไม่ได้มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวต่อนักศึกษาประชาชนจำนวนมากเช่นนี้ จึงเข้าข่ายการตั้งข้อกล่าวหาเกินจริงและไม่เป็นธรรม