27 ม.ค. 64 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับการเปิดเผยจากนายศุภวิทษ์ ประสินทอง อายุ 22 ปี อาศัยอยู่ที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่าได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบประมาณ 8 นาย เดินทางมาที่บ้านของตนในช่วงวานนี้ เพื่อพยายามให้ยอมรับว่าเป็นผู้ติดป้ายผ้าข้อความ “จับเด็ก กราบหมา ยัด 112” บริเวณสะพานลอยในอำเภอ โดยเจ้าหน้าที่มีการเดินเข้ามาในพื้นที่บ้าน และไม่ได้มีการแสดงหมายใดๆ รวมทั้งมีการไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากร้านค้าใกล้บ้านด้วย
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 นายศุภวิทษ์เคยมีส่วนร่วมในการจัดการชุมนุม “เพชรบูรณ์ไม่รับใช้เผด็จการ” ในพื้นที่อำเภอหนองไผ่ และได้กล่าวปราศรัยในการชุมนุมดังกล่าว รวมทั้งยังไปร่วมกิจกรรมชุมนุมอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามข้อมูลถึงที่บ้านมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง และยังทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ไปสืบหาข้อมูลตนจากเพื่อนด้วย ทำให้คิดว่าเจ้าหน้าที่มีการจับตาเขาอยู่
ในช่วงคืนวันที่ 25 ม.ค. 64 พบว่ามีการติดป้ายผ้าข้อความ “จับเด็ก กราบหมา ยัด 112” บริเวณสะพานลอยในพื้นที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์
จากนั้นในช่วงวันที่ 26 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. เศษ ได้มีชายประมาณ 8 คน แต่งกายนอกเครื่องแบบเดินทางมาที่บ้านของศุภวิทษ์ ด้วยรถ 2-3 คัน ในตอนแรกได้มีเจ้าหน้าที่เปิดรั้วบ้านและเดินเข้ามาเรียกหาศุภวิทษ์ในพื้นที่บ้านเอง แต่เขานั่งกินข้าวอยู่ และไม่ได้สนใจเจ้าหน้าที่ จึงไม่ได้ออกไปพบ ต่อจากนั้นแม่ของตนได้สังเกตเห็น จึงออกไปพูดคุยด้วย ศุภวิทษ์จึงเดินออกไปคุยด้วยที่หน้าบ้าน
เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งระบุตนว่าเป็นตำรวจ ทั้งหมดมายืนล้อมหน้าบ้านของเขา และมีคนที่คอยถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอไว้ตลอดด้วย ศุภวิทษ์สังเกตว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ที่คุ้นหน้าในอำเภอหนองไผ่ ทำให้คิดว่าน่าจะมาจากพื้นที่อื่น และเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีหมายใดๆ มา
ภาพกลุ่มเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ
เจ้าหน้าที่ระบุว่ามาตรวจสอบการแขวนป้ายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในอำเภอ โดยพยายามสอบถามย้ำๆ ว่าศุภวิทษ์เป็นผู้กระทำหรือไม่ โดยระบุในลักษณะว่าเป็นลูกผู้ชาย ถ้ากล้าทำ ก็ขอให้ยอมรับ และถามอีกว่าการติดป้ายได้ขออนุญาตหรือยัง ทำไปเพื่ออะไร พร้อมกล่าวย้ำหลายครั้งว่าการแขวนป้ายต่างๆ บนสะพาน ต้องมีการขออนุญาตทางเทศบาลก่อน
เจ้าหน้าที่ยังระบุเรื่องการเข้าไปในเขตบ้าน โดยยกตัวอย่างว่าถ้าหากเพื่อนมาหา แล้วเรียกเราแล้วไม่ได้ยิน ก็ต้องเดินเข้ามาเรียกถึงด้านในบ้านใช่หรือไม่ แต่ศุภวิทษ์ถามว่าหากคนที่เข้ามาเป็นคนที่ไม่รู้จักมาก่อน ไม่ใช่เพื่อน จะทำได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้
กลุ่มเจ้าหน้าที่ยังอ้างว่าการมาพบที่บ้าน เป็นการมาเยี่ยมประชาชน และได้ไปมาหลายบ้านแล้ว แต่เมื่อศุภวิทษ์ตรวจสอบก็พบว่าเป็นการเจาะจงมาหาตน เพราะไม่มีคนแถวบ้านที่เจ้าหน้าที่ไปหา หรือคนที่เคยไปร่วมการชุมนุมทางการเมือง จากการตรวจเช็ค ก็ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ไปหาแต่อย่างใดในช่วงนี้
โดยรวม เจ้าหน้าที่ยังพยายามพูดคุยเรื่องการไปแขวนป้าย และการต้องขออนุญาตในการแขวนป้ายก่อน ทั้งหมดใช้เวลาอยู่หน้าบ้านประมาณ 10 นาที ก่อนเดินทางกลับออกไป โดยยังไม่ทราบว่าจะมีการดำเนินการใดอีกหรือไม่
ศุภวิทษ์ยังระบุว่าตนได้ทราบในภายหลังด้วยว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านค้าใกล้บ้าน โดยไม่ได้มีหมายใดๆ และมีการเจาะจงขอดูพฤติการณ์ของศุภวิทษ์ เนื่องจากมักไปซื้อของที่ร้านค้าดังกล่าวด้วย