28 ต.ค. 2563 ศาลจังหวัดมหาสารคามนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดมหาสารคามเป็นโจทก์ฟ้อง “บอย” พงศธรณ์ ตันเจริญ นิสิตปี 2 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สมาชิก “แนวร่วมนิสิต มมส.เพื่อประชาธิปไตย” จากเหตุการชุมนุม “อีสานสิบ่ทน” ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2563
ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องของโจทก์ให้พงศธรณ์ จำเลยในคดีฟัง ซึ่งตามคำฟ้องโจทก์ระบุว่า พงศธรณ์ได้กระทำผิดต่อกฎหมายรวม 2 กรรม ได้แก่ จัดการชุมนุมในลักษณะมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่ายโดยไม่มีมาตรการป้องกันโควิด และแสดงความคิดเห็นต่อต้านรัฐบาลแก่ประชาชนทั่วไป โดยการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยโจทก์เห็นว่าเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9, พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 (อ่านรายละเอียดคำฟ้อง)
จากนั้นศาลได้ถามคำให้การ พงศธรณ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตามคำให้การเป็นเอกสารที่ได้ยื่นต่อศาลแล้ว เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์ การชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด โดยจัดให้มีจุดคัดกรองโรค และแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วม อีกทั้งในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามไม่พบว่ามีประชาชนติดเชื้อโควิดทั้งก่อนและหลังการชุมนุมที่เป็นเหตุของคดีนี้
ในการตรวจพยานหลักฐาน อัยการแถลงตามบัญชีพยานโจทก์ว่า มีพยานบุคคลที่จะนำเข้าเบิกความรวม 12 ปาก ได้แก่ ตำรวจชุดสืบสวนและจับกุม 3 ปาก, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกันทรวิชัย 1 ปาก, เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 3 ปาก, เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลขามเรียง 1 ปาก, เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม 2 ปาก และพนักงานสอบสวน 2 ปาก
ด้านทนายจำเลยแถลงจะนำพยานบุคคลเข้าสืบรวม 5 ปาก ได้แก่ จำเลย, นายแพทย์ประจำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ส่วนอีก 3 ปาก จะยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมในภายหลัง
ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยรวม 3 นัด ในวันที่ 26-28 ม.ค. 2564
หลังกระบวนการในศาล พงศธรณ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมจะสู้ให้ถึงที่สุดจะดูว่ากระบวนยุติธรรมมันยังหลงเหลือความยุติธรรมไหม หรือจะสร้างความยุติธรรมแค่กับกลุ่มผู้มีอำนาจ? เราจะได้รู้เห็นว่าพวกอำมาตย์ที่ปกครองคนไทยอยู่ขณะนี้สมควรที่จะวางมือจากอำนาจแล้วสถาปนาอำนาจของประชาชนขึ้นมาแทนที่ ในประเทศนี้ถ้าไม่มีความยุติธรรมก็ไม่ต้องถามหาสันติภาพ ความสงบจะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้าประเทศเรายังใช้กระบวนการสองมาตราฐานแบบนี้…”
ชุมนุม #อีสานสิบ่ทน ภาพโดย ประชาไท
การชุมนุม #อิสานสิบ่ทน ที่เป็นเหตุในคดีนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2563 โดย “แนวร่วมนิสิต มมส.เพื่อประชาธิปไตย” บริเวณลานแปดเหลี่ยม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อนหน้ากิจกรรม พงศธรณ์ถูกคณบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยเรียกพบ แสดงความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด และมหาวิทยาลัยยังได้ออกประกาศไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรม โดยอ้างว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่กลุ่มนักศึกษาได้ประกาศยืนยันจัดกิจกรรมเช่นเดิม โดยมีนักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก การชุมนุมซึ่งดำเนินไปถึงช่วงค่ำ มหาวิทยาลัยไม่ยอมเปิดไฟสปอร์ตไลท์บริเวณที่ชุมนุม ปล่อยให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความมืดจนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบไม่น้อยกว่า 100 นาย ตรึงกำลังและบันทึกภาพตลอดกิจกรรม