19 กันยายน 2563 วันชุมนุมใหญ่ #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร โดยกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมทำให้อุณหภูมิการเมือง-สังคม พุ่งสูงสวนทางกับฝนที่สาดสาย ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้จัดชุมนุมได้ประกาศถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการชุมนุมหลายประการซึ่งล้วนแต่ท้าทายอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการทวงคืนสนามหลวง การแจกหนังสือวิจารณ์พระราชอำนาจ หรือการปราศรัยที่จะยกระดับเพดาน ฯลฯ
ด้วยรายการกิจกรรมที่ท้าทาย การป้องปรามจึงเข้มข้นเป็นเงาตามตัว ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ประมวลสถานการณ์ในช่วงครึ่งวันแรกของการชุมนุม ซึ่งเต็มไปด้วยการต่อรอง รุกคืบ และล่าถอยทั้งจากประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐไว้ ดังนี้
การสกัดกั้นผู้ชุมนุมและปิดกั้นพื้นที่ก่อนวันชุมนุมใหญ่
การล้อมรั้วสนามหลวงในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานับว่ารัดกุมเป็นพิเศษ พร้อมกระแสข่าวว่าสถานะของสนามหลวงทั้งการเป็น “โบราณสถาน” และ “พื้นที่ของสำนักพระราชวัง” อาจเป็นเงื่อนไขทำให้ประชาชนชุมนุมที่สนามหลวงไม่ได้
นอกจากนี้ยังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ติดตามนักกิจกรรมและกลุ่มชาวบ้านหลายรายเพื่อสอบถามเรื่องการไปร่วมชุมนุม สมาชิกกลุ่มสมัชชาคนจนถึงที่พักอย่างน้อยสองราย คือแกนนำชาวบ้านจากชุมชนโคกอีโด่ย จ.สระแก้ว และ บ้านเก้าบาตร จ.บุรีรัมย์ ที่จังหวัดกระบี่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองติดตามนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายหนึ่งถึงโรงเรียนเพื่อสอบถามเรื่องการไปชุมนุมเช่นกัน รวมทั้งเกิดการบุกที่พักและยึดป้ายผ้ารณรงค์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์และวิจารณ์รัฐบาลที่กลุ่มนักกิจกรรมในจังหวัดขอนแก่นเตรียมนำมาใช้ในการชุมนุมที่สนามหลวง
วันที่ 18 กันยายน มีรายงานว่าเกิดการสกัดกั้นประชาชนจากต่างจังหวัดผู้ตั้งใจเดินทางมาชุมนุมในหลายพื้นที่ตลอดทั้งวันทั้งคืน เช่นในพื้นที่จังหวัดศรีษะเกษ ลำพูน พะเยา ฯลฯ ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงบ่าย เจ้าหน้าหน่วยเก็บกู้ระเบิดได้เข้าติดตั้งประตูตรวจจับโลหะ บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเหนือประตูมีกล้องวงจรปิดหันมาทางผู้เดินเข้าประตูฯ
ในช่วงค่ำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ลั่นกุญแจประตูมหาวิทยาลัยฝั่งสนามหลวง แล้วปิดป้ายว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปิดทำการชั่วคราวระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน 2563” โดย รปภ. แจ้งว่าในวันชุมนุมจริงจะเปิดประตูฝั่งถนนพระอาทิตย์ให้เข้าออกโดยมีมาตรการคัดกรองและตรวจบัตรประชาชน
เช้าวันที่ 19 กันยายน 2563 การตรึงกำลังอย่างหนาแน่นของเจ้าหน้าที่
06.28 น. ประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้ง 4 ประตู ได้แก่ ประตูฝั่งสนามหลวงทั้งฝั่งเข้าและออก ประตูฝั่งท่าพระจันทร์ และฝั่งถนนพระอาทิตย์ถูกลั่นกุญแจทั้งหมด เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยนำรั้วเหล็กมาตั้งตามจุดต่างๆ ที่ประชาชนจะผ่านเข้าสู่สนามหลวง บริเวณโรงละครแห่งชาติ ฝั่งเชิงสะพานปิ่นเกล้า พบรถตู้ในสังกัดของสถานีตำรวจภูธรราว16 คัน และรถควบคุมผู้ต้องขังจอดอยู่ 8.30 น. ภายในโรงละครแห่งชาติ พบตำรวจในเครื่องแบบกระจายตัวอยู่ โดยสวมทั้งชุดกากีปกติ ชุดสีน้ำเงิน ผ้าพันคอสีเทา สีฟ้า สีน้ำตาล และกองร้อยหญิง
ตำรวจยึดหนังสือวิจารณ์พระราชอำนาจเกือบ 50,000 เล่ม ที่เตรียมมาแจกในการชุมนุม
10.40 น. ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก สภ.คลองหลวงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เดินทางไปบ้านนักกิจกรรมใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ รังสิต จากนั้นพยายามยึดหนังสือ “ปรากฎการณ์สะท้านฟ้า 10 สิงหา ข้อเรียกร้องว่าด้วยสถาบันกษัตริย์” ซึ่งเป็นหนังสือบันทึกคำปราศรัยวิจารณ์พระราชอำนาจจากเวที #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน เมื่อ 10 ส.ค. 2563 จำนวน 49,990 เล่ม สำหรับแจกผู้ชุมนุมวันนี้ซึ่งจัดเรียงอยู่ในรถบรรทุกเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าจะนำหนังสือไปตรวจสอบว่ามีเนื้อหาล้มล้างการปกครองหรือไม่
ทั้งนี้ ตำรวจไม่ได้แสดงหมายค้นซึ่งแสดงว่าเจ้าหน้าที่คนใดเป็นผู้ค้น เจ้าหน้าที่มีจำนวนเท่าใด มีอำนาจใดในการค้น ตลอดจนต้องการค้นหาที่ใดของบริเวณที่พัก และไม่ได้แสดงหมายจับ นักศึกษานั่งคล้องแขนขวางรถบรรทุกขนหนังสือไว้ และเสนอให้ตำรวจนำหนังสือไปตรวจได้จำนวนหนึ่ง หากหนังสือเหล่านี้มีเนื้อหาเข้าองค์ประกอบความผิดฐานการล้มล้างการปกครองดังกล่าว ให้ตามไปยึดได้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่ตำรวจอ้างว่าในรถอาจมีสิ่งของอื่นที่อาจผิดกฎหมายอีก
11.17 น. ตำรวจกว่า 20 นาย ล้อมกลุ่มนักศึกษาราว 10 รายไว้ และมีการนำกำลังตำรวจมาสมทบมากขึ้น จากนั้นตำรวจ 3 นาย ได้เปิดประตูหลังของรถบรรทุกและตะโกนถามว่ามีอะไรผิดกฎหมายอีกหรือไม่ ตำรวจอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้ารถบรรทุกพยายามลากตัวนักศึกษา 2 คนออกไป จนเกิดเหตุชลมุน นักศึกษาที่เหลือขอร้องไม่ให้มีการพาตัวเพื่อนนักศึกษาออกไปที่ไหนระหว่างค้นรถบรรทุก ก่อนเหตุการณ์สงบลง
11.24 น. เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถบรรทุกเสร็จสิ้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย นักศึกษาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันก่อนว่าสิ่งของในรถไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตาม ม.116 ยุยงปลุกปั่น ดังที่ตำรวจกล่าวอ้าง 11.28 น. มีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเริ่มขนถ่ายหนังสือจากรถบรรทุกไปที่รถกระบะของตำรวจ นักศึกษากล่าวว่า “เราไม่ยินยอม แต่จำยอมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่มาเต็มซอยหอพักแล้ว” 11.39 น. นักศึกษาเดินทางไปลงบันทึกประจำวันเรื่องการตรวจยึดหนังสือ ที่ สภ.คลองหลวง ต่อมาได้รับการรายงานงานว่านักศึกษาคนดังกล่าวได้ถูกตำรวจพาไปห้องสอบสวนต่อเพื่อเตรียมการแจ้งข้อกล่าวหา ข้อหายุยงปลุกปั่น ม. 116 และห้ามการชุมนุม ตาม พรก. ฉุกเฉินฯ การจากชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63
รถเครื่องเสียงถูกสกัด-รถเครื่องปั่นไฟยางแบน
11.30 น. กลุ่มผู้จัดชุมนุมฯ ปักหลักหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวง คอยประกาศและสื่อสารข้อมูลต่างๆ ขณะเดียวกันที่ฝั่งตรงกันข้าม บริเวณสนามหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งและตำรวจซึ่งเป็นที่สังเกตได้ว่าเป็นตำรวจชุดควบคุมฝูงชนราวสิบนายปักหลักยืนประกาศผ่านรถเครื่องเสียงเช่นกัน โดยมีสาระสำคัญว่าเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงขอห้ามทำการชุมนุม
11.40 น. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ประกาศว่าตำรวจกำลังสกัดรถขนอุปกรณ์สำหรับการชุมนุมที่มาถึงเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ขอระดมมวลชนไปช่วยเอารถเข้าพื้นที่ โดยรถที่ถูกสกัดมีอย่างต่ำ 6 คัน ประกอบไปด้วยรถเครื่องเสียง รถขนอุปกรณ์ประกอบเวที รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ และรถเครื่องปั่นไฟ จากนั้น ปิยรัฐ จงเทพ ได้เข้าเจรจากับตำรวจ
ในเวลาใกล้เคียงกันที่สะพานพระปิ่นเกล้า ประชาชนและสื่อมวลชนราว 100 คนได้เดินข้ามสะพานเพื่อเข้าสู่พื้นที่ชุมนุม เมื่อมาถึงเชิงสะพาน ประชาชนได้โห่ไล่ตำรวจและตะโกนว่า “ออกไป” หลายครั้ง ประชาชนส่วนหนึ่งร่วมคล้องแขนกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าถึงรถขนอุปกรณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่เสนอเงื่อนไขว่าจะปล่อยรถทั้งหมดเข้าสู่บริเวณจัดชุมนุมแต่ต้องให้เจ้าหน้าที่ขับรถประกบรถขนอุปกรณ์อีกต่อหนึ่งด้วย ซึ่งปิยรัฐตกลงและให้อาสาสมัครคอยสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกต่อหนึ่ง
11.56 น. มวลชนช่วยนำรถขนอุปกรณ์มาถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สำเร็จ แต่ตำรวจถ่ายรูปบัตรประชาชนคนขับรถเครื่องเสียงไว้ ผู้จัดฯ จึงเข้าเจรจาขอให้ตำรวจลบรูปเนื่องจากไม่มีสิทธิทางกฎหมายที่จะทำเช่นนั้น 12.00 น. คนขับรถเครื่องปั่นไฟพบว่ารถยางแบน และตั้งข้อสันนิษฐานว่ายางรั่วขณะรถเดินทางมาถึงเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ไม่ได้รั่วระหว่างการเดินทางก่อนหน้านั้น ปิยรัฐกล่าวว่ากรณีนี้ตำรวจต้องรับผิดชอบและเปลี่ยนยางให้
การเข้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการปราศรัยอุ่นเครื่อง ก่อนเข้าสนามหลวง
12.05 น. ประชาชนเข้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งสนามหลวงได้สำเร็จ ซึ่งภายในมหาวิทยาลัยมีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบประจำอยู่แล้วหลายจุด เช่นบริเวณหน้าหอประชุมใหญ่และคณะนิติศาสตร์ โดยเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพผู้ชุมนุมไว้ทั้งด้วยอุปกรณ์ที่เห็นได้ชัดอย่างโทรศัพท์มือถือและกล้องขนาดจิ๋ว 12.25 น. รถที่ถูกใช้เป็นเวทีเคลื่อนเข้าสู่สนามฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ ภานุพงศ์ จาดนอก ตะโกนปราศรัยอยู่บนรถ เนื่องจากรถเครื่องเสียงยังตามเข้ามาไม่ได้ขณะนั้น ต่อมารถเครื่องเสียงตามเข้ามาได้ในที่สุด
12.57 น. ผู้ปราศรัยเริ่มผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีและเชิญชวนประชาชนมาให้เต็มพื้นที่ 13.40 น. ที่ประตูมหาวิทยาลัยฝั่งถนนท่าพระจันทร์ประชาชนจำนวนหนึ่งมีเจรจาจนฝ่าการปิดกั้นการปิดประตูเข้ามาในมหาวิทยาลัยสำเร็จ โดยมีมวลชนปรบมือต้อนรับกลุ่มคนที่เข้ามาร่วมชุมนุมเพิ่ม ซึ่งภายหลังโฆษกกรมตำรวจกล่าวว่าการผลักดันผ่านประตูธรรมศาสตร์ทุกด้านอาจมีความผิดในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ 13.50 น. กลุ่ม #นนทบุรีปลดแอก เดินขบวนเข้าสนามฟุตบอล โดยมีตำรวจนอกเครื่องแบบติดตามถ่ายคลิป ราว 14.00 น. แกนนำการชุมนุม และผู้ปราศรัยทั้งหมดขึ้นรถเวทีและเดินทางออกจากธรรมศาสตร์ มุ่งหน้าสู่สนามหลวง