17 มิถุนายน 2563 – ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Bunkueanun Paothong” ทราบภายหลังคือ นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือ “ฟรานซิส” นักศึกษาคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปี 2 หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในผู้จัดกิจกรรมแฟลชม็อบที่มหาวิทยาลัยมหิดล (ก่อนหน้านี้ไม่เคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน) ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้รายงานผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่สันติบาลกลุ่มหนึ่งเดินทางไปที่บ้านของตนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมทั้งกำชับให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้า หากต้องการจะออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งการมาพบถึงบ้านในลักษณะนี้สร้างความกังวลให้กับเขาและครอบครัว
จากการสอบถามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ฟรานซิสเล่าว่า ในวันที่ 17 มิถุนายน ที่เพิ่งผ่านมานั้น ตนได้รับการแจ้งล่วงหน้าจากคนรู้จักของครอบครัว โดยโทรเข้ามาทางเบอร์โทรของมารดา ให้ข้อมูลว่า กำลังจะมีเจ้าหน้าที่สันติบาลราว 3 – 4 นาย เดินทางเข้าไปที่บ้านของเขาในจังหวัดนครสวรรค์ โดยเจ้าหน้าที่ชุดนี้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และกำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ แต่ไม่ทราบว่าเดินทางไปเพื่อจุดประสงค์ใด
เกือบ 1 ชั่วโมงต่อมา เวลาราวบ่าย 3 โมง เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ได้เดินทางมาถึงที่บ้าน ก่อนจะสอบถามเรื่องวันเปิดเรียน พร้อมถามว่ามีแผนที่จะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ มีการพูดถึงพริษฐ์ ชิวารักษ์ หนึ่งในแกนนำนักศึกษาสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) แล้วถามว่า รู้จักกับพริษฐ์เป็นการส่วนตัวหรือไม่
เจ้าหน้าที่ทั้งสี่ได้ชี้แจงถึงเหตุผลของการมาพบในครั้งนี้ นั่นก็เพราะว่ามารดาของฟรานซิสเป็นห่วง ไม่อยากจะให้ลูกโดนจับ มีคดีความหรือมีอันตราย จากนั้นได้กำชับว่า หากจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งหน้า ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ห้าม แต่ขอให้โทรแจ้งก่อนอย่างน้อยซัก 2 – 3 วัน เพื่อจะได้มาดูแลได้
“เหมือนเขาพยายามยื่นข้อเสนอว่า ถ้าจะให้ปกป้องให้ต้องมีข้อมูลมาแลกนะ ต้องบอกว่าจะทำกิจกรรมอะไร เมื่อไหร่ เราก็ตอบไปแค่ว่า จะขอคิดดูก่อน” – บุญเกื้อหนุน เป้าทอง “ฟรานซิส”
ฟรานซิสตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการแนะนำตัวของเจ้าหน้าที่แต่ละนายว่า หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นคนหลักๆ ที่ติดตามข้อมูลของคนที่จัดกิจกรรมทางการเมือง ส่วนอีกคนแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้กำกับที่ดูแลหน่วยใดหน่วยหนึ่งของสันติบาล แต่ไม่ได้บอกชื่อ โดยมี 3 คนในกลุ่มบอกว่า เขาเป็นคนพื้นเพจังหวัดนครสวรรค์
ระหว่างการสนทนา เจ้าหน้าที่มีท่าทีพยายามจะซื้อใจนักกิจกรรม อ้างว่าตนเองเคยออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน และเข้าใจดีหากจะมีการจัดกิจกรรมอีกครั้ง เกือบ 1 ชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้เดินทางกลับ แต่ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ และกำชับฟรานซิสว่า หากมีกรณีเคลื่อนไหว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้า
ยกระดับการคุกคาม หลังนักศึกษาจำนวนมากแสดงออกทางการเมืองตั้งแต่ต้นปี
กรณีที่เกิดขึ้นกับฟรานซิสนั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นกระบวนการที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามอุณหภูมิทางการเมือง โดยเฉพาะภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ อ้างอิงจาก Thai Enquirer ที่ได้สัมภาษณ์แกนนำนักศึกษาจำนวน 12 คน มีรายงานว่า ไม่ใช่แค่รัฐเท่านั้นที่พุ่งเป้าคุกคามไปยังแกนนำนักศึกษา แต่ยังรวมไปถึงคณะหรือภาควิชาในสถานศึกษาด้วย
ผู้ให้ข้อมูลรายหนึ่งรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ติดต่อมาที่เขาโดยตรง แต่ใช้วิธีติดต่อผ่านมาทางมหาวิทยาลัย โดยเขาถูกเรียกตัวเข้าพบและถูกส่งตัวต่อไปยังสถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ ขณะอยู่ที่สถานีตำรวจ เขาถูกสอบสวนและคุกคามให้หวาดกลัว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังได้ขอตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสาร และขอรหัสเข้าใช้งานเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ในบทความดังกล่าว มีการสัมภาษณ์ ดร.ฐิติพล ภักดีวานิช จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า มีนักศึกษารายหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่ถูกแจ้งความโดย กอ. รมน. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในขณะที่อีกด้าน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในย่านกลางเมืองของกรุงเทพฯ ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐได้เข้าหาเจ้าหน้าที่ในคณะเพื่อยื่นรายชื่อของแกนนำนักศึกษา ขอให้ช่วยคอยติดตามการทำกิจกรรมของนักศึกษา โดยอ้างว่า การกระทำดังกล่าวก็เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ เอง
อย่างไรก็ตาม มาตรการคุกคามโดยการไปหาที่บ้านและติดตามสอดส่องข้อมูลเป็นมาตรการที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานเป็นเวลานับสิบปีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างอิงจากอดีตแกนนำเยาวชน ซึ่งปัจจุบันได้ทำงานในฐานะนักวิชาการด้านศาสนาในจังหวัดปัตตานี ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะเฝ้าจับตาเยาวชนชาวมุสลิมตั้งแต่ที่ยังเรียนอยู่ในมัดดารอซะฮ์ (โรงเรียนศาสนา) โดยจะจับตาดูทั้งการเคลื่อนไหวและอุดมการณ์ความคิดอย่างต่อเนื่อง
“รัฐไทยกำลังนำรูปแบบการคุกคามที่เคยใช้มาตลอดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาปรับใช้กับทั้งประเทศ” – ส่วนหนึ่งจากบทความ
ความเข้มข้นของสถานการณ์การคุกคามยังถูกสะท้อนออกมา ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) แกนนำ สนท. เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
โดยในโพสต์ดังกล่าว เพนกวินได้เล่าประสบการณ์การถูกเจ้าหน้าที่ติดตามหลังออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องท่าทีจากรัฐบาลไทยต่อเรื่องการอุ้มหายของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ลี้ภัยในประเทศกัมพูชา ทั้งยังกล่าวถึงการถูกคุกคามในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ (จ่านิว) ถูกลอบทำร้าย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าตนอาจกำลังตกเป็นเป้าของการลอบทำร้าย
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง:
ทีมผู้จัดแฟลชม็อบ #จันรีไม่รอกู้เดี๋ยวสู้เอง เผย ถูกตำรวจติดตาม
#เมื่อชาวชั่ยไม่ขอทนแต่ขอชน: สถานการณ์สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม 95 ครั้ง หลังยุบอนาคตใหม่
แม้เผชิญแรงกดดันจากมหาลัย-จนท.รัฐ นักศึกษามรภ.-มอ.สุราษฎร์ ยังจัดชุมนุมต้านเผด็จการ
ตร.เรียกผู้จัดแฟลซม๊อบ #เชียงรายไม่เอาเผด็จการ ปรับใช้เครื่องเสียง แม้แจ้งชุมนุมแล้ว