10 ม.ค. 63 นายกฤตภพ สติดีนิติวงศ์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 2 จังหวัดลำปาง ของพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ว่าตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยเข้าติดตามสอบถามข้อมูลส่วนตัวและถามเกี่ยวกับการทำกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันรวม 4 ครั้งแล้ว ทำให้คุณพ่อของตน ซึ่งอายุเกือบ 80 ปีและเป็นโรคเบาหวาน ถึงกับเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ล่าสุดก็ยังมีตำรวจไปติดตามถามข้อมูลถึงในโรงพยาบาลอีก และยังโทรศัพท์สอบถามข้อมูลจากเขาเป็นระยะตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทั้งที่จังหวัดลำปางไม่ได้มีการจัดกิจกรรมวิ่งแต่อย่างใด
นายกฤตภพเปิดเผยว่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 ได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ อ้างตัวเป็นตำรวจสืบสวน จำนวน 2-3 คน เดินทางไปที่บ้านของเขาในอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง โดยเขาไม่ได้อยู่บ้าน เพราะในช่วงหลังไปทำงานประจำอยู่ในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงได้พบกับคุณพ่อและแม่ของเขา ซึ่งทั้งสองคนอายุกำลังจะย่างเข้า 80 ปีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามสอบถามถึงข้อมูลส่วนตัวของเขา แต่ทางคุณพ่อและแม่ก็พยายามปฏิเสธไม่ให้ข้อมูล เนื่องจากเป็นห่วง และไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลไปทำอะไร เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางกลับ ต่อมาได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ชุดอื่นว่าเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่จากตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ยังมีตำรวจอีกชุดหนึ่ง ไม่ทราบสังกัด ไม่ทราบจำนวน เดินทางมาที่บ้านของเขาอีก แต่ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ไปพบผู้ใหญ่บ้าน โดยไปสอบถามถึงตัวนายกฤตภพอีก มีการเจาะจงสอบถามเรื่องการทำงาน และข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว ว่าแต่งงานหรือยัง มีลูกกี่คน เรียนที่ไหน อายุเท่าไร เป็นต้น โดยผู้ใหญ่บ้านได้โทรศัพท์มาแจ้งให้เขาทราบว่ามีตำรวจมาหา และได้บอกไปทางคุณพ่อและแม่ของเขาด้วย
ในช่วงระหว่างนั้น ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายชุดโทรศัพท์ติดต่อมาที่เขาเป็นระยะ เพื่อสอบถามข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่าจะจัดในจังหวัดลำปางหรือไม่ โดยเขายืนยันว่าไม่ได้มีการจัด แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังโทรมาเช็คอยู่เรื่อยๆ
กฤตภพระบุว่าทางด้านครอบครัวของเขาก็เกิดความเครียด เมื่อทราบเรื่องเขาถูกตำรวจติดตามตัว ทั้งพ่อยังมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พ่อเครียดและคิดมาก เพราะสำหรับคนสูงอายุวัยนั้น ความเข้าใจของคนโบราณคือตำรวจมาที่บ้านคือจะมาจับผู้ร้ายหรือเปล่า เกิดคำถามว่าลูกชายไปทำอะไรไว้ตำรวจถึงต้องมาบ้าน ทำให้พ่อลืมกินยาเบาหวาน จนช่วงสามวันก่อนคุณพ่อความดันและน้ำตาลขึ้น ญาติจึงต้องพาตัวส่งโรงพยาบาลตอนตี 4 และต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
กระทั่งเมื่อวานนี้ (9 ม.ค. 63) กฤตภพเปิดเผยว่ายังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย ทราบว่าเป็นตำรวจสืบสวนของอำเภอวังเหนือ เดินทางมาที่บ้านของเขาอีก แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน เนื่องจากพ่อและแม่อยู่โรงพยาบาล จึงไปพบกับพี่ชายของเขาที่บ้านข้างๆ โดยได้ไปสอบถามถึงเขา ถ่ายรูปบ้านพี่ชาย และมีการเดินตรวจค้นดูใต้ถุนบ้าน ทั้งที่ไม่มีหมายค้นใดๆ เจ้าหน้าที่ยังสอบถามเรื่องกิจกรรมการวิ่ง ว่ากฤตภพจะไปวิ่งที่ไหนหรือเปล่าในวันที่ 12 ม.ค.นี้ และเจ้าหน้าที่ยังได้ทราบว่าพ่อเขาอยู่ที่โรงพยาบาลจากพี่ชายด้วย
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เดินทางไปถึงโรงพยาบาลที่พ่อเขารักษาตัวอยู่ โดยแม่ของเขาได้โทรมาแจ้งว่ามีตำรวจ 3 นายมาหาถึงโรงพยาบาล พยายามจะมาสอบถามประวัติเช่นเดิมอีก และสอบถามถึงการวิ่ง ว่ากฤตภพได้ไปวิ่งที่ไหนไหม มีการเกณฑ์คนไปวิ่งหรือไม่ ได้พาใครไปวิ่งหรือไม่ ก่อนเดินทางกลับไป
กฤตภพระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาโกรธมาก เพราะรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินไป ล้ำเส้นเกินไป ประวัติส่วนตัวต่างๆ เขาก็เคยให้เจ้าหน้าที่ที่โทรมาคุยไปหมดแล้ว ถ้าอยากรู้ข้อมูลอะไร เจ้าหน้าที่ก็โทรศัพท์มาถามเขาได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปถามพ่อกับแม่ ทั้งสองคนก็อายุมาก แค่ตำรวจมาหา คนวัยนั้นก็ตกใจแล้ว และสงสัยว่าการบอกข้อมูลอะไรเจ้าหน้าที่ไป จะทำให้เกิดผลกระทบอะไรกับครอบครัวหรือเปล่า
กฤตภพระบุว่าล่าสุด พ่อของเขาอาการดีขึ้น และได้ออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ แต่ยังต้องรักษาตัวที่บ้านต่อไป ส่วนเรื่องการวิ่งไล่ลุงก็ไม่ได้มีประชาชนกลุ่มใดประกาศจัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดลำปาง เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงต้องติดตามขนาดนี้ เหมือนกับไม่ได้เชื่อถือข้อมูลที่เขาบอกไป หลังจากนี้อาจจะนำกรณีที่เกิดขึ้นร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ ต่อไปอีกด้วย
ทั้งนี้ นายกฤตภพ สติดีนิติวงศ์ อายุ 37 ปี ครอบครัวเป็นเกษตรกร ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมืองมาก่อน แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ตัดสินใจลงสนามการเมือง โดยได้รับเลือกเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดลำปาง เขต 2 (พื้นที่อำเภองาว, อำเภอวังเหนือ, อำเภอแจ้ห่ม, อำเภอเมืองปาน) ในนามพรรคอนาคตใหม่ และได้รับคะแนนเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 3 แพ้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ
อ่านรายงานกรณีการคุกคามเกี่ยวกับกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในพื้นที่อื่นๆ
ประมวลสถานการณ์คุกคามสิทธิฯ “วิ่งไล่ลุง” ภาคกลาง
แค่คิดจะวิ่ง แต่สถานการณ์ (คุกคาม) ไม่นิ่งอย่างที่คิด: ประมวลสถานการณ์ “วิ่งไล่ลุง” ในอีสาน
เปิดประสบการณ์วิ่งไล่ลุงพะเยา: ถูกหมายเรียก กดดันที่บ้าน เข้าให้ถ้อยคำ ก่อนตร.ห้ามจัด