วันที่ 6 ม.ค. 63 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา นายไอดิน ประอินทร์, นายนราวิชญ์ อ่อนทอง และนายทิวา ชีวะวัฒนาสกุล นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา ที่เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา ได้เดินทางเข้ารับหนังสือตอบกลับของผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา ภายหลังจากที่ได้เข้าชี้แจงกิจกรรมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนานกว่า 5 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกให้มาให้ถ้อยคำในฐานะ “พยาน” และยังมีการติดตามตัวถึงบ้านผู้ปกครอง หรือการโทรศัพท์ติดต่อเป็นการส่วนตัว เพื่อให้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 3 วัน
วันนี้ ผู้กำกับสภ.เมืองพะเยา ระบุในหนังสือตอบกลับว่าไม่ให้ความอนุเคราะห์กับทางผู้จัดกิจกรรม เหตุยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากเทศบาลเมืองพะเยา และไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรในการใช้เส้นทาง อีกทั้งระบุเพิ่มเติมว่าหากจัดกิจกรรมลักษณะดังกล่าวโดยไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ก็อาจเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558
(ภาพนิสิตทั้ง 3 คนหลังรับหนังสือตอบกลับของผู้กำกับสภ.เมืองพะเยา)
.
จุด Start “วิ่งไล่ลุง” จ.พะเยา ก่อนงานวิ่งจริง
กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จ.พะเยา เริ่มมีการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 62 โดยนิสิตคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา 3 คน ได้เดินทางเข้าไปยังสภ.เมืองพะเยา เพื่อยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์กับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา ในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับกิจกรรมวิ่งดังกล่าว เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนที่สนใจในปัญหาของบ้านเมืองมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยจะจัดวิ่งในเส้นทางจากลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง กว๊านพะเยา ไปรอบเทศบาลเมืองพะเยา เป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร
ในการเข้ายื่นหนังสือฉบับดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบถามประวัติส่วนตัว พร้อมเบอร์โทรศัพท์ และขอสำเนาบัตรประชาชนของนิสิตทั้ง 3 คนด้วย จากนั้นได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานการรับมอบหนังสือขอความอนุเคราะห์
ก่อนที่นิสิตทั้งสามคนจะเดินทางกลับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้แจ้งให้นิสิตเข้าพบกับผู้กำกับสภ.เมืองพะเยา ซึ่งได้ระบุกับนิสิตทั้งสามคนว่าการจัดกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ หากเกิดเหตุที่มีคนมาชุมนุมชูป้ายหรือมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นทางกลุ่มนิสิตจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ อีกทั้งกลุ่มนิสิตเองยังอายุเพียง 19 และ 20 ปี ก่อนที่จะได้พูดคุยเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง จนในช่วงท้ายของการพูดคุยประมาณ 30 นาที ผู้กำกับสภ.เมืองพะเยาได้แจ้งกับกลุ่มนิสิตว่าจะมีการออกหมายเรียกเพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งในภายหลัง
ต่อมา ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 62 ก่อนหยุดเทศกาลปีใหม่ ปรากฎว่านายนราวิชญ์ อ่อนทองหนึ่งในนิสิตที่เข้ายื่นหนังสือ ได้รับหมายเรียกพยาน ที่ไม่มีการระบุ “ผู้กล่าวหา” และ “ผู้ถูกกล่าวหา” ในหมายเรียก แต่ระบุเพียงแต่ว่าเป็นการเรียกจากกรณีกลุ่มพลังใหม่ประชาธิปไตยพะเยาจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในเขตท้องที่สภ.เมืองพะเยา และขอให้นายนราวิชญ์เข้าพบกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพะเยา ในวันที่ 6 ม.ค. 63 เวลา 13.30 น.
จากนั้นอีกประมาณสองวัน นายทิวา ชีวะวัฒนาสกุล นิสิตผู้ร่วมจัดกิจกรรมอีกหนึ่งคน ก็ได้รับหมายเรียกในลักษณะเดียวกัน ทางกลุ่มนิสิตจึงได้พูดคุยและเตรียมเข้าพบกับทางพนักงานสอบสวนในวันและเวลาที่ระบุในหมายเรียก
(ภาพการยื่นหนังสือของนิสิตทั้งสามเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 62 จากเพจ พลังใหม่ประชาธิปไตยพะเยา)
.
เจ้าหน้าที่ติดตามตัวอย่างหนักหน่วง: โทรศัพท์รัวๆ-ไปพบผู้ปกครองถึงวัดและถึงบ้านตอนกลางคืน
แต่กลับปรากฎว่าเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 63 นายไอดิน ประอินทร์ นิสิตอีกคนที่ร่วมจัดกิจกรรม ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพะเยา ขอให้เข้าไปพบกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนวันนัดในหมายเรียก โดยจากการพูดคุยได้ข้อสรุปว่าทางกลุ่มนิสิตขอเข้าไปพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 5 ม.ค. 63 เวลาประมาณ 13.00 น. แทน
ในวันที่ 3 ม.ค. 63 ช่วงเช้า นายไอดินยังได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง สอบถามว่าเขาอยู่ที่ใด และได้แจ้งว่าขอให้มาพบกับตำรวจในวันนี้ได้หรือไม่ นายไอดินจึงระบุว่าขอพูดคุยกับเพื่อนๆ ก่อน ต่อมาเขาและเพื่อนจึงได้ตกลงจะไปพบเจ้าหน้าที่ตามวันที่นัดไว้เดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวกลับยังพยายามติดต่อทางโทรศัพท์มาอีก 2 ครั้ง และพยายามแอดไลน์และส่งข้อความย้ำให้มาพบตำรวจทันที
เวลาประมาณ 15.00 น. นายทิวา ชีวะวัฒนาสกุล ได้รับการติดต่อจากอาจารย์ในคณะว่าทางคณบดีอยากจะพบตัว เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ ทางอาจารย์ระบุว่าอยากพูดคุยด้วย ให้มาโดยด่วน นายทิวาจึงสอบถามเพื่อนอีก 2 คน เพราะคาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” แต่ขณะนั้นตัวเขาเองก็ยังไม่สะดวกไปพบอาจารย์ ทางอาจารย์ยังยืนยันว่าอยากพบตัวให้ได้ ส่งตัวแทนมาหนึ่งคนก็ได้ แต่ทางนายทิวายืนยันว่ายังไม่สามารถไปได้ สามารถพูดคุยทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ ทางอาจารย์จึงได้ให้รองคณบดีเป็นผู้พูดคุยแทน นายทิวาจึงสอบถามว่าหากไปพบเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ได้หรือไม่ จากนั้นจึงได้ตกลงจะเข้าไปพบคณบดีในวันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค. ช่วงเช้า ก่อนที่จะเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้น เวลาประมาณ 16.00 น. นายไอดินได้รับแจ้งจากน้องซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านใน อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4-5 นาย เข้ามาที่บ้าน และสอบถามว่าแม่ของนายไอดินอยู่บ้านหรือไม่ เมื่อน้องบอกว่าแม่ไปวัด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามไปพบถึงวัด และได้พยายามสอบถามแม่ของนายไอดินว่าทราบหรือไม่ว่าลูกของตนนั้นไดทำกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่จ.พะเยา และแม่ได้ยินยอมให้นายไอดินจัดกิจกรรมดังกล่าวหรือไม่ อีกทั้งสอบถามลักษณะนิสัยส่วนตัวและประวัติการทำกิจกรรมทางการเมืองของลูกชาย ทั้งยังได้มีการจัดทำบันทึกการให้ถ้อยคำของแม่นายไอดินลงในกระดาษ A4 เขียนด้วยลายมือ พร้อมกับให้แม่นายไอดินลงลายมือชื่อด้วย บันทึกดังกล่าวระบุชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ซักถาม คือ พ.ต.ท.เอนก บางวัน รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองพะเยา และมีร.ต.ท.หญิง นราวดี ผาวงศ์ เป็นผู้บันทึก
จนเวลาประมาณ 20.00 น. นายนราวิชญ์ อ่อนทอง ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากแม่ที่อยู่บ้านในอ.แม่สรวย จ.เชียงราย แจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารอพบเขาที่บ้าน นายนราวิชญ์ได้สอบถามผ่านทางโทรศัพท์ เหตุใดจึงต้องไปพบถึงบ้านที่เชียงราย แล้วเจ้าหน้าที่จะเอาอย่างไรในเมื่อมีการหมายเรียกให้ไปพบวันที่ 6 ม.ค. แล้ว และยังติดต่อกับเพื่อนนิสิตอีกคนว่านัดเป็นวันที่ 5 ม.ค. และในเช้าวันนี้ก็ได้ติดต่อเพื่อนให้มาพบวันนี้เลย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เงียบไปโดยไม่มีคำตอบให้
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้พูดคุยกับแม่ของนายนราวิชญ์ คล้ายกับที่พูดคุยกับแม่ของนายไอดิน แต่ไม่ได้มีการจัดทำบันทึกการให้ถ้อยคำไว้ ก่อนเดินทางกลับไป นายนราวิชญ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตนรู้สึกโกรธมากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดตามถึงที่บ้านในเวลากลางคืนเช่นนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้แม่ของนายนราวิชญ์ถึงกับเป็นไข้รู้สึกไม่สบายไปเลย
(ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามติดต่อหนึ่งในนิสิตที่ยื่นขอจัดกิจกรรม)
.
ตำรวจไปพบผู้ปกครองของนายชินภัทร นิสิตรัฐศาสตร์ แม้ไม่ได้เป็นผู้จัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง”
วันที่ 3 ม.ค. 63 วันเดียวกับที่มีการเดินทางไปพบผู้ปกครองของ 3 นิสิตผู้จัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จ.พะเยา นายชินภัทร วงค์คม นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งเคยทำกิจกรรมทางการเมืองในมหาวิทยาลัยพะเยามาก่อน ก็ได้รับแจ้งว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบกับแม่ของเขาถึงที่ทำงาน ซึ่งเป็นโรงเรียนอีกด้วย เพื่อสอบถามถึงนายชินภัทร และสอบถามว่านายชินภัทรได้ไปทำกิจกรรมใดหรือไม่
นายชินภัทรเองยังได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสอบถามว่าเขาจะไปร่วมกับกิจกรรม “วิ่งไล่นายกฯ” หรือไม่ ได้มีการซื้อเสื้อและลงทะเบียนเข้าร่วมหรือไม่ นายชินภัทรระบุว่าไม่แน่ว่าจะไปร่วม แต่ได้ทำการซื้อเสื้อกิจกรรมไว้ ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. ก็ได้มีญาติแจ้งเขามาอีกว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน สอบถามว่านายชินภัทรอยู่บ้านหรือไม่ เมื่อญาติตอบว่าไม่อยู่ ทางเจ้าหน้าที่ก็เดินทางกลับไป ทั้งได้เจ้าหน้าที่พยายามแอดไลน์ของนายชินภัทร และส่งสติ๊กเกอร์มาให้ด้วย
เช้าวันที่ 4 ม.ค. นายชินภัทรยังได้รับการติดต่อจากแม่อีกครั้ง โดยแม่ระบุว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อมาให้พานายชินภัทรเข้าไปพบภายในวันนี้ เมื่อนายชินภัทรได้ติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์กับตำรวจ เจ้าหน้าที่ระบุว่าให้นายชินภัทรเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรแม่กา เพื่อให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานไว้แล้ว หากได้ไปให้ถ้อยคำแล้ว ก็ถือว่าเสร็จสิ้น เมื่อนายชินภัทรสอบถามว่าหากไปพบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแม่ของตนแล้วใช่หรือไม่ ทางตำรวจระบุว่าใช่
นายชินภัทรจึงสอบถามต่อว่าแล้วหากตนไม่ไปพบจะเกิดอะไรขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ หากนายชินภัทรไม่เกี่ยวข้อง ก็อยากให้แม่ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรด้วย เพราะว่าเขาจะไปตามหาแม่ของนายชินภัทรตลอด ไปตามหานายชินภัทรที่บ้าน เพราะอยากพบตัวเขา เพื่อเอาตัวมาให้ปากคำ นายชินภัทรจึงสอบถามตำรวจเพื่อให้ยืนยันว่าหากไปให้ปากคำแล้ว ทุกอย่างจะจบใช่ไหม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าส่วนที่เกี่ยวกับนายชินภัทร ถือว่าจบ
(ภาพนายไอดินระหว่างพูดคุยประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรม และผู้กำกับสภ.เมืองพะเยาร่วมพูดคุย )
.
เข้าพบตำรวจให้ข้อมูลกว่า 5 ชั่วโมง ยืนยันจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง”
วันที่ 5 ม.ค. 63 เวลาประมาณ 13.00 น. นายไอดิน ประอินทร์, นายนราวิชญ์ อ่อนทอง และนายทิวา ชีวะวัฒนาสกุล ผู้ยื่นหนังสือจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพะเยา ในฐานะผู้ให้ถ้อยคำ ตามที่ได้ถูกออกหมายเรียก และติดต่อนัดหมายทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ก่อนเริ่มการให้ถ้อยคำ พ.ต.ท.เอนก บางวัน รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองพะเยา ได้ขอชี้แจง ถึงสาเหตุที่มีความพยายามติดต่อและได้เดินทางไปพบกับผู้ปกครองของนิสิต 2 คนด้วย เนื่องจากภายหลังจากที่ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์จัดกิจกรรมแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่สามารถติดต่อนิสิตได้เลย เมื่อนิสิตได้สอบถามว่าได้ให้เบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อนิสิตทั้งสามคนไว้แก่ทางตำรวจแล้ว พ.ต.ท.เอนกระบุว่าได้ติดต่อไปยังนายไอดินเพียงคนเดียว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนนิสิตคนอื่นๆ ทางตำรวจเกรงว่าจะเป็นการติดต่อทางส่วนตัวจนเกินไป จึงไม่ได้ทำการติดต่อ อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ยังเป็นห่วงความปลอดภัยของนิสิตทั้งสามคนภายหลังจากที่ได้มีการยื่นหนังสือแล้วไม่สามารถติดต่อได้ หากทั้งสามคนเกิดอะไรขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดือดร้อน
จากนั้น พนักงานสอบสวนจึงได้เริ่มการสอบถามถ้อยคำเกี่ยวกับกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จ.พะเยา โดยสอบถามวัตถุประสงค์ของกิจกรรม ลักษณะรูปแบบ ยืนยันว่าใครเป็นกลุ่มผู้จัด มีรายละเอียดในการจัดการอย่างไรบ้าง การประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ “พลังใหม่ประชาธิปไตย” ที่มีใครเป็นเจ้าของ ผู้ก่อตั้ง และมีใครเป็นผู้ดูแลอยู่บ้าง อีกทั้งรายละเอียดระบบการลงทะเบียน ค่าใช้จ่ายในการวิ่ง การจัดการรายรับรายจ่าย และรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย การขออนุญาตผู้ปกครองของนิสิตทั้งสาม การขออนุญาตใช้สถานที่จากเทศบาลและเจ้าพนักงานจราจร และรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งทางนิสิตทั้ง 3 คน ก็ให้ความร่วมมือในการตอบคำถามของพนักงานสอบสวนอย่างครบถ้วน ซึ่งมีคำถามจำนวนมากและต้องมีการพิมพ์บันทึกระหว่างการถามตอบ จึงต้องใช้เวลาตั้งแต่ 13.30 – 16.30 น.
ระหว่างการให้ถ้อยคำของนิสิตทั้งสามคน ยังได้มีกลุ่มประชาชนราว 15-20 คน มารวมตัวด้านหน้าสภ.เมืองพะเยา มีการยืนรวมกลุ่มและชูป้ายข้อความ อาทิ ชาวพะเยาต้องการความสงบ, ชาวพะเยาเป็นกำลังใจให้ลุงตู่, ชาวพะเยาสนับสนุนลุงตู่ เป็นต้น
( ภาพประชาชนที่รวมตัวหน้าสภ.เมืองพะเยาเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” )
จากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากนายไอดิน ให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเสร็จและกำลังออกไปดื่มน้ำ ได้ถูก พ.ต.อ.บวร ไชยคำ ผกก.สภ.เมืองพะเยา พาตัวไปพูดคุยกับตัวแทนประชาชนที่มารวมตัวหน้าสภ.เมืองพะเยา โดยตัวแทนประชาชนระบุทำนองว่าไม่อยากให้เกิดความแตกแยก คนพะเยาอยากอยู่กันอย่างสงบ ไม่อยากให้มีการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในจ.พะเยา โดยพ.ต.อ.บวรกล่าวเสริมอีกว่าขอความร่วมมือไม่ให้จัดกิจกรรมได้หรือไม่ เมื่อนิสิตก็เห็นแล้วว่าทางประชาชนในพื้นที่ไม่อยากให้จัด ด้านนายไอดินระบุยืนยันว่าเป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตยซึ่งทางนิสิตยังคงยืนยันว่ามีความประสงค์จะจัดกิจกรรม
เมื่อนิสิตผู้ยื่นจัดกิจกรรมให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเสร็จ นายชินภัทร วงค์คม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อทางโทรศัพท์ เพื่อมาให้ถ้อยคำโดยไม่มีหมายนั้น ก็ได้เข้าให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนต่อ โดยพนักงานสอบสวนระบุว่าสาเหตุที่ต้องให้นายชินภัทรมา เพราะในวันที่มีการยื่นหนังสือของนิสิตสามคนนั้น ได้มีการกล่าวถึงรุ่นพี่ที่ชื่อ “ฟลุ๊ค” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจว่าเป็นนายชินภัทร ทางพนักงานสอบสวนจึงสอบถามว่านายชินภัทรได้เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” หรือไม่อย่างไร นายชินภัทรยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพียงแต่รู้จักกับนิสิตทั้งสามที่จะจัดกิจกรรมซึ่งอยู่ชมรมเดียวกัน และนิสิตทั้งสามก็เคยพูดคุยปรึกษาด้วย เพราะเห็นว่าเขาเคยจัดกิจกรรมเสวนาและยังรู้จักกับกลุ่มผู้จัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ส่วนกิจกรรมที่จะจัดขึ้น นายชินภัทรก็เพียงได้สั่งซื้อเสื้อจากทางกรุงเทพฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดที่จ.พะเยา
หลังนิสิตทั้ง 4 คน เข้าให้ถ้อยคำเสร็จสิ้น เวลาประมาณ 18.00 น. ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ทำการลงบันทึกประจำวัน และระบุให้เข้ามารับทราบผลการขอความอนุเคราะห์ของผู้กำกับการสภ.เมืองพะเยา ในวันพรุ่งนี้ เวลา 11.00 น.
(ภาพเส้นทางการวิ่งที่กำหนดไว้ ซึ่งทางผู้กำกับสภ.เมืองพะเยาไม่ให้ความอนุเคราะห์)
.
บทสรุป: ไม่ให้ความอนุเคราะห์ เหตุไม่ได้ขอเทศบาลและพนักงานจราจร หากจัดอาจฝ่าฝืนพ.ร.บ.ชุมนุมฯ
วันที่ 6 ม.ค. 63 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา 3 นิสิต “วิ่งไล่ลุง” จ.พะเยา ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง โดยผู้กำกับการสภ.เมืองพะเยา ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเวรประจำการ ส่งมอบหนังสือไม่ให้ความอนุเคราะห์แก่นิสิตทั้ง 3 คนแทน
หนังสือฉบับดังกล่าวระบุเหตุผลโดยสรุปว่าจากการตรวจสอบแล้ว พบว่านิสิตทั้งสามท่านยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากเทศบาลเมืองพะเยา รวมถึงการขอใช้พื้นที่ถนนดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก จึงไม่อนุเคราะห์ให้ท่านใช้สถานที่จัด กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง”
อีกทั้งในส่วนท้ายยังระบุอีกว่ากิจกรรมที่จะจัดขึ้นนั้น มีชื่อกิจกรรม รูปแบบ สัญลักษณ์เสื้อ เหรียญ และวันเวลาจัดกิจกรรม สอดคล้องกับการจัดกิจกรรมของกลุ่มผู้จัดกิจกรรม “วิ่ง ไล่ ลุง” ที่กรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัด ในลักษณะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ความคิดเห็นในทางการเมือง การจัดกิจกรรมลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งหากจัดกิจกรรมโดยไม่ได้แจ้งการชุมนุมสาธารณะ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะได้
อนึ่ง ตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ มาตรา 10 ที่เอกสารตอบกลับของผู้กำกับการสภ.เมืองพะเยากล่าวถึง หมายความถึงการแจ้งการชุมนุมสาธารณะ ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และหากไม่ปฏิบัติตามนั้น มีโทษปรับ 10,000 บาท
(ภาพนิสิตทั้งสามหลังเข้าให้ถ้อยคำกว่า 5 ชั่วโมง)
สำหรับกลุ่มนิสิตผู้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยนายไอดิน ประอินทร์ อายุ 19 ปี, นายนราวิชญ์ อ่อนทอง อายุ 19 ปี และนายทิวา ชีวะวัฒนาสกุล อายุ 20 ปี ทั้งสามคนเป็นนิสิตชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา เป็นเพื่อนในคณะและชมรมกลุ่มเดียวกันที่มีความสนใจติดตามข่าวสารการเมืองและปัญหาของสังคมไทย มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมาโดยตลอด จนนำมาสู่ความตั้งใจในการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง”
นิสิตทั้งสามยืนยันว่าจะยังคงมีการจัดกิจกรรมต่อไป แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการ ไปตามความเหมาะสม ซึ่งจะมีการแจ้งอย่างเป็นทางการในเพจ “พลังใหม่ประชาธิปไตยพะเยา” ต่อไป