ย่ำรุ่งที่หมุดคณะราษฎร สู่พลบค่ำในเรือนจำ: ประมวลสถานการณ์สิทธิฯ วัน 84 ปีอภิวัฒน์สยาม

24 มิ.ย.59 เหมือนเช่นทุกปี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนเวียนมาถึง วันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่สังคมไทยมีการรำลึกถึงวันนี้ในแง่มุมต่างๆ ปีนี้ในโอกาสครบ 7 รอบ หรือ 84 ปี นับจากปี 2475 ก็มีการจัดกิจกรรมหลากหลายประเภท ทั้งกิจกรรมแสดงออกรำลึก กิจกรรมเสวนาวิชาการ หรือการอภิปรายต่างๆ รวมแล้วเกือบ 10 กิจกรรมตลอดวัน กระจายไปในหลายจุด ทั้งที่หมุดคณะราษฎร อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันปรีดี พนมยงค์ หรือห้องสมุดสันติประชาธรรม

แต่ภายใต้การควบคุมอำนาจของคสช.มากว่า 2 ปี ทำให้การจัดกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ที่เคยเป็นเรื่องปกติกลายเป็น “เรื่องผิดปกติ” เพราะอยู่ภายใต้การปิดกั้นแทรกแซงของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด มิหนำซ้ำ ในปีนี้ ยังมีการจับกุมดำเนินคดีนักกิจกรรม นิสิตนักศึกษา คนงานจากสหภาพแรงงาน รวมแล้ว 20 ราย ในข้อหาชุมนุมทางการเมืองและต้องถูกพิจารณาในศาลทหาร สถานการณ์ในหนึ่งวันอันทำให้เห็นสภาวะสิทธิเสรีภาพในสังคมไทยที่ดูจะสวนทางกับการเป็น “วันเกิด” ของระบอบประชาธิปไตยไทย รายงานต่อไปนี้ประมวลสถานการณ์ตลอดวันอันยาวนานวันหนึ่งสำหรับหลายๆ คน

ความเดิมก่อนเวลาย่ำรุ่ง: ควบคุมตัว 13 นักกิจกรรม NDM-สหภาพแรงงาน ขณะแจกเอกสารโหวตโน

ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย. เวลา 17.30 น. ที่บริเวณหลังตลาดสดหมู่บ้านการเคหะบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้มีการเข้าจับกุมนักกิจกรรมกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (NDM) และกลุ่มสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ รวม 13 คน ขณะกำลังแจกแผ่นพับ และเอกสารให้ความรู้เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หรือโหวตโน โดยมีการควบคุมตัวทั้งหมดไปที่สภ.บางเสาธง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าจะดำเนินคดีในข้อหาความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 เรื่องการชุมนุมทางการเมืองจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

เจ้าหน้าที่ยังได้มีการตรวจยึดเอกสารที่มีการแจก ได้แก่ 1.ใบปลิวขนาดใหญ่โนโหวตหรือโหวตโน 2.หนังสือชื่อเรื่องความเห็นแย้งและคำอธิบายสาระสำคัญรัฐธรรมนูญ 10 เรื่องน่ารู้  3.ใบปลิวขนาดใหญ่ชื่อ “ก้าวข้าม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” 4.เอกสารแนะนำวิธีการยื่นคำขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด พร้อมกับโทรโข่ง 1 อัน

จนช่วงเวลา 2.00 น. พ.ต.ท.กัณต์ชวิศ โพธิ์ประสิทธิ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.บางเสาธง ได้เริ่มทยอยแจ้งข้อกล่าวหาและทยอยสอบปากคำ โดยในข้อกล่าวหามีการระบุว่า ขณะกลุ่มผู้ถูกควบคุมตัวแจกเอกสารอยู่นั้น “เจ้าหน้าที่ได้เจรจาให้ยุติ แต่ผู้ต้องหากับพวกยังยืนยันจะดำเนินการต่อไป และแจ้งว่าจะแจกแต่เอกสารที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่กกต.แจก เพื่อประชาสัมพันธ์ในการไปร่วมลงประชามติ เอกสารลำดับที่ 4 เท่านั้น แต่กลับแจกเอกสาร รายการที่ 1-3 เพิ่มเติม ซึ่งเป็นเอกสารที่รณรงค์ต่อต้านประชามติ” (ดู https://goo.gl/SKjj4L)

ตั้งแต่ช่วงเวลา 02:00-04:00 น. ผู้ต้องหาที่ตั้งใจจะขอยื่นประกันตัวทั้งหมด 5 คน ได้ทยอยพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติ และสอบปากคำโดยพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง ในตอนแรก มีผู้ต้องหา 8 คน ที่ประสงค์จะไม่ยื่นขอประกันตัวเพราะยืนยันว่า สิ่งที่กระทำลงไปนั้นไม่ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงไม่มีเหตุต้องขอประกันตัวหรือต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาแต่อย่างใด

ต่อมา ในช่วงรุ่งเช้าวันที่ 24 มิ.ย. ขณะทนายความได้เข้าจัดทำเอกสารเพื่อยื่นขอประกันตัว 5 ผู้ต้องหา ที่ประสงค์จะขอประกัน แต่ผู้กำกับสภ.บางเสาธงได้มีคำสั่งใหม่ว่าจะไม่ให้ประกันที่ชั้นตำรวจ แต่ให้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ที่ประสงค์จะยื่นประกันไปที่ศาลทหารกับคนอื่นๆ ด้วย และให้ไปยื่นขอประกันตัวที่ศาล

ในช่วงสายวันที่ 24 มิ.ย. พนักงานสอบสวนสภ.บางเสาธง ยังได้แจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนพ.ร.บ.ประชามติ พ.ศ.2559มาตรา 61 (1) วรรคสอง และวรรคสาม เพิ่มเติมต่อผู้ต้องหาทั้ง 13 คน รวมทั้งแจ้งข้อหาขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานเพิ่มเติมกับ 8 ผู้ต้องหา ที่ไม่ยินยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ เนื่องจากยืนยันว่าพวกตนไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่แจ้งเป็นความผิดตามประกาศ คมช.ฉบับที่ 25/2549 ซึ่งระบุให้การฝ่าฝืนไม่พิมพ์ลายนิ้วมือตามคำสั่งเจ้าพนักงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับรายชื่อผู้ถูกควบคุมตัวจากเหตุการณ์นี้ 13 คน ได้แก่  1.นายรังสิมันต์ โรม อายุ 24 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2.นายนันทพงศ์ ปารมาศ อายุ 24 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยรามคำแหง 3.นายกรกช แสงเย็นพันธ์ อายุ 24 ปี สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4.นายอนันต์ โลเกตุ อายุ 21 ปี นักศึกษาปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 5.นายธีรยุทธ นาบนารำ อายุ 27 ปี สำเร็จการศึกษา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 6.นายยุทธนา ดาศรี อายุ 27 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 7.นายสมสกุล ทองสุกใส อายุ 20 ปี นักศึกษาปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

8.นายวรวุฒิ บุตรมาตร อายุ 24 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 9.นางสาวกรชนก ชนะคูณ นักสหภาพแรงงาน 10.นางสาวเตือนใจ แวงคำ นักสหภาพแรงงาน 11.นางสาวปีใหม่ รัฐวงษา นักสหภาพแรงงาน 12.นางสาวพรรทิพย์ แสงอาทิตย์ อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 13.นายรักษ์ชาติ วงศ์อธิชาติ อายุ 25 ปี นักศึกษาปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ย่ำรุ่ง: ประชาชนรำลึกวัน “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” ขณะตำรวจพยายามคุมตัว ‘จ่านิว’

ที่หมุดคณะราษฎร ตั้งแต่เวลา 6.00 น. กลุ่มประชาชน กวี และนักกิจกรรม อาทิกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, กลุ่มกวีมันสูน ได้จัดกิจกรรมรำลึกเช้าวันที่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครอง พร้อมอ่านประกาศคณะราษฎร โดยนักกิจกรรมได้ร่วมกันทำความสะอาดหมุดคณะราษฎร มีการนำดอกไม้ พวงมาลัย รูปภาพคณะราษฎร พร้อมข้อความ “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” มาวางโดยรอบหมุดคณะราษฎร

ตั้งแต่ก่อนหน้าเวลานัดหมาย ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รองผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบจากสน.ดุสิตราว 40 นาย จัดกำลังดูแลโดยรอบบริเวณ รวมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์ถ่ายรูปกิจกรรม โดยขณะประชาชนร่วมกันจัดแต่งดอกไม้ กล่าวถ้อยคำรำลึก และอ่านบทกวี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จัดกำลังยืนล้อมโดยรอบบริเวณหมุดคณะราษฏร

จนเวลา 6.25 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ได้เดินทางมาถึง ขณะลงจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีความพยายามจะควบคุมตัว โดยระบุว่า “นายจะเชิญไปพูดคุย” เมื่อนายสิรวิชญ์ปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่รอบๆ ก็กรูกันเข้ามาล้อมและพยายามนำตัวขึ้นรถตำรวจของสน.ดุสิต แต่จากนั้นก็ได้มีการปล่อยตัว ไม่ควบคุมตัวต่อ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

เวลา 6.40 น. ยังปรากฏชายใส่ชุดสูทสีดำคนหนึ่ง มายืนกล่าวโจมตีคณะราษฎร ในลักษณะว่าไม่ได้เป็นผู้นำพาประชาธิปไตย ตำรวจจึงพยายามกันตัวออกมา และมีการตรวจค้นกระเป๋าของชายคนดังกล่าวด้วย

จากนั้น เวลา 6.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งประชาชนให้เลิกกิจกรรม โดยให้เวลา 5 นาทีในการเก็บข้าวของ เพื่อเปิดการจราจร ผู้จัดงานและประชาชนจึงทยอยแยกย้ายกันกลับ

ยามสาย: ตำรวจ-ทหารคุมตัวนิสิตกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ 7 คน จัดกิจกรรม “24 มิถุนา ปัดฝุ่นประชาธิปไตย”

ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน นิสิตจากกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ ได้จัดกิจกรรม “24 มิถุนา ปัดฝุ่นประชาธิปไตย” โดยกิจกรรมจะมีการเดินไปยังอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญหรืออนุสาวรีย์ปราบกบฏ บริเวณวงเวียนหลักสี่ เพื่อร่วมกันทำความสะอาดอนุสาวรีย์ อันเป็นอนุสรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช โดยมีการบรรจุอัฐิทหารและตำรวจที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ภายใน

แต่เวลา 9.30 น. ขณะกลุ่มนิสิตนักศึกษาราว 10 คน เริ่มรวมตัวกันบริเวณวัด ได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายนาย บางนายใส่เสื้อระบุว่ามาจากสืบสวนนครบาล 2 เข้าเจรจาจะเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่มีการขอถ่ายรูปวารสาร “ก้าวข้าม” ที่ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษาเตรียมเดินแจกระหว่างทาง พร้อมระบุว่าอาจเป็นความผิดเรื่องการชุมนุมทางการเมือง ทั้งยังมีการนำรถตู้ของตำรวจมาจอดรอไว้ในบริเวณวัด แต่ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษายืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดใด เจ้าหน้าที่ยังพยายามจะปิดประตูวัด และพยายามจะควบคุมตัวนิสิตชายรายหนึ่ง จนมีการฉุดกระชากไปนอนกับพื้นบริเวณลานวัด แต่กลุ่มนิสิตก็ได้รวมตัวกันเดินออกมาจากวัดพระศรีมหาธาตุได้

จากนั้น ระหว่างกลุ่มนิสิตนักศึกษาเดินเท้าบนทางเท้าไปยังวงเวียนหลักสี่ เจ้าหน้าที่ได้มีการนำกำลังทหารและตำรวจในเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมฝูงชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเข้ามาเพิ่ม และพยายามเข้าควบคุมตัวกลุ่มนิสิตนักศึกษา แต่ทางกลุ่มนิสิตเห็นว่าไม่มีการระบุข้อหาความผิดที่ชัดเจน หรือแจ้งว่าใช้อำนาจใดในการควบคุมตัว กลุ่มนิสิตนักศึกษาจึงคล้องแขนกันนั่งลง พร้อมปฏิเสธไม่ให้ควบคุมตัว

จนเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังล้อม ก่อนเข้าอุ้ม ลาก และควบคุมตัวกลุ่มนิสิต นักศึกษา และนักกิจกรรม รวม 7 คน ขึ้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังสน.บางเขน โดยผู้ถูกควบคุมตัวประกอบไปด้วย

1.น.ส.อรัญญิกา จังหวะ อายุ 21 ปี นิสิตคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 3

2.นายเกษมชาติ ฉัตรนิรัติศัย อายุ 21 ปี นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4

3.น.ส.สุทธิดา วัฒนสิงห์ อายุ 21 ปี นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 3

4.นายกานต์ สถิตศิวกุล อายุ 19 ปี นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 2

5.นายอุทัย ช่วยตั้ว อายุ 21 ปี นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 3

6.นายคุณภัทร คะชะนา อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปีที่ 4

7.น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ อายุ 23 ปี สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่

จากนั้นทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ติดตามไปยังสถานีตำรวจ แต่ในตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าพบกับกลุ่มผู้ถูกควบคุมตัว โดยแจ้งว่าให้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คุยกับนิสิตนักศึกษาอยู่ ทางกลุ่มนิสิตระบุว่าได้มีอาจารย์เข้ามาเกลี้ยกล่อมและแจ้งว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

จนเวลาราว 11.00 น. นายอานนท์ นำภา ทนายความ ได้รับอนุญาตให้เข้าพูดคุยกับกลุ่มผู้ถูกควบคุมตัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าจะดำเนินคดีทั้ง 7 คน ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/58 ข้อ 12 เรื่องชุมนุมทางการเมืองจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ เนื่องจากจัดการชุมนุมโดยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ยังได้มีการขอค้นกระเป๋าของผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด มีเพียงการตรวจยึดพานสีทองที่มีสัญลักษณ์รัฐธรรมนูญวางอยู่ มาไว้เป็นของกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้แจ้งจะขอตรวจค้นรถยนต์ของน.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ที่จอดไว้ที่วัดพระศรีมหาธาตุ แต่ชนกนันท์ปฏิเสธ

เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจึงได้นำรถไปยกรถของชนกนันท์ มาตรวจค้นที่สน.บางเขน ก่อนมีการตรวจยึดเอกสารวารสาร “ก้าวข้าม” และโทรโข่ง 1 อัน รวมทั้งที่คั่นหนังสือของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ที่มีข้อความ “โหวตโน” และโค้ดคำพูดของนักคิดนักเขียน เจ้าหน้าที่ยังได้ประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเข้ามาดูเอกสารต่างๆ ว่าเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ประชามติหรือไม่  นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอ้างอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 เพื่อขอยึดโทรศัพท์ของผู้ต้องหาไปตรวจสอบ แต่ต่อมาก็ได้มีการส่งคืน

เวลา 14.10 น. ได้มีการนำตัวผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 7 คน ไปที่ห้องสอบสวน พนักงานสอบสอนสน.บางเขนได้เริ่มแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/58 ข้อ 12 และความผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ มีการสอบปากคำ และพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยผู้ต้องหาทุกคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้งหมดยังปฏิเสธการลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุม ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวทั้งหมดไปยังศาลทหารกรุงเทพ

เย็นย่ำ: ศาลทหารอนุญาตให้ฝากขัง 13 นักกิจกรรมแจกเอกสารโหวตโน

เหตุการณ์ในช่วงเย็น เกิดขึ้นที่ศาลทหารกรุงเทพเป็นหลัก เมื่อมีการนำผู้ถูกควบคุมตัวทั้งสองกรณี รวมแล้ว 20 คน มาขออำนาจฝากขังที่ศาลทหาร โดยตั้งแต่เวลา 13.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวนักกิจกรรม 13 คน ที่แจกเอกสารโหวตโน จากสภ.บางเสาธง ไปถึงศาลทหาร

ร.ต.อ.วิทูรย์ เพ็งบุบผา พนักงานสอบสวนสภ.บางเสาธง ได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลทหารในการฝากขัง 12 วัน โดยระบุว่าต้องสอบพยานบุคคล 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา พร้อมกับขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงผู้ต้องหาจะกระทำผิดซ้ำอีก และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ขณะเดียวกันทนายความของผู้ต้องหาได้ทำคำร้องคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน (ดูสรุปคำร้องคัดค้านการฝากขังผู้ต้องหา)

จนเวลา 18.25 น. ศาลทหารได้มีคำสั่งอนุญาตฝากขังทั้ง 13 ผู้ต้องหา ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน โดยยกคำร้องคัดค้านฝากขังเพราะเห็นว่าผู้ต้องหาเพิ่งถูกจับและทำการสอบสวน จึงยังต้องมีการสอบสวนพยานอีกหลายปาก และคำร้องคัดค้านของจำเลยเป็นข้อต่อสู้คดี จึงยกคำร้อง

ศาลทหารให้ปล่อยตัว 7 นิสิตนักศึกษาเสรีเกษตรฯ เหตุคดีโทษไม่สูง และผู้ต้องหายังเป็นนักศึกษา

อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ควบคุมตัว 7 นิสิตนักศึกษากลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์จากสน.บางเขน ไปถึงศาลทหารกรุงเทพ ในเวลาราว 16.00 น.ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขออำนาจศาลทหารฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 7 คน โดยระบุเหตุผลว่าต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก และรอผลการตรวจสอบลายนิ้วมือผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลทหารฝากขังกำหนด 12 วัน แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว ขณะที่ทีมทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังเนื้อหาเช่นเดียวกับกรณี 13 นักกิจกรรม

จนเวลา 19.40 น. ศาลทหารกรุงเทพได้เริ่มการไต่สวนคำร้องฝากขัง โดยทนายได้สอบถามพนักงานสอบสวน ระบุว่าผู้ร้องทราบขณะจับกุมว่าผู้ต้องหาเป็นนักศึกษา ส่วนของกลางในคดีที่เป็นเอกสารทางการเมือง ผู้ร้องยังไม่ได้อ่าน และไม่ทราบว่าพยาน 4 ปากที่จะสอบเพิ่มเติมคือใคร เพราะไม่ใช่พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ส่วนกระบวนการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวผู้ต้องหา แต่เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำทั้งหมดไว้แล้ว โดยให้การปฏิเสธ

นายกานต์ สถิตศิวกุล หนึ่งในนิสิตที่ตกเป็นผู้ต้องหา ยังขึ้นแถลงต่อศาลถึงความตั้งใจในการร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 และตั้งใจไปทำความสะอาดอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่หลักสี่ ทั้งยังเป็นนักศึกษา และอยู่ระหว่างการสอบในมหาวิทยาลัย จึงขอให้ศาลปล่อยตัว

ศาลทหารได้วินิจฉัยยกคำร้องขอฝากขัง โดยระบุว่าพฤติกรรมในการกระทำความผิดมีอัตราโทษไม่สูง ประกอบกับผู้ต้องหายังเป็นนักศึกษา จึงต้องรับผิดชอบด้านการเรียน ผู้ต้องหาทั้งเจ็ดยังได้ให้ปากคำไว้แล้ว และยังมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่น่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จึงไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวเอาไว้

เวลา 20.35 น.ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน จึงได้รับการปล่อยตัวจากศาลทหาร

พลบค่ำ: 7 ผู้ต้องหาแจกเอกสารโหวตโนยอมนอนเรือนจำ ยืนยันไม่ประกันตัว เพราะไม่ได้กระทำผิด

ในช่วงเวลาเดียวกัน ราว 18.30 น.กลุ่มพลเมืองโต้กลับราว 10 คน ยังได้จัดกิจกรรมสวมแว่นดำและยืนเฉยๆ เป็นเวลาชั่วโมงเศษ ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อแสดงถึงการประท้วงกรณีเจ้าหน้าที่รัฐปิดกั้นและตั้งข้อหาประชาชนซึ่งออกมาตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ รวมทั้งเป็นการให้กำลังใจนักกิจกรรมที่ถูกจับกุมคุมขังในวันนี้ แต่กิจกรรมไม่ถูกแทรกแซงหรือปิดกั้นจากเจ้าหน้าที่

ขณะที่หน้าศาลทหาร ได้มีประชาชนและสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ทยอยมารวมตัวกัน เพื่อรอให้กำลังใจเพื่อนที่จะถูกควบคุมตัวไปเรือนจำ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าเจรจาขอให้หยุดใช้เครื่องเสียงเพื่อแลกกับการให้ผู้ต้องหาแจกเอกสารโหวตโนทั้ง 13 คน ซึ่งต้องถูกส่งตัวไปเรือนจำ ได้เดินทางผ่านมวลชนที่ยืนคอยส่งอยู่

แต่เวลาราว 20.00 น.เจ้าหน้าที่กลับมีการควบคุมตัวผู้ต้องหา 13 คน ออกไปจากศาลทหารทางอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่ได้มีการตกลงกันไว้แล้ว เท่ากับเป็นการโกหก เมื่อมีการเจรจากันใหม่อีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมประสานให้รถเรือนจำขับกลับมาที่ศาลทหารอีกครั้งหนึ่ง โดยเมื่อรถมาถึงมวลชนที่รออยู่ราว 100 คนได้ร้องเพลงเเสงดาวแห่งศรัทธาเพื่อเป็นการส่งผู้ต้องหา

ต่อมาเวลา 20.50 น. ศาลทหารกรุงเทพฯ มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 6 ราย กรณีแจกเอกสารโหวตโน โดยใช้หลักทรัพย์คนละ 50,000 บาท ศาลได้ระบุเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวไว้ว่า “ห้ามผู้ต้องหากระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ชักชวน ปลุกระดม ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้มีการชุมนุมอันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายใดๆ ในบ้านเมือง หรือก่อให้เกิดภัยอันตรายใดๆ อันกระทบต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน”

เวลาราว 23.00 น.ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ได้แก่ 1.รักษ์ชาติ วงศ์อภิชาติ 2.พรรณทิพย์ แสงอาทิตย์ 3.ปีใหม่ รัฐวงษา 4.เตือนใจ แวงคำ 5.กรชนก ธนะคูณ 6.วรวุฒิ บุตรมาตร จึงได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง

ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 7 ราย ที่ยืนยันไม่ยื่นประกันตัว ได้แก่ 1.ยุทธนา ดาศรี 2.ธีรยุทธ นาขนานรำ 3.อนันต์ โลเกตุ 4.สมสกุล ทองสุกใส 5.กรกช แสงเย็นพันธ์ 6.นันทพงศ์ ปานมาศ 7.รังสิมันต์ โรม ทั้งหมดเห็นว่าไม่ควรเสียหลักทรัพย์เพื่อให้ได้รับเสรีภาพที่ถูกพรากไปโดยเจ้าหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ โดยทั้งหมดได้ถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

X