26 มิ.ย. 2561 พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ อานนท์ นำภา, ‘นิว’ สิรวิชญ์, และ ‘โตโต้’ ปิยรัฐ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในข้อหาลักทรัพย์และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย ‘โตโต้’ ปิยรัฐ ทำหนังสือขอคืนรถของกลาง แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต
บันทึกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมของ สน.ชนะสงคราม ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2561 ในการปราศรัย “หยุดยื้ออํานาจ หยุดยื้อเลือกตั้ง” ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวชักชวนและนัดหมายให้กลุ่มมวลชนมารวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 21 พ.ค. 2561 เวลา 17.00 น. เพื่อร่วมกิจกรรม “22 พฤษภาเราจะหยุดระบอบ คสช.” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ต่อมา น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้ทําหนังสือแจ้ง การชุมนุมต่อ ผกก.สน.ชนะสงคราม เมื่อ 16 พ.ค. 2561 และมีนายรังสิมันต์, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, กลุ่มฟื้นฟู ประชาธิปไตย Democracy Restoration Group – DRG, นายเอกชัย หงส์กังวาน, กลุ่มรวมพลังถอนราก คสช., นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายอานนท์ นําภา, และ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุม “22 พ.ค. 61 เราจะหยุดระบอบ คสช.”
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2561 เวลาประมาณ 14.00 น. พบกลุ่มมวลชนผู้ชุมนุมเริ่มรวมตัวกันบริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เวลาประมาณ 15.00 น.มีรถยนต์กระบะเข้ามาในมหาวิทยาลัย กลุ่มมวลชนนําเครื่องเสียงมาติดตั้งบนรถคันดังกล่าว เพื่อนํามาใช้เป็นรถเครื่องเสียงสําหรับปราศรัย
เวลาประมาณ 16.00 น. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปิดล็อคประตูเข้าออกฝั่งสนามหลวง ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. นายนิกร วิทยาพันธุ์ นําคีมตัดขนาดใหญ่มาตัดกุญแจที่ปิดล็อคประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัย เพื่อช่วยอํานวยความสะดวกให้กลุ่มมวลชนที่เดินทางมาร่วมชุมนุม
ต่อมาเวลาประมาณ 17.40 น. นายสิรวิชญ์, นายรังสิมันต์, และ น.ส.นัฏฐา เริ่มประกาศที่ถนนข้างหอประชุม เวลา 18.00 น. นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ ขึ้นเป็นพิธีกรชักชวนมวลชนเข้าร่วมฟังปราศรัย ต่อมานายวันเฉลิม กุนเสน, นางศรีไพร, น.ส.ณัฏฐา สลับกันขึ้นพูดปราศรัยโจมตีการทํางานของรัฐบาลและ คสช. ว่าทุจริต ใช้อํานาจโดยไม่เป็นธรรม และเลื่อนการเลือกตั้ง พร้อมกับชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลและ คสช.
จากการตรวจสอบมีการปราศรัยชุมนุมอย่างรุนแรงและพยายามยุยงปลุกปั้นให้เกิดการขับไล่รัฐบาล/คสช. อย่างชัดเจน มีกลุ่มชุมนุมบางส่วนนอนพักค้างคืนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ต่อมาวันที่ 22 พ.ค. 2561 เวลา 09.00 น. นายรังสิมันต์ปราศรัยเรียกผู้ชุมนุมเดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อไปทําเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.ชนะสงคราม โดย พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผู้ดูแลการชุมนุม แจ้งว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนคําสั่ง คสช. ที่ 3/2558 และมีการร้องทุกข์ไว้แล้วโดยมีการสั่งให้เลิกการชุมนุม แต่นายรังสิมันต์กับพวกไม่เลิก ทั้งยังกล่าวปราศรัยชุมนุมอย่างรุนแรงและพยายามยุยงปลุกปั่นให้เกิดการขับไล่รัฐบาล/ คสช. และหัวหน้า คสช. อย่างชัดเจน
จากนั้น นายรังสิมันต์ชักชวนกลุ่มมวลชนออกไปบริเวณถนนหน้าพระธาตุ หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยตั้งมวลชนเป็นแถวแล้วผลักดันกับเจ้าหน้าที่ตํารวจที่วางกําลังกั้นไว้ พร้อมสั่งให้รถขยายเสียงชนแผงที่ กั้นเพื่อจะได้เดินออกไปได้ แต่เมื่อไม่เป็นผล นายรังสิมันต์พร้อมพวกจึงประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งเป็นการชุมนุมทางการเมืองที่ผิดกฎหมาย และมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกันเวลา 09.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน ได้เคลื่อนย้ายออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาตามถนนหน้าพระธาตุ เพื่อไปชุมนุมยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีที่ทําเนียบรัฐบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบว่าการชุมนี้เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน คําสั่ง คสช. ที่ 3/2558 และสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมแยกย้ายกันกลับบ้านไป แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเลิก
แกนนําได้ผลัดเปลี่ยนกันกล่าวปราศรัยยุยงปลุกปั่นโจมตีคณะรัฐบาล คสช. และตํารวจซึ่งดูแลการชุมนุมดังกล่าวไม่ให้เคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมไปบริเวณหน้าทําเนียบรัฐบาล ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. น.ส.นัฏฐา มหัทธนา, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายอานนท์ นําภา, นายเอกชัย หงส์กังวาน ซึ่งเป็นแกนนํา ได้นําผู้ชุมนุมประมาณ 50-60 คน เคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ดูและการชุมนุมสาธารณะมาตาม ถ.ราชดําเนิน
เมื่อถึงบริเวณก่อนขึ้นสะพานมัฆวาน เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าพนักงานผู้ดูแลการชุมนุมประกาศให้ผู้ชุมนุมและแกนนําเลิกการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมเลิก เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงร่วมกันจับกุมตัว น.ส.นัฏฐา มหัทธนา, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายอานนท์ นําภา, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายพุทไธสิงห์ พิมพ์จันทร์, นายคีรี ขันทอง, นายปัญญา (นามสมมติ) ,นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายภาคภูมิ (นามสมมติ), และนายวิโรจน์ โตงามรักษ์ นําตัวส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดี
ต่อมาการไฟฟ้านครหลวงมาแจ้งความร้องทุกข์ผู้ชุมนุม 9 คน ว่าลักทรัพย์กระแสไฟฟ้าของทางราชการเพื่อนําไปใช้ในกิจกรรมการชุมนุม คณะพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทําดังกล่าวของนายอานนท์ นำภา, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, และนายปิยรัฐ จงเทพ เข้าองค์ประกอบการกระทําผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และทําการโฆษณาโดยใช้เครื่องเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และทําการโฆษณาโดยใช้เครื่องเสียงด้วยกําลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ด้านนายปิยรัฐ จงเทพ ได้ทำหนังสือขอคืนรถของกลางซึ่งถูกยึดไว้ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานจนเสร็จสิ้นแล้ว แต่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ยังไม่อนุญาตในวันดังกล่าว