“วิจิตร” หวังพรรคการเมืองผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน พร้อมวิจารณ์ศาล รธน. ส่วนอาการปอดติดเชื้อคงที่ ยังรักษาต่อเนื่อง 

วันที่ 2 – 3 ก.ค. 2568 ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทนายความเข้าเยี่ยม “วิจิตร” (นามสมมติ) ผู้ต้องขังทางการเมืองและอดีตผู้รับเหมาก่อสร้างวัย 59 ปี ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์ ข้อความทางการเมืองในช่วงหลังรัฐประหาร ปี 2557-58 รวม 10 โพสต์ ซึ่งถูกคุมขังหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 10 ปี และศาลยังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี

ก่อนหน้านี้ราว 3 สัปดาห์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ตรวจพบว่าวิจิตรมีภาวะปอดติดเชื้อและมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาหลังอาการเขาเริ่มทรุดลงและมีติดตามอาการของเขาจากสังคม วิจิตรถูกส่งตัวมาตรวจร่างกายและแอดมิทที่สถาบันโรคทรวงอก เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2568 

และในช่วงวันที่ 19 มิ.ย. 2568 มีการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองเพื่อส่งตรวจ ขณะที่การตรวจฟิล์มเอกซ์เรย์ปอดและเสมหะอย่างละเอียดแล้วไม่พบเชื้อวัณโรค แต่วินิจฉัยว่าเป็นอาการปอดติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งต้องรับยาสเตียรอยด์ เขาแอดมิทอยู่ที่สถาบันโรคทรวงอกเป็นระยะเวลารวม 10 วัน ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568

อัปเดตอาการป่วยปอดติดเชื้อเรื้อรัง ยังคงต้องรับการรักษาต่อเนื่องจากสถาบันทรวงอก – รพ.ราชทัณฑ์ 

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา (2 – 3 ก.ค.) ทนายความได้เข้าเยี่ยมวิจิตรเพื่ออัปเดตอาการป่วย พบว่า อาการป่วยในช่วงนี้ค่อนข้างคงที่ วิจิตรยังคงได้รับยากดภูมิ ยาฆ่าเชื้อ บำรุงเลือด ยาพ่นอยู่เป็นประจำ โดยเขาไม่มีอาการไข้แล้ว แต่ยังคงไออยู่เล็กน้อย 

วิจิตรแจ้งว่าตั้งแต่กลับมารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เขาเพิ่งได้ออกจากห้อง ICU เมื่อประมาณ 4 – 5 วันก่อน ปัจจุบันทางโรงพยาบาลจัดให้เขาอยู่โซนแยกออกมา เป็นโซนที่อยู่ต้นลม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 

รวมถึงโรคไวรัสตับอักเสบบีที่เป็นอยู่ แพทย์ก็แจ้งกับเขาว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะวิจิตรมีภูมิต้านทานแล้ว ส่วนอาการที่ยังกังวลอยู่ตอนนี้คืออาการแสบร้อนกลางอก เขาเล่าให้ฟังว่าพยายามข่มตานอนหลับ แต่พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเหงื่อออกมากจนเปียกหมอนบนที่นอน

เมื่อเช้า (3 ก.ค.) วิจิตรเล่าว่า หมอเจาะเลือดไปตรวจ และฟังเสียงการทำงานของปอด แต่ก็สับสนอยู่ เพราะหมอเจ้าของไข้ที่ รพ.ราชทัณฑ์ แจ้งว่าจะพาไปเช็กอาการกับ รพ.ทรวงอก เดือนละครั้ง แต่เท่าที่จำได้หมอนัดตรวจอาการที่ รพ.ทรวงอก ทุก ๆ 15 วัน นัดครั้งแรกเป็นวันที่ 8 ก.ค. นี้ ภรรยากับเพื่อนหุ้นส่วนของเขาก็จะขึ้นมาเยี่ยมวันเดียวกัน โดยจะเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นมากรุงเทพฯ วันที่ 7 ก.ค. แต่พอหมอที่ รพ.ราชทัณฑ์แจ้งกับเขาแบบนั้นก็เลยสับสนว่าสรุปแล้วเขาต้องไปเช็กอาการกับ รพ.ทรวงอก เมื่อไหร่กันแน่ 

วิจิตรระบุว่า ตั้งแต่กลับมาที่ รพ.ราชทัณฑ์ ก็ไม่เห็นใบนัดแพทย์แล้ว ทนายจึงได้สอบถามไปทางสถาบันทรวงอก และพบว่าวิจิตรมีนัดพบแพทย์ที่สถาบันดังกล่าวในวันที่ 8 ก.ค. จริง ซึ่งจะต้องดำเนินการเข้าไปแจ้งกับ รพ.ราชทัณฑ์ อีกครั้ง 

.

“วิจิตร” มองว่าภาคประชาชนมีพลังมากที่จะทำให้พรรคการเมืองไม่นิ่งเฉยในการผลักดันนิรโทษกรรม – เห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะประเทศเสียโอกาสมามากพอแล้ว 

เมื่อพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองและการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ในช่วงนี้ รวมทั้งสถานการณ์ล่าสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวแล้ว วิจิตรให้ความเห็นว่า 

“ศาลรัฐธรรมนูญเป็นอะไรที่แปลกที่สุดของประเทศไทย ประชาชนเลือกผู้นำสิบล้านคน ปรากฏว่ามีคณะบุคคลกลุ่มหนึ่งมีอำนาจสั่งยุบพรรคของประชาชน สั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ มันเป็นอะไรที่ผิดเพี้ยนที่สุดในโลก” เขาไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญ วิจิตรมองว่ากฎหมายให้อำนาจคนกลุ่มนี้มากเกินไป

“มีอย่างที่ไหนมาล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบธรรม ไม่มีใครยอมรับได้ บ้านเมืองเราตอนนี้สับสนวุ่นวายพอสมควรแล้ว เหมือนทั้งสองฝ่ายถือมีดกันคนละเล่มแล้วเอาชาติบ้านเมืองมาเป็นตัวประกัน สภาพเศรษฐกิจก็ไม่ดี ถ้ามัวแต่จะทะเลาะกันแบบนี้ เราจะสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันไปเรื่อย ๆ” 

เมื่อเล่าต่อว่านายกรัฐมนตรียังสวมบทบาทใหม่ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อผลักดันนโยบาย Soft Power  วิจิตรพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผมออกไปช่วย รมต. ช่วยรัฐบาลสร้าง soft power ได้นะ เพราะหนึ่งในจุดแข็งของเราคือเรื่องสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม ฝรั่งมาเห็นวันที่ผมสร้างก็ชื่นชม ถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียล ก็คือว่าเราได้สร้าง soft power แล้ว” 

วิจิตรระบุว่า เขาเชี่ยวชาญเรื่องโครงสร้างอาคาร สถาปัตยกรรม ก็เนื่องจากทำมาหากินด้วยการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างมานานหลายปี นอกจากนี้เขายังเล่าให้ว่ารู้วิธีการสร้าง Smart Home ที่มีโครงสร้างต้านแผ่นดินไหวได้อีกด้วย 

วิจิตรดูจะสนใจนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐที่กำลังพยายามทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา โดยเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการเที่ยวคนละครึ่ง และ พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า ส่วนตัวเขาเห็นด้วยกับสองโปรเจกต์นี้ 

“ผมเห็นด้วยนะที่จะมีคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศ ตอนผมอยู่บุรีรัมย์ยังเคยเห็นคนเหมารถตู้รับคนไปเล่นคาสิโนแถวชายแดนเลย คาสิโนรอบ ๆ บ้านเราก็เป็นของคนไทยมีสีทั้งนั้น เงินไหลออกนอกประเทศอย่างยาวนาน เราสูญเสียรายได้มหาศาล 

“เราต้องยอมรับความจริงว่าสิ่งนี้มันอยู่คู่กับโลกมานานแล้ว แต่ต้องบริหารจัดการให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด มันมีเรื่องที่จะต้องพิจารณาเยอะ เพราะหลายคนเขามองว่ามันมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ แม้แต่พรรคเพื่อไทยเองก็ตาม” เขาให้ความเห็น

เมื่อถามความคาดหวังถึงการนิรโทษกรรมประชาชน ที่กำลังจะเข้าบรรจุเป็นวาระในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ วิจิตรระบุว่า “ผมคิดว่า พ.ร.บ นิรโทษกรรมฯ เป็นกฎหมายที่ให้ผลบวกกับพรรคการเมืองทุกพรรคที่สนับสนุน เขาจะได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนบนถนนสายประชาธิปไตยแน่นอน คือมันให้ความช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง ไม่ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสังคม 

“ภาคประชาสังคมกับภาคประชาชนมีพลังมาก ที่จะต้องทำให้พรรคการเมืองนิ่งเฉยไม่ได้ ถ้าได้ออกไปเร็ว ๆ ผมจะดีใจมากที่จะได้ออกไปทำงานด้วยตัวของผมเอง”

.

ร่วมเขียนจดหมายออนไลน์ถึงวิจิตร และผู้ต้องขังทางการเมือง ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล

.

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

“วิจิตร”: เมื่อเด็กชายในสงครามคอมมิวนิสต์ ผู้สร้างโบสถ์วิหาร ต้องเผชิญคดีการเมือง

X