วันที่ 6 พ.ย. 2567 ทนายความเดินทางไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยม “ขุนแผน” หรือ เชน ชีวอบัญชา ประชาชนวัย 57 ปี ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 และดูหมิ่นศาล ซึ่งถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2567 จากคดีร่วมกิจกรรมเรียกร้องสิทธิประกันตัวสองนักกิจกรรมทะลุวัง และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว
พบว่า “ขุนแผน” มีอาการร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง ควบคุมกล้ามเนื้อซีกซ้ายไม่ได้ มือซ้ายไม่มีเรี่ยวแรง กล้ามเนื้อมือและตาด้านซ้ายตกลง มีอาการลิ้นแข็งเคี้ยวอาหารไม่ได้ กินข้าวเคี้ยวไม่ถนัด พูดไม่ชัด ทนายความได้ส่งหนังสือขอให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่งตัวเขาไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์แล้ว และยังรอคำสั่งอยู่
.
ทนายได้พูดคุยกับขุนแผนผ่านเสียงทางโทรศัพท์ เนื่องจากระบบภาพยังคงไม่สามารถใช้งานได้ ขุนแผนบอกว่าเยี่ยมผ่านโทรศัพท์ก็ดี เพราะจะไม่ต้องเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้เดินไม่ค่อยสะดวก ทนายถามไถ่ถึงเรื่องสุขภาพ เนื่องจากก่อนหน้านี้ขุนแผนกำลังรักษาตัวจากอาการป่วยวัณโรค
ขุนแผนเล่าว่าเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 พ.ย. 2567) เขารู้สึกไม่มีแรง หยิบขวดน้ำมาจะดื่มก็ทำหล่น ไม่รู้สึกตัวหลายครั้ง และมีอาการชาครึ่งซีกซ้ายทั้งหมด ทั้งหัว ตัว และแขนขา พอผ่านวันแรกไป อาการไม่มีแรงก็เริ่ม ๆ ดีขึ้น แต่อาการชายังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่น้อยลงเลย และรู้สึกว่าจะมีอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ
วันนี้ เขาสังเกตตัวเองและเห็นชัดว่าตาข้างซ้ายเริ่มตกและมุมปากด้านซ้ายก็ตก ยังคงเดินได้ แต่ก็ไม่ปกติ เวลาเดินรู้สึกชาที่เท้า ก้าวแต่ละทีก็จะสะเทือนมาถึงที่ท้องจนต้องเกร็งตัว
เมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย. 2567) เขาได้ไปแดนพยาบาล 1 ครั้ง เจ้าหน้าที่ก็ถามอาการเบื้องต้น มีการทดสอบกล้ามเนื้อโดยให้หยิบของ ให้ยกขา ให้ออกแรงงัดข้อ และให้วัดความดัน เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เจออะไรผิดปกติ และขอเจาะเลือดไป
เมื่อวาน (5 พ.ย. 2567) ได้ไปแดนพยาบาลอีกครั้ง เจอกับแพทย์อีกคนหนึ่ง ถามอาการเหมือนเดิม ทดสอบเหมือนเดิม แล้วก็ถามว่าอยากไปตรวจละเอียดที่ รพ.ราชทัณฑ์ ไหม เขาก็ตอบว่าอยากไปตรวจ แล้วก็แค่นั้น ไม่ได้บอกว่าจะได้ไปวันไหน ตอนนี้เขาก็ยังรออยู่ ตอนแรกก็คิดว่าจะได้ไปวันนี้เลย แต่ไม่ใช่ อาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืน
อาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ ทำให้ขุนแผนมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เคี้ยวข้าวได้ไม่ถนัด บางทีก็เผลอกัดปากตัวเอง กินข้าวได้น้อยลงแต่ยังคงดื่มน้ำได้ บางทีก็พูดไม่ชัด ต้องตั้งใจจดจ่อกับการพูดมากขึ้นเพราะลิ้นแข็งควบคุมไม่ได้ ซึ่งขณะที่คุยกับทนายก็ยังเป็นอยู่ นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องการเข้าส้วม และเข้าห้องอาบน้ำมากขึ้นอีก เพราะเดินได้ไม่ปกติ
ก่อนหน้านี้พี่สาวของขุนแผนมาเยี่ยม โดยพี่สาวประกอบอาชีพเป็นพยาบาลก็เป็นห่วงมากเมื่อทราบอาการ บอกว่าอยากพาไปรักษาข้างนอก ให้ทางเรือนจำส่งออกมาก็ได้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เขาจะจ่ายเอง แต่ก็เผื่อใจว่าอาจไม่ได้ประกันตัวออกไปรักษา และยกกรณีของบุ้งที่ยังไม่ได้ออกไปรักษาจนสุดท้ายเสียชีวิต
ขุนแผนเล่าให้ทนายความฟังว่า พ่อของเขาเป็นอัมพฤกษ์ ตอนอายุประมาณ 50-60 ปี แต่จำอายุเป๊ะ ๆ ไม่ได้ เพราะตอนนั้นก็ยังเด็กอยู่ และพ่อก็เสียไปนานแล้ว ซึ่งตอนแกเริ่มเป็นน่าจะอายุพอ ๆ กับขุนแผนตอนนี้
พี่สาวบอกว่ามันสืบกันทางพันธุกรรมได้ พ่อมีอาการเส้นประสาทเส้นที่ 7 อักเสบ ตอนนั้นก็เริ่มต้นด้วยการมีอาการเหมือนที่เขาเป็นอยู่ พ่อก็รู้ตัวและไปรักษาตามอาการต่อเนื่อง จึงไม่ได้ถึงกับป่วยติดเตียง แต่ก็ไม่ได้หายขาด เดินได้ ใช้ชีวิตได้ แต่ไม่ปกติ
“กลัวว่าจะเป็นหนักเหมือนกัน วันแรกที่เป็นนี่นึกภาพตัวเองนั่งวิลแชร์เลย” ขุนแผนพูดขึ้นเพราะกังวลว่าหากเขาถูกส่งตัวไปรักษาช้า อาการมันจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นสูญเสียความสามารถในการเดินอย่างปกติ
ด้านสภาพจิตใจขุนแผนตอบว่ายังโอเคดี เข้าใจ ชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็เข้าใจเรื่องสังขาร เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ถ้ามันมีทางรักษาได้ ก็อยากทำให้เต็มที่ก่อน ขุนแผนรู้ว่าการรักษาในเรือนจำล่าช้าและไม่ดีเท่าข้างนอก เขากล่าวว่าตนไม่ได้กลัวตาย แต่ต้องการสิทธิในการรักษาที่ทันท่วงที ไม่ใช่แค่กรณีเขา ทุกคนในนี้ต้องเจอสภาวะแบบนี้กันหมด ถ้าป่วยก็ทำได้แค่รอ
ถึงแม้ขุนแผนเป็นผู้ต้องหาคดีการเมืองคนเดียวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่ถูกขังอยู่ในแดน 8 แต่เขาก็มีเพื่อน ๆ ที่ได้รู้จักในแดนอยู่ สามารถใช้ชีวิตด้วยกัน ช่วยกันดูแล มีของอะไรมาก็แบ่งปันกัน เพื่อน ๆ ที่ไม่มีเงินไม่มีญาติก็กินข้าวด้วยกัน นั่งเล่นนั่งคุยกันได้
ขุนแผนเล่าว่าสภาพแวดล้อมในเรือนจำก็ดี ตอนที่เขาป่วยเพื่อน ๆ ก็ดูแลเขาดี ช่วยพาเดิน มาพยุง หาข้าวหาปลามาให้ ทางผู้บริหารแดน 8 ก็เรียกไปสอบถามอาการ บอกว่ามีอะไรให้ไปติดต่อได้เลย
หลังทนายความทราบถึงอาการป่วย จึงได้ส่งหนังสือขอให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เร่งส่งตัวขุนแผนไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ในทันที เพื่อมิให้อาการกำเริบร้ายแรง แต่วันนี้ยังไม่มีคำสั่งจากเรือนจำ ในวันพรุ่งนี้ต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป
.
.
อ่านฐานข้อมูลคดี
คดี 112 “ขุนแผน-มานี-ไบรท์” เหตุร่วมร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ 28 ก.ค. 65