ตำรวจบุกบ้านขอพบ “เดฟ 3bone” แร็ปเปอร์ R.A.D. อ้างมาสอบถาม พร้อมเตือนว่าอย่าไปทำกิจกรรมการเมืองอีก แม้ไม่ได้เคลื่อนไหวนานแล้ว

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2567 “เดฟ” (A.K.A. 3bone) ศิลปินแร็ปเปอร์วง Rap Against Dictatorship (R.A.D.) วัย 26 ปี เปิดเผยข้อมูลกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ในช่วงวันที่ 11 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบสังกัดได้เดินทางไปที่บ้านของตนใน จ.นครราชสีมา โดยแม่ของเดฟแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้นำรูปภาพเดฟตอนทำกิจกรรมทางการเมือง พร้อมกับรูปบัตรประชาชนมาให้ดู แล้วสอบถามว่าลูกยังเคลื่อนไหวทำกิจกรรมอยู่หรือไม่ พร้อมเตือนว่าอย่าไปทำแบบนี้อีก

เดฟเผยว่า ในช่วงวันดังกล่าว ตนตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงแล้วเห็นว่าแม่โทรศัพท์มาหาหลายสาย จึงโทรกลับไปหาแม่และได้ทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านเพื่อขอพบตน โดยเจ้าหน้าที่มากันเป็นกลุ่ม และมีการนำภาพที่เคยทำกิจกรรมและภาพบัตรประชาชนของตนให้แม่ดูด้วย

อย่างไรก็ตาม เดฟไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มานั้นมาจากหน่วยงานหรือองค์กรใด และมีวัตถุประสงค์อะไร แต่เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งกับแม่ของเดฟว่า เดฟเคยไปเข้าร่วมม็อบและมีการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมเตือนว่า ถ้ายังมีการเคลื่อนไหวอะไรแบบนี้อยู่ ขอให้เลิกไปซะ อย่าไปทำอีก

เมื่อไม่พบเดฟ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่า ตอนนี้เดฟไปอยู่ที่ไหน ซึ่งแม่ของเดฟก็ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า เดฟไม่ได้อยู่บ้านมาสักพักแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ขอเบอร์ติดต่อเดฟ แต่แม่ไม่ได้ให้เบอร์แก่เจ้าหน้าที่ไปแต่อย่างใด

เดฟเผยอีกว่า นอกจากจะมาที่บ้านของเขาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีการไปสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงว่าพบเห็นตนผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไม่ในช่วงนี้ ทำให้หลาย ๆ คนค่อนข้างตื่นกลัว

เดฟเล่าว่า กรณีนี้เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาหาที่บ้าน แต่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ช่วงที่ตนเคลื่อนไหว เคยมีกรณีตำรวจโทรไปที่เบอร์แม่ของตนด้วย เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการทำกิจกรรม ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าตำรวจได้เบอร์แม่มาได้อย่างไร

เดฟเผยว่า ตอนนี้ตนแอบมีความกังวลว่าจะมีคดีอะไรตามหลังมาหรือเปล่า แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะมีอยู่แล้ว โดยตอนนี้ตนกลับมาทำงาน และไม่ได้เคลื่อนไหวทำกิจกรรมใด ๆ มาพักใหญ่แล้ว โดยเดฟเคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองในช่วงปี 2563-64 แต่ไม่เคยถูกดำเนินคดีใด ๆ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

2 เดือนแรกของปี: สถานการณ์เจ้าหน้าที่รัฐติดตาม-คุกคามประชาชน ไม่น้อยกว่า 40 กรณี ไม่พบการเปลี่ยนแนวทางการใช้อำนาจภายใต้รัฐบาลใหม่