27 ก.พ. 2567 สราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ นักกิจกรรมกลุ่มราษฎรเชียงรายเปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 1 นาย ได้เดินทางมาเฝ้าอยู่บริเวณหน้าร้านของตน คาดว่าเฝ้าติดตามจากเหตุ กรมสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ก่อนทางกลุ่มจะเดินทางไปยื่นดอกทานตะวัน และชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี “ตะวัน” บีบแตรขบวนเสด็จ ก่อนมีตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับ
ตั้งแต่ 9.00 น. ที่สราวุทธิ์ตื่นนอนและเปิดร้าน ในจังหวัดเชียงราย ทำกิจวัตรตามปกติ ก็พบเห็นบุคคลน่าสงสัย คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจอดรถเฝ้าติดตามอยู่บริเวณหน้าร้าน โดยบุคคลดังกล่าวหันหน้ามองมาทางร้านตลอดเวลา และเมื่อเขาออกไปทำธุระที่ใดบุคคลดังกล่าวก็จะติดตามไปเฝ้าระวังด้วย
เหตุที่สราวุทธิ์คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเขามักถูกตำรวจติดตามมาโดยตลอดเวลาหลายปี โดยลักษณะของการติดตามจะเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ บางครั้งเข้ามาแสดงตัวพูดคุยขอความร่วมมือ บางครั้งมีการติดตามเงียบ ๆ อยู่บริเวณใกล้ ๆ และหากจะเดินทางไปที่ใด ก็ติดตามไปด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุการณ์บุคคลสำคัญเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. สราวุทธิ์เดินทางไปยังงานรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อเดินทางไปถึงได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ เข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยกลุ่มหนึ่ง
สราวุทธิ์ได้ขอให้ตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจรับฟังคำชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์กรณี “ตะวัน” ถูกกล่าวหาว่าบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ นำไปสู่การถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด และขอให้สื่อสารขอความเมตตาไปยังกรมสมเด็จพระเทพฯ จากนั้นตัวแทนตำรวจได้รับช่อดอกทานตะวัน และแจ้งว่าจะนำเรียนผู้บังคับบัญชาถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว
เมื่อสราวุทธิ์ยื่นดอกไม้เสร็จ จึงกล่าวสวัสดีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่กลุ่มเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้ห้ามเขาไม่ให้เดินทางกลับและขอให้ “กักตัว” อยู่กับตำรวจจนกว่ากรมสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จกลับ แล้วจึงจะอนุญาตให้เขากลับได้ แต่จะต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง เขาจึงยืนยันว่าจะเดินทางกลับ เนื่องจากเขาเพียงมาชี้แจงตามความประสงค์แล้ว ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอื่น ๆ อีก และตำรวจก็ไม่มีอำนาจกักตัวเขาไว้
จากนั้นเขาจึงเดินทางกลับ โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามด้วยรถจักรยานยนต์ 3-4 คัน จนถึงระหว่างทางกลับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวก็หายไป
สราวุทธิ์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เขารู้สึกรำคาญ เบื่อหน่ายกับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวัง ติดตาม ไม่แตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเดิม เขารู้สึกว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ที่ชื่อว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วควรมีแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐที่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น เขาคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้การถูกเฝ้าระวัง ติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบทำให้เขาเกิดความสับสนระหว่างตำรวจกับโจร เนื่องจากพบเห็นเป็นบุคคลทำตัวน่าสงสัย ลับ ๆ ล่อ ๆ แถวหน้าบ้านเขาบ่อย ๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ควรทำ
บทความที่เกี่ยวข้อง