นัดไต่สวนภริยาของ “สุรชัย แซ่ด่าน” ร้องขอศาลสั่งให้สามีเป็นบุคคลสาบสูญ หลังถูกบังคับสูญหายไปเกิน 5 ปี 

วันที่ 12 ก.พ. 2567 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชนัดไต่สวนคำร้องขอสาบสูญขอให้ “สุรชัย แซ่ด่าน” หรือ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์” เป็นคนสาบสูญ โดยมีภริยาคือ “ป้าน้อย” หรือ “ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์” เป็นผู้ร้องและพยานที่ขึ้นเบิกความในวันนี้ หลังจากสุรชัยถูกบังคับให้สูญหายไปเกินกว่า 5 ปีแล้ว

ศาลระบุว่า คดีนี้ศาลประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน คดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน ให้รอฟังคำสั่งวันนี้ ให้ประกาศคำสั่งลงในราชกิจจานุเบกษา อย่างไรก็ตาม ทนายความยังคงต้องติดตามคำสั่งศาลจากระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมต่อไป

.

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2566 ปราณีซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของสุรชัยและทนายความได้ยื่นคำร้องขอให้สุรชัยเป็นคนสาบสูญต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากที่สุรชัยถูกบังคับให้สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2561 และไม่มีบุคคลใดพบตัวหรือติดต่อสุรชัยได้อีกเลยตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี สามารถสรุปรายละเอียดในคำร้องได้ดังนี้

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ในวันดังกล่าวสุรชัยได้เดินทางไปที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อลี้ภัยทางการเมือง ต่อมาภายหลังเหตุการณ์รัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 สุรชัยถูกเรียกให้ไปรายงานตัวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 57/2557 ฉบับลงวันที่ 13 มิ.ย. 2557  แต่สุรชัยไม่ได้ไปรายงานตัว ทำให้ถูกศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ขณะลี้ภัยสุรชัยพักอาศัยอยู่ร่วมกับชัชชาญ บุปผาวัลย์ และไกรเดช ลือเลิศ ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองและผู้ติดตามของสุรชัย ปรากฏว่าในวันที่ 12 ธ.ค. 2561 มีผู้ติดต่อสุรชัยและผู้ติดตามได้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อมาในวันที่ 13 ธ.ค. 2561 พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางมาเยือน สปป.ลาว เพื่อประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-ลาว ครั้งที่ 3 โดยตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือสามารถติดต่อสุรชัยได้อีกเลย

ต่อมาในวันที่ 27 และ 29 ธ.ค. 2561 ปรากฏพบศพของชัชชาญและไกรเดชตามลำดับ ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม ซึ่งถูกฆาตกรรมและอำพรางศพในลักษณะเดียวกัน ส่วนสุรชัยถูกบังคับให้สูญหายไปในเหตุการณ์เดียวกันโดยไม่ทราบชะตากรรม

นับตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2561 ปราณีได้ติดตามสืบหาตัวสุรชัย ตลอดจนแจ้งเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามหาสุรชัยมาโดยตลอด แต่ก็ไม่พบตัวและไม่ทราบข่าวคราว (รายละเอียดตามไทม์ไลน์การยื่นร้องเรียนกรณี ‘สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์’) จนถึงวันยื่นคำร้องเป็นเวลาเกินกว่า 5 ปีแล้ว

ต่อมาคณะผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติส่งหนังสือ (Joined Allegation Letter) ถึงรัฐบาลไทย รัฐบาลลาว รัฐบาลเวียดนาม และรัฐบาลกัมพูชา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2563 ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2563 มีนักกิจกรรมไทยหลายคนรวมถึงสุรชัย ชัชชาญ และไกรเดช ถูกบังคับให้สูญหายในประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงรูปแบบการบังคับให้สูญหาย โดยในจำนวนบุคคลที่หายตัวไปมีความเกี่ยวข้องในทางการเมืองที่ทำให้เชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบุคคลเหล่านั้น และหนังสือยังระบุถึงการสืบสวนสอบสวนเพื่อค้นหาความจริงและชะตากรรมของผู้ถูกบังคับให้สูญหายที่ไม่มีความคืบหน้า ถึงแม้จะมีการยื่นเอกสารต่อองค์กรที่มีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนแล้วก็ตาม 

จากเหตุดังกล่าวข้างต้น ปราณีจึงได้ขอให้ศาลนัดไต่สวน และมีคำสั่งให้สุรชัยเป็นบุคคลสาบสูญ เพื่อให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป 

วันนี้ (12 ก.พ. 2567) เวลา 9.10 น. ปราณีเดินทางมาจากที่พักโดยปั่นจักรยานมาที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเพียงคนเดียว และขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5 เพื่อพบทนายความ โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมสังเกตการณ์คดี

ต่อมาเวลา 9.44 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี และให้ปราณีเข้าไปที่คอกพยานเพื่อสาบานตนและเบิกความในคดีนี้ โดยทนายความได้ถามปราณีถึงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีของสุรชัย และต่อมาศาลได้ถามว่าปราณีไม่พบเจอและไม่สามารถติดต่อสุรชัยได้ตั้งแต่เมื่อใด ปราณีตอบว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2561 จนถึงปัจจุบันเกินกว่า 5 ปีแล้ว ศาลจึงระบุว่าการไต่สวนเสร็จสิ้น และให้ปราณีลงจากคอกพยาน

ศาลระบุว่า คดีนี้ศาลประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน คดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน ให้รอฟังคำสั่งวันนี้ ให้ประกาศคำสั่งลงในราชกิจจานุเบกษา อย่างไรก็ตาม ทนายความยังคงต้องติดตามคำสั่งศาลจากระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมต่อไป

หลังจากการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น ปราณีได้กล่าวขอบคุณทนายความ และหวังว่าจะได้คำสั่งให้สุรชัยเป็นบุคคลสาบสูญมาในเร็ววัน เพื่อที่จะดำเนินการทางกฎหมายในเรื่องต่าง ๆ ที่ยังคงค้างคาตั้งแต่สุรชัยถูกบังคับให้สูญหายต่อไป

ต่อมาเวลา 20.45 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจากทนายความว่า ศาลมีคำสั่งว่า นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61

X