ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้รอลงอาญา 3 ปี  “สุทธิเทพ” คดี ม.112 โพสต์ประชดกลุ่มรักเจ้า หลังศาลอาญาเคยตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน 

วันที่ 25 ม.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา มีนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีของสุทธิเทพ” (สงวนนามสกุล) ประชาชนวัย 23 ปี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ประชดกลุ่มรักสถาบันฯ ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “คณะประชาชนปลดแอก – Free People” เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563

ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา โดยเห็นพ้องกับโทษที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่เห็นอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นในบางส่วน จึงเห็นควรให้รอลงอาญา 3 ปี

สำหรับคดีนี้ สุทธิเทพถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2564 ในห้างสรรพสินค้าย่านรามอินทราตามหมายจับของศาลอาญา และควบคุมตัวมาที่ บก.ปอท. โดยคดีมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้กล่าวหา ก่อนที่วันรุ่งขึ้น (10 เม.ย. 2564) จะถูกนำตัวไปขออำนาจฝากขัง ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขัง แต่ให้ประกันตัวในวงเงิน 90,000 บาท  พร้อมกำหนดเงื่อนไข “ห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ดูหมิ่นผู้ใด”

ต่อมา ในวันที่ 2 ก.ค. 2564 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ได้ยื่นฟ้องสุทธิเทพต่อศาลอาญาในข้อหา ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ โดยพนักงานอัยการระบุว่า ข้อความที่สุทธิเทพโพสต์วิจารณ์ถือเป็นความเท็จ และเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ประชาชนเสื่อมศรัทธา 

ก่อนสืบพยานในศาลชั้นต้น สุทธิเทพได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ทำให้ในวันที่ 8 พ.ย. 2565 ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน

ต่อมา วันที่ 10 เม.ย. 2566 สุทธิเทพได้ยื่นอุทธรณ์ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษ ก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาและศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในวันนี้

.

ในวันนี้ (25 ม.ค. 2567) เวลา 09.10 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 712 สุทธิเทพเดินทางมาถึงหน้าห้องพิจารณาคดี เขาเปิดเผยว่าตัวเองมีความกังวลถึงการฟังคำพิพากษาในวันนี้ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เขายืนยันว่าตัวเองไม่คิดจะหนี และอยากจะอยู่รอฟังให้ถึงที่สุดว่าศาลจะยุติธรรมกับเขาหรือไม่

ต่อมาเวลา 10.30 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี โดยเรียกให้จำเลยลุกขึ้นรายงานตัวเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก่อนอ่านคำพิพากษา มีใจความโดยสรุปว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง

การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่หนักที่สุดคือมาตรา 112 จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ จึงเป็นเหตุให้มีการบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนแล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า สมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน และไม่เคยมีประวัติการกระทำผิดอาญาในลักษณะเดียวกับในคดีนี้ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงมีเหตุบรรเทาโทษให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย แต่ทั้งนี้ อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จึงสมควรให้โอกาสจำเลยอีกสักครั้งหนึ่ง โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี 

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาจบ สุทธิเทพก็ยืนร้องไห้ เขากล่าวขอบคุณทนายที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะบอกว่าวันนี้เขาไม่ได้บอกเพื่อนหรือครอบครัวของตัวเองว่ามาฟังคำพิพากษา หากเขาต้องเข้าเรือนจำในวันนี้ก็คงไม่มีใครช่วยเก็บสิ่งของส่วนตัวที่นำติดตัวมาด้วย 

มีข้อน่าสังเกตว่า ในคดีมาตรา 112 ที่มีนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในปีนี้ มีแนวโน้มที่ศาลอุทธรณ์จะแก้โทษที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไม่รอการลงโทษ เป็นรอการลงโทษ โดยก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้โทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ของพิทักษ์พงษ์ (สงวนนามสกุล) โดยให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี 

แต่แนวโน้มดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นกับจำเลยที่รับสารภาพตั้งแต่ในชั้นพิจารณาคดี หรือไปเข้าร่วมทำงานจิตอาสาถวายเป็นพระราชกุศลให้กับสมาชิกราชวงศ์เท่านั้น จึงต้องรอดูต่อไปว่า ในคดีมาตรา 112 คดีอื่น ๆ ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาอย่างไร 

ดูฐานข้อมูลคดีนี้: คดี 112 “สุทธิเทพ” โพสต์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ประชดกลุ่มรักเจ้า

X