เวหาอดอาหารวันที่ 7 รู้สึกอ่อนแรง แต่ยืนยันจะอดอาหารต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะสัมฤทธิ์ผล

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยม “เวหา” ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 18 เดือน ในคดีมาตรา 112 กรณีใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝา ver.เกรี้ยวกราด” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคุกวังทวีวัฒนา และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ปัจจุบัน (30 ส.ค.) เขาถูกคุมขังมาแล้ว 105 วัน โดยเขาเริ่มอดอาหารประท้วงมาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. เพื่อเคียงข้างวารุณีและยืนหยัดตาม 3 ข้อเรียกร้องของตนเอง

วันนี้เวหาดูเหนื่อยและเพลียมาก ระหว่างพูดคุยเขาไอเป็นระยะๆ “วันนี้ผมหมดแรงมากเลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย มันรู้สึกอ่อนแรงมาก เพราะอากาศร้อน แล้วตอนนี้ก็เป็นหวัด ซึ่งคนในแดนเป็นกันเยอะ มันก็เลยเพลียกว่าเดิมมาก

“นอกจากอ่อนเพลีย ก็ปวดท้องทั้งวัน แต่จะปวดหนักเป็นช่วงๆ ยังนอนหลับได้ แต่ก็มีตื่นกลางดึก เพราะปวดหัว แล้วก็หายใจไม่ได้ ต้องลุกมาดมยาดม นั่งสมาธิ ปล่อยวางอารมณ์ความคิดจะได้นอนต่อ แต่หัวไม่ค่อยโล่งเท่าไหร่ มีเรื่องให้คิดตลอด ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับใครยาวๆ เลย ไม่มีแรง”

เวหาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่เรือนจำนำเกลือแร่มาให้เขา และหัวหน้าฝ่ายเรียกเขาไปคุยเกี่ยวกับการอดอาหาร

“เมื่อวาน ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เจ้าหน้าที่คงเห็นว่าผมซูบซีดลงมั้ง ก็เลยเอาเกลือแร่มาให้ แล้วก็วัดความดัน มันยังปกติอยู่ ผมคิดว่าเค้าคงเอาไปรายงานหัวหน้าฝ่ายมั้งว่าผมดูแย่มาก

“เมื่อเช้าหัวหน้าฝ่ายก็เรียกคุย ขอให้ผมกินอาหาร คือถ้าเป็นอะไรในเรือนจำ เขาจะดูแลยาก ก็พูดจากันดีๆ ด้วยเหตุผลน่ะครับ ผมก็อธิบายว่าผมทำไปทำไม ข้อเรียกร้องคืออะไร แล้วก็ยืนยันว่า ผมจะอดอาหารต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะสัมฤทธิ์ผล

“ผมบอกเขาอีกว่า ถ้าอยากช่วยก็ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ข้อเรียกร้องสำเร็จเร็วขึ้นสิ เขาก็หัวเราะ บอกว่าด้วยหน้าที่ของเขา เขาคงสนับสนุนเราเรื่องนี้ไม่ได้ แต่จะช่วยดูแลเราแทน”

เมื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ทางการเมืองเล็กน้อย แม้เวหาดูเหนื่อยมาก แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไร

เมื่อทราบโผคณะรัฐมนตรีแล้ว เวหาก็พูดว่า “ตกลงนี่คือรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย เหมือนนโยบายต่างๆ ที่เขาหาเสียงไว้มันจะทำไม่ได้เลยนะ เพราะกระทรวงสำคัญถูกเอาไปเยอะ”

—————

สำหรับข้อเรียกร้อง 3 ข้อของเวหา ได้แก่

1. เรียกร้อง ‘สส.’ เข้ามารับข้อเสนอ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” จากผู้ต้องขังในเรือนจำ

2. เรียกร้อง ‘คณะรัฐมนตรีชุดใหม่’ ออกมาแถลงความคืบหน้าและความเป็นไปได้ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง

3. เรียกร้อง ‘ศาล’ ให้คืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดียังไม่สิ้นสุดเด็ดขาด และปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดีสิ้นสุดเด็ดขาดแล้ว