หนุ่มจันทบุรีต้องเดินทางไปรับทราบข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ ถึงพัทลุงเพิ่มอีก หลังตำรวจเคยแจ้งแต่ ม.112 ข้อหาเดียว

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 เวลา 13.00 น.“สินธุ” (นามสมมติ) พนักงานขายอุปกรณ์ไฟฟ้าจากจังหวัดจันทบุรีวัย 27 ปี พร้อมกับทนายความ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ที่ สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยตำรวจแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เพิ่มเติม จากที่เคยแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2566 สินธุได้เดินทางมาจากจันทบุรีไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.ตะโหมด มาแล้วครั้งหนึ่ง หลังได้รับหมายเรียกในคดีที่มี ทรงชัย เนียมหอม จากกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน เป็นผู้กล่าวหา โดยตำรวจแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 ข้อหาเดียว เหตุจากข้อกล่าวหาว่าได้ไปคอมเมนต์ท้ายโพสต์ในเพจ The MalaengtaD ซึ่งได้เผยแพร่ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 พร้อมสมเด็จพระบรมราชินี เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2565 พร้อมข้อความอักษรประกอบภาพ ระบุว่า “‘ในหลวง-พระราชินี’ ไม่เคยรับเงินเดือน หรือ ‘ทรงไม่รับเงินปี’ ที่รัฐบาลถวายองค์ละ 60 ล้านต่อปี เงินทั้งหมดคืนให้ประชาชนทุกบาททุกสตางค์”

ย้อนอ่าน หนุ่มจันทบุรีถูกแจ้งข้อหา ม.112 ไกลถึงพัทลุง หลังถูกสมาชิกกลุ่มพิทักษ์สถาบันฯ กล่าวหาเหตุคอมเมนต์ท้ายโพสต์

.

หลังจากนั้น ทางพนักงานสอบสวนในคดีได้สรุปสำนวนส่งให้กับคณะทำงานของภูธรจังหวัดพัทลุง แต่ทางคณะกรรมการของตำรวจได้มีคำสั่งให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา ทำให้พนักงานสอบสวนติดต่อเรียกให้สินธุเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง

ในการเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา สินธุต้องใช้เวลาถึงสองวันในการเดินทาง จากจันทบุรี นั่งรถเข้ามาต่อเครื่องบินที่กรุงเทพฯ มาลงที่หาดใหญ่ และเช่ารถจักรยานยนต์ขี่มายังอำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ซึ่งห่างจากหาดใหญ่ราว 65 กิโลเมตร ในเส้นทางที่ไม่รู้จักและไม่เคยไปมาก่อน ทั้งยังมีฝนตกมาตลอดทาง

“ครั้งที่แล้วที่มา ฝนก็ตก วันนี้ก็ตก” คำทักทายแรกจากพนักงานสอบสวน

ร.ต.อ.อาคม ปานจันทร์ ได้แจ้งข้อหาและสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งมีพนักงานสอบสวนอีกนายหนึ่งร่วมนั่งฟังอยู่ด้วย โดยมีการยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพผู้ต้องหา และทนายความระหว่างสอบสวนด้วย สินธุได้รับทราบข้อหา และยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยไม่ขอให้การใดๆ เพิ่มเติม ก่อนตำรวจให้เดินทางกลับไป

ก่อนหน้านี้ สินธุเคยเปิดเผยว่า เขายืนยันจะต่อสู้คดีที่เกิดขึ้น แต่การถูกดำเนินคดึไกลถึงพัทลุง ก็สร้างความกังวล เนื่องจากเขาทำงานเป็นลูกจ้าง และมีข้อจำกัดในการลางาน ไม่สามารถลาได้บ่อยๆ ไม่แน่ใจว่าอาจจะส่งผลกระทบถึงขั้นต้องออกจากงานหรือไม่ ทั้งการเดินทางไกล ยังมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ไป-กลับเที่ยวหนึ่งเกือบหนึ่งหมื่นบาท ทำให้กังวลเรื่องภาระในการต่อสู้คดีในส่วนนี้ด้วย

———————————

* บันทึกการสังเกตการณ์โดยทีมงาน “กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชนภาคใต้ (Law Long Beach)”

.

X