ศาลอาญานัดไต่สวนถอนการประกันตัวคดีม.112 “สายน้ำ-ออย” 8 มิ.ย. 2566 


2 มิ.ย. 2566 เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดา “สายน้ำ” นภสินธุ์ และ “ออย” สิทธิชัย สองนักกิจกรรมทางการเมืองวัย 18 และ 25 ปี เดินทางไปรายงานตัวตามนัดของศาลในคดีที่ทั้งสองถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากเหตุโพสต์ภาพชูสามนิ้วบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2566 

คดีนี้มี ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ สมาชิกของกลุ่ม ศปปส. เป็นผู้กล่าวหา ทั้งสองคนเข้าแสดงตัวกับตำรวจ สน.ดุสิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2566 หลังทราบว่ามีหมายจับ ก่อนถูกควบคุมตัวขอฝากขังในวันถัดมา และศาลให้ประกันตัว โดยกำหนดเงื่อนไข ห้ามมิให้ผู้ต้องหาทั้งสองกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และกิจกรรมหรือกระทำใดๆ ในอันที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และกำหนดให้มารายงานตัวในวันนี้

ในการรายงานตัววันนี้ พบว่า พ.ต.ท.พงศพัศ บัวรุ่ง พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวทั้งคู่ ทำให้ศาลจะดำเนินการไต่สวนคำร้องดังกล่าว แต่ทั้งคู่ไม่ได้มีทนายความมาด้วย จึงแถลงประสงค์ให้เลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน ก่อนมีการตกลงวันนัดไต่สวนใหม่เป็นวันที่ 8 มิ.ย. 2566 เวลา 10.00 น. โดยศาลกำชับให้ผู้ต้องหาทั้งสองมาตามนัด พร้อมกับทนายความ มิเช่นนั้นจะถือว่าสละสิทธิในการมีทนายความ

ต่อมาหลังการตรวจสอบคำร้องของพนักงานสอบสวน พบว่าคำร้องระบุถึง 3 การกระทำที่อ้างว่าผิดเงื่อนไขการขอประกันตัว ได้แก่ 

1. เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 สายน้ำ ผู้ต้องหาที่ 1 กับกลุ่มโมกข์หลวงริมน้ำ ไปจัดกิจกรรมที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเพื่อยื่นคําร้องขอให้ปล่อยตัว นางสาวธนลภย์ หรือน้องหยกฯ ผู้ต้องหา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เวลาประมาณ 15.56 น. นายนภสินธุ์ หรือสายน้ําฯ ได้นอนบริเวณป้ายศาลเยาวชนและ ครอบครัวกลาง ลักษณะใช้เท้ายกขึ้นใส่ป้ายศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และนําป้ายผ้าเขียนข้อความ “เยาวชนอายุ 15 อยู่ในคุกเพราะ 112” ไว้บริเวณที่ป้ายศาลเยาวชนและครอบครัวกลางดังกล่าว โดยการ กระทําดังกล่าวได้มีการประกาศเชิญชวน และส่งต่อภาพกิจกรรมทั้งหมดไปยังเพจเฟซบุ๊ก “ทะลุแก๊ส” 

2. เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. “สายน้ำ” นภสินธุ์ และ “ออย” สิทธิชัย ร่วมกับพวก ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ชักธงสีดํา ปรากฏข้อความต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคํา “112” โบกสะบัดวิ่งโดยรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง พร้อมกับถ่ายทอดทางสื่อโซเชียล อันเป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกระทําใน พื้นที่ใกล้ชิดกับพระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) ซึ่งไม่แตกต่างจากการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 112 กรณีชู 3 นิ้วในเขตพระราชฐาน (ลานพระบรมรูป ร.5) ในคดีที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งสถานีตํารวจนครบาลพระราชวังได้รับคําร้องทุกข์ไว้ดําเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง ในความผิดฐาน “ร่วมกัน จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรจากพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง หรือจากที่ซึ่ง พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป หรือผู้สําเร็จราชการแทน พระองค์ ประทับหรือพํานัก และไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งตามกฎหมายกําหนด” และความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก

3. เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้นัดหมายรวมตัว กันผ่านโซเชียลเฟซบุ๊ก ที่บริเวณสถานีตํารวจนครบาลสําราญราษฎร์ เวลาประมาณ 16.00 น. โดยจัด กิจกรรมชื่อว่า “ใครใคร่ด่า ด่า ใครใคร่สาด สาด #SAVE หยก” โดยมีผู้ต้องหาทั้งสองเป็นนแกนนํา พร้อมกับ พวกประมาณ 30 คน เดินทางมายังสถานีตํารวจนครบาลสําราญราษฎร์ 

นําสีทาบ้านแบบประป๋อง, เลือด, กระป๋องสเปรย์ เชิญชวนมวลชนที่มาร่วมชุมนุมสาดสีบริเวณบันไดทางขึ้นและโดยรอบสถานีตํารวจนครบาล สําราญราษฎร์, ปิดทางเข้า-ออก, พ่นสีสเปรย์ใส่เจ้าหน้าที่ตํารวจและตัวอาคารที่ทําการ, พ่นสีใส่ศาลพระภูมิ เจ้าที่และศาลเจ้าพ่อปู่ข่าว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของเจ้าหน้าที่ตํารวจและประชาชนโดยรอบ, จุดพลุควันปา ใส่เจ้าหน้าที่ตํารวจ, ตะโกนด่าทอ, ใช้กําลังทําลายทรัพย์สินของทางราชการ, ปากระป๋องสีและถุงเลือดใส่ เจ้าหน้าที่ โดย“ออย” สิทธิชัย ได้ปากระป๋องสีใส่เจ้าหน้าที่ตํารวจได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะแตกเป็นแผลฉกรรจ์ พยายามนํามวลชนบุกรุกขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของสถานีตํารวจนครบาลสําราญราษฎร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจ ตั้งแผงเหล็กกั้นเป็นเขตหวงห้าม 

เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงจับกุมตัว  “สายน้ำ” นภสินธุ์ และ “ออย” สิทธิชัย  กับพวกรวม 4 คน ในข้อหา “ร่วมกันทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อ สาธารณะประโยชน์, ร่วมกันบุกรุกโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปในอาคารสํานักงานในความครอบครองของ ผู้อื่นหรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิ์ที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก โดยใช้กําลัง ประทุษร้าย โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้า พนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่ง ทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย”

เหตุผลในการเดินทางมาที่สถานีตํารวจนครบาลสําราญราษฎร์ เนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งของพนักงานสอบสวน ซึ่งดําเนินคดีกับ นางสาวธนลภย์ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กระทั่งถูกนําตัวไปควบคุมที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

พฤติการณ์และการกระทําของผู้ต้องหาทั้งสองข้างต้น เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลให้ความเมตตาปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง หากแต่ผู้ต้องหาทั้งสอง ไม่สํานึกในโอกาสที่ตนได้รับ กลับท้าทายอํานาจศาลและกฎหมายบ้านเมือง โดย กลับไปกระทําความผิดซ้ำในลักษณะเดิม โดยผู้ต้องหาทั้งสอง เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไปก่อเหตุ อันตรายประการอื่น เป็นอุปสรรคและเกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 (2), (3), (5) ตามลําดับ จึงขอเรียนต่อศาล เพื่อโปรดพิจารณาคําร้องขอถอนประกันผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2

.

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

คุมตัวแจ้ง 112 – บุกรุก “สายน้ำ-ออย” 2 นักกิจกรรม กลางดึก หลัง ศปปส. แจ้งความ เหตุพบภาพชู 3 นิ้ว ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า 

X