แจ้ง ม.112 “ยาใจ” ทะลุฟ้า ตร.ขอนแก่นอ้างชู 3 นิ้ว ต่อหน้าพระเทพฯ วันรับปริญญา เจตนาสื่อว่า สถาบันกษัตริย์เป็นเผด็จการ   

19 พ.ค. 2566 เวลา 13.30 น. “ยาใจ” ทรงพล สนธิรักษ์ บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนักกิจกรรมกลุ่ม “ทะลุฟ้า” พร้อมเพื่อนกิจกรรมและทนายความ เดินทางไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) ตามที่ พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราช รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น ออกหมายเรียก 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 เพจ “ทะลุฟ้า” ได้โพสต์ข้อความและภาพ ระบุว่า “ยาใจ-ทะลุฟ้าแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ชูสามนิ้ว ระหว่างเข้าพิธีรับปริญญา ณ หอกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น”

ต่อมา วันที่ 21 เม.ย. 2566 ทรงพลได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งเขาคาดว่า น่าจะมีเหตุจากการแสดงออกของเขาในครั้งนั้น ทั้งนี้ หมายเรียกระบุว่า คดีนี้มี กมล กิจกสิวัฒน์ เป็นผู้กล่าวหา โดยมีข้อมูลว่า ในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 2566 กมลเป็นผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดขอนแก่น เขต 1 ของพรรคไทยภักดี ก่อนหน้านี้เป็นตัวแทนกลุ่มคนขอนแก่นปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งเคยเป็น ประธาน กปปส.ขอนแก่น ด้วย

ที่ห้องสอบสวน ชั้น 3 สภ.เมืองขอนแก่น คณะพนักงานสอบสวนตามคําสั่งตํารวจภูธรจังหวัดขอนแก่นที่ 127/2566 ได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาในคดีนี้ให้ทรงพลทราบ โดยมีทนายความและผู้ไว้วางใจอีก 2 คน เข้าร่วมรับฟัง ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ตำรวจให้นั่งรออยู่ชั้นล่าง ขณะแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งได้ใช้โทรศัพท์บันทึกวีดิโอไว้ด้วย

ทั้งนี้ พฤติการณ์ที่ตำรวจแจ้ง นอกจากการชู 3 นิ้วในพิธีรับปริญญาแล้ว ยังอ้างถึงการให้สัมภาษณ์ในเพจ “ทะลุมข” และ “The Isaan Record” รวมถึงการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มต่างๆ ในช่วงปี 63 และ 64 รายละเอียดโดยย่อของพฤติการณ์ในคดีมีดังนี้

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดําเนินแทนพระองค์มาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจําปี 2564 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นบัณฑิตคณะนิติศาสตร์ และผ่านการเข้าร่วมการซักซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรก่อนแล้ว ทราบดีว่า ต้องถวายความเคารพสักการะต่อองค์พระมหากษัตริย์หรือกรมสมเด็จพระเทพฯ ผู้แทนพระองค์ แต่ผู้ต้องหาไม่ได้ถวายความเคารพสักการะและปฏิบัติตามขั้นตอนการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรอย่างเคร่งครัด กลับแสดงพฤติกรรมที่ไม่บังควร ด้วยการยกมือซ้ายขึ้นแล้วชูสามนิ้ว ในระหว่างถอยหลังเพื่อถวายความเคารพหลังเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2565 ผู้ต้องหาได้ให้สัมภาษณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ทะลุ มข – Thalu kku” อันเป็นช่วงเวลาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันกับการแสดงออกในวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ดังกล่าว โดยมีเนื้อหาว่า “คือผมก็อยากส่งเสียงของประชาชนนั้นแหละครับ พอมีโอกาสผมก็อยากแสดงสัญลักษณ์ แสดงออกถึงข้อเรียกร้อง ที่ขบวนการประชาชนที่พวกเราได้เรียกร้องมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาทั้ง 3 ข้อเรียกร้องครับ ซึ่งการสื่อสารของผมในครั้งนี้ก็อยากยืนยันว่า การเคลื่อนไหวยังคงมีอยู่ตลอดนะครับ มันไม่ใช่ว่าเพิ่งมีการชู 3 นิ้วในครั้งนี้ มันมีการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2557 หลังจากที่ประยุทธ์ทําการรัฐประหาร มีการต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งครั้งนี้ผมก็อยากยืนยัน อยากตอกย้ำว่า “นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ นี่คือสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องนะครับ” แล้วก็อยากยืนยันว่า เราสามารถแสดงออกได้ทุกพื้นที่จริงๆ ครับ ซึ่งการแสดงออกในครั้งนี้ ผมก็หวังว่า คนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของประเทศหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้เห็นการ สื่อสารของเรา จะยอมรับหรือยอมฟังเสียงของประชาชน แล้วก็หวังว่า จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง…”

และต่อมา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 ผู้ต้องหาได้ให้สัมภาษณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ISAAN RECORD” อันเป็นช่วงเวลาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันกับการแสดงออกในวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ดังกล่าว โดยมีเนื้อหาว่า “ทุกบริบทเราจะเห็นสถาบันมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนคานอํานาจ และอํานาจหลัก หรือถ้าจะพูดง่ายๆ คือ เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นเจ้าของประเทศจริงๆ ก็เป็นวันที่เข้ารับปริญญา ก็จะรู้สึกเหมือนฟิวเป็นครั้งเดียวที่เราจะได้เห็นตัวแทนของสถาบันฯ ซึ่งเรารู้สึกถ้ามันมีโอกาสที่เราจะได้สื่อสาร เราก็อยากสื่อสารข้อเรียกร้อง หรือประเด็นปัญหาที่เราอยากให้เขาร่วมกันปรับหรือช่วยกันแก้ไข แล้วข้อเรียกร้องเหล่านั้น ที่เราได้ไปสื่อสาร ซึ่งเป็นการต่อสู้ของภาคประชาชนที่มีตั้งแต่ปี 2563…” 

ประกอบกับข้อเท็จจริงจากการสืบสวนยังพบว่าเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2563, 25 และ 30 ก.ค. 2564 และ 13 ส.ค. 2564 ผู้ต้องหายังเข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองและร่วมปราศรัยกับกลุ่มเครือข่ายองค์กรที่มีแนวคิดต่อต้านและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในช่วงใกล้เวลาที่ขบวนของรัชกาลที่ 10 จะเสด็จ, ใกล้วันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 10 และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ และหลังร่วมกิจกรรมผู้ต้องหาได้โพสต์ข้อความและภาพแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว บนเฟซบุ๊กส่วนตัว อีกทั้งผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจแจ้งข้อหาดําเนินคดีอาญาเกี่ยวกับการชุมนุมมั่วสุมจํานวนหลายคดี 

ด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ ถวายความคุ้มครองสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ใดจะล่วงละเมิด กล่าวหา ฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ซึ่ง บทบัญญัติดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี รัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังมีข้อเท็จจริงตามคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 28-29/2565 ดังนั้น การพิจารณาความผิดตาม มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ย่อมต้องพิจารณาร่วมกับมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญประกอบกับเจตนาของกฎหมาย 

การชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกในช่วงรัฐประหาร พ.ศ.2557 อันเป็นการสื่อและแสดงให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านอํานาจในโลกที่แบ่งการปกครองออกเป็นเขตและชนชั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์การขัดขืนต่ออํานาจส่วนกลาง การออกมาชุมนุมแสดงความคิดเห็นด้านการเมืองของผู้ชุมนุมต่างๆ ที่ต่างมีการ “ชู 3 นิ้ว” แสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยหวังว่าประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพื่อเป็นการส่งต่อความกระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมก้มหัวให้กับอํานาจของผู้ปกครอง ทั้งยังหมายถึงข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

จากพฤติการณ์การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 และการให้สัมภาษณ์ทั้งสองครั้ง รวมทั้งพฤติการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งก่อนของผู้ต้องหา มีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนาเล็งเห็นผลและประสงค์ต่อผลเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีการปกครองแบบเผด็จการ แบ่งชนชั้น มุ่งหวังโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้รับความเสื่อมเสีย และมีเจตนาทําให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดในองค์พระมหากษัตริย์ ถือว่าเป็นการแสดงพฤติกรรมที่เป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง ล่วงเกิน สถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์ อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 6 และประมวลกฎหมายอาญาในหมวดความมั่นคง มาตรา 112 

จากนั้น คณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทําดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร” 

ทรงพลให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า เขาได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งจริง แต่การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นความผิดใน 2 ข้อหา ตามที่ถูกกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นเอกสารภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2566 ภายหลังสแกนลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พนักงานสอบสวนก็ปล่อยทรงพลกลับ ไม่ได้มีการควบคุมตัวไว้ 

ทรงพล บัณฑิตหมาดๆ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมตัวสอบใบอนุญาตเป็นทนายความ ก่อนหน้าถูกดำเนินคดีในคดีนี้ เขาให้สัมภาษณ์ The Isaan Record ถึงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ครั้งนั้น ซึ่งตำรวจก็นำเอาเนื้อหาการให้สัมภาษณ์มาเป็นส่วนหนึ่งของพฤติการณ์คดี “เท่าที่เขาดูเขาก็พยายามให้เราผิด ถูกดําเนินคดี ถ้าพูดถึง 112 มันก็ไม่เข้าข่าย พอเราเรียนกฎหมาย เราก็รู้สึกว่า เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทําไม่ผิดกฎหมายแน่นอน หลักๆ ของผม อยากให้เห็นความเท่าเทียมของคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ต้องมีการปรับและปฏิรูป…” 

.

X