Missing Votes: ‘ชัยพร’ ยังคาใจคำพิพากษา ชี้นักโทษทุกคนควรได้เลือกตั้ง เพราะวันหนึ่งก็จะพ้นโทษ

เมื่อวันที่ 1 และ 2 พ.ค. 2566 ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม “มาย” ชัยพร (สงวนนามสกุล) นักกิจกรรมกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วัย 23 ปี ซึ่งถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีครอบครองวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) ซึ่งถูกพบก่อนมีการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา64 โดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2566 ภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี เพราะให้การรับสารภาพ

มายเปิดเผยว่าตัวเองค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีนี้ กังวลที่ต้องทนอยู่กับคำพิพากษาจำคุก 3 ปี ของศาลชั้นต้น เขาอยากรู้แล้วว่าหากยื่นอุทธรณ์ไปศาลจะลดโทษให้บ้างหรือไม่ ความกังวลหลายอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ทำให้หลายครั้งเขาต้องหาวิธีสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ 

“บางทีก็คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน บางทีก็อยากร้องไห้ แต่ก็ยังอดทนเสมอ อยากสู้ให้ได้ …”

“ตอนที่พยานโจทก์คนสุดท้ายจะขึ้นเบิกความ มันรู้สึกกดดัน อยู่ในช่วงเวลานั้นตัดสินใจลำบากมาก บวกกับขึ้นศาลครั้งแรก ตัวเลือกมันไม่เยอะ อาจจะดีที่รับสารภาพ หรือไม่ดีก็ไม่รู้ แต่สู้ไปก็ไม่รู้จะเป็นยังไง


“คนอื่นที่โดนคดีระเบิด (ครอบครองวัตถุระเบิด) คล้ายกัน ถูกตัดสินจำคุกแค่ 1 ปี 6 เดือน แต่ผมกับธี (ถิรนัย) ถูกฟ้องว่าครอบครองระเบิดปิงปองรวมทั้งหมด 10 ลูก ทำไมศาลลงโทษจำคุกตั้ง 6 ปี 

“อย่างอีกคดีที่ผมรู้จัก เขาโดนข้อหามีปืน (มีอาวุธปืนโดยไม่ได้ขออนุญาตฯ) รับสารภาพก็ถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือนเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เขามีใบแดง (เคยกระทำความผิดมาก่อน) นับรวมกับโทษเก่าของอีกศาลแล้ว ก็ยังถูกตัดสินจำคุกไม่เกิน 2 ปีเลย เทียบกับของพวกผมแล้วมันเกินไปรึป่าว

“ในชั้นศาลผมตัดสินใจรับสารภาพไป เพราะมองว่าของกลางที่ถูกกล่าวหาเป็นแค่ ‘ประทัด’ ศาลคงสั่งลงโทษไม่หนักหนามาก แต่สุดท้ายศาลกลับสั่งจำคุกตั้ง 6 ปี หนำซ้ำยังไม่รอลงอาญาด้วย ที่ผ่านมาผมไปรายงานตัวตามที่ศาลนัดตลอด ไม่เคยคิดจะหลบหนี เวลาพี่ชาย เพื่อนๆ หรือครอบครัวมาเยี่ยม พวกเขาก็ยังสงสัยกันเลยว่า ‘รับสารภาพแล้วทำไมศาลยังลงโทษหนักขนาดนี้ …’

“ผมนั่งคิดเสมอว่า เราทำอะไรผิด เราออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยากให้บ้านเมืองดีขึ้น ถ้าเราชนะเราได้ประโยชน์กันทุกคน แล้วทำไมมาจับผมเข้าคุกอย่างนี้ 

“‘ประทัด’ กับ ‘ระเบิด’ แยกด้วยสายตาได้ ให้เด็กแยกเด็กยังแยกได้เลย ประทัดพวกนี้ตามต่างจังหวัดเขาไว้จุดไล่นกตามทุ่งนา แล้วแบบนี้จะไม่โดนจับบ้างเหรอ”


Q: วันที่ 14 พ.ค.66 นี้ คุณอาจจะไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะถูกคุมขัง รู้สึกอย่างไรบ้าง 

A: ผมมองว่ามัน ‘ไม่ใช่’ ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนคนไทยควรได้ใช้สิทธิของตัวเองทุกคน รวมถึงทุกคนในเรือนจำด้วย เพราะในวันหนึ่งทุกคนก็ต้องออกไปใช้ชีวิตกันข้างนอก

Q: หากมีโอกาสได้พูดคุยกับว่าที่ “ผู้นำประเทศ” (แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี) 1 คน คุณอยากจะพูดหรือถามคำถามอะไร

A: ไม่ว่าจะเป็นใคร จากพรรคไหน แค่ทำในสิ่งที่ดีก็พอ จะต้องพยายามทำตามที่พูดไว้ให้ได้ ผมสงสารคนจน ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นนายกฯ ก็อยากให้ดูแลประเทศนี้ให้ได้จริงๆ

Q: “ผู้นำในดวงใจ” ของคุณต้องมีลักษณะพิเศษโดดเด่นอย่างไร 

A:  1. ทำให้ได้อย่างที่พูด อย่าลืมที่ตัวเองพูดไว้

      2. ไม่หลงระเริงในอำนาจ

      3. เห็นหัวประชาชน เพราะทุกเสียงมาจากประชาชน

Q: เสนอนโยบายของตัวเองให้พรรคการเมืองนำไปพิจารณาและผลักดันให้เกิดขึ้นจริงโดยเร็วที่สุด

A: ต้องแก้ปัญหาเรื่อง ‘พ่อค้าคนกลาง’ เช่นเรื่องข้าว ทุกวันนี้เราซื้อข้าวแพง แต่ชาวนาจน ขายข้าวได้ราคาถูกมาก มันไม่ยุติธรรม ข้าวเปลือกขายได้แค่กิโลละ 5 บาท ยังซื้อมาม่าไม่ได้เลยสักซอง

Q: ในมุมมองของคุณ “ปัญหาสำคัญใด” ในสังคมควรได้รับการแก้ไขมากที่สุด หากมีการจัดการตั้งรัฐบาลขึ้นในเร็ววันนี้

A: ความเหลื่อมล้ำในสังคม มันมีทุกที่ในทุกอย่าง ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ เป็นปัญหาหลัก และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เหตุในคดีนี้: ม็อบ29สิงหา วันที่ คฝ. สลายชุมนุม “เยาวชนทะลุแก๊ส” โดยไม่มีอำนาจ แต่จับ 37 ราย ดำเนินคดี 29 ราย เป็นเยาวชน 13 ราย

X