ฝันที่ไม่กล้าฝัน – ภาพฝันในวันที่การเมืองดี ของ 13 ผู้ต้องขังคดีชุมนุมดินแดง

ขณะนี้มีผู้ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดี จากการชุมนุมที่ดินแดง อย่างน้อย 13 คน ซึ่งแบ่งเป็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นทะลุแก๊ส 11 คน ได้แก่ ‘คิม’ ธีรวิทย์, หนึ่ง เหตุสกุล, ‘ดิว’ สมชาย, ‘หิน’ อัครพล, ‘เก่ง’ พลพล, ‘ต้อม’ จตุพล, ‘แบงค์’ ณัฐพล, ‘หยก’ วรวุฒิ, ‘ใหญ่’ พิชัย และ ‘อาร์ม’ วัชรพล และผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ไม่มีกลุ่มสังกัดใดๆ 2 คน ได้แก่ “โอม” ใบบุญ และ “ภูมิ” ศศลักษณ์ ทั้ง 13 คนถูกคุมขังมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน จนถึงตอนนี้นับเป็นเวลานานเกือบ 3 เดือนแล้ว

ตั้งแต่กลางปีที่แล้วที่การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สถือกำเนิดและปะทุขึ้นที่บริเวณดินแดง จนถึงปัจจุบันเรามีโอกาสได้พบเจอสมาชิกทะลุแก๊สมากหน้าหลายตา ในหลายครั้งด้วยกัน หนึ่งในคำถามสุดคลาสสิคที่เรามักชวนพวกเขาสนทนาด้วยก็คือ “โตขึ้นอยากเป็นอะไร”

หากเป็นคนอายุใกล้เคียงกัน คงจะตอบกลับด้วยชุดคำตอบสุดคลาสสิคมาเช่นกันว่า

อยากเป็นตำรวจ
อยากเป็นพยาบาล
อยากเป็นนักร้อง
อยากเป็นนักบิน

แต่ผู้ที่เรียกตัวเองว่า ‘ทะลุแก๊ส’ แทบจะทุกคน หรือเกือบทุกคนที่เราเคยตั้งคำถามไป มักตอบกลับด้วยคำตอบที่เกิดขึ้นไปแล้ว หรือจะเกิดขึ้นแน่ๆ อยู่แล้ว

“อยากเป็นช่างไม้” (ทั้งที่ทำงานเป็นช่างไม้อยู่แล้ว)
“จะไปเกณฑ์ทหาร ถ้าปลดออกมาก็แต่งงาน มีลูก” (เป็นชายไทยต้องเกณฑ์ทหารอยู่แล้ว)
“คิดไม่ออก …, ไม่เคยฝันเลยว่าอยากเป็นอะไร” (ดูเหมือนคำตอบนี้จะน่าเศร้าใจที่สุด)

หากได้ยินคำตอบลักษณะนี้ เราจะถามใหม่อีกครั้ง พร้อมกับเพิ่มคีย์เวิร์ดเข้าไปว่า “ตอบโดยไม่ต้องอ้างอิงจากความเป็นจริงก็ได้นะ, สมมติว่าเรามีต้นทุนชีวิตที่ดีมากๆ ฯลฯ”

อย่างไรก็ตามทะลุแก๊สส่วนใหญ่ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมก่อนหน้านั้น น่าแปลกจริงที่แทบทุกคนตอบเรื่อง ‘ความฝัน’ อย่างถ่อมตัว ไม่ก้าวออกไปเกินกว่าโลกความเป็นจริงสักเท่าไหร่ และนั่นทำให้เรารู้สึกหดหู่ไปด้วยพร้อมกัน

ต้นทุนชีวิตที่ดีย่อมส่งเสริมให้เรากล้าคิด กล้าฝัน กล้าออกแบบชีวิตตามใจปรารถนา
กลับกันต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดก็เป็นเสมือนแรงเหนี่ยวรั้ง ที่ฉุดดึงให้เราไม่กล้ามีชีวิตที่ดีกว่าความจริงที่เป็นอยู่

ในครั้งนี้เราจึงชวน 13 ผู้ต้องขังทะลุแก๊สสนทนาถึงเรื่องความฝันด้วยชุดคำถามใหม่ว่า “ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?” เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แม้ทุกคนจะมีต้นทุนชีวิตมาก-น้อยต่างกันออกไป แต่รัฐมีหน้าที่ยื่นมือช่วยเติมเต็มโอกาสและมอบสิทธิขั้นพื้นฐานให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สรรสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับพลเมืองทุกคน และเมื่อวันนั้นมาถึงเชื่อว่าทุกคนจะกล้าฝันภายใต้เงื่อนไขชีวิตที่ไกลออกไป

หมายเหตุ: ขณะเผยแพร่เนื้อหานี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 มีผู้ต้องขังอันเนื่องมาจากคดีชุมนุมบริเวณดินแดงจำนวน 13 คน แต่ภายหลังได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว 1 คน คือ ‘ร็อก’ ธนรัตน์ โดยถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากอัยการไม่มีคำสั่งฟ้องในผัด ทำให้ปัจจุบันเหลือผู้ต้องขังคดีชุมนุมดินแดง อย่างน้อย 12 คนเท่านั้น

ดิว สมชาย – ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่านี้ อยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัดอย่างสุขใจ

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร?

A – ดิวบอกว่า เขาไม่ได้มีความฝันอะไรหวือหวาเป็นพิเศษเลย มีแค่เป้าหมายธรรมดาว่า อยากอยู่อย่างมีความสุขกับครอบครัว อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้

“ถ้าสังคมดีกว่านี้ ผมอยากพาแฟนไปอยู่ต่างจังหวัด น่าจะเป็นจังหวัดเชียงราย เพราะแฟนเป็นคนเชียงของ บ้านอยู่ติดแม่น้ำโขงเลย แต่เขาพูดภาษาเหนือไม่ได้นะ” ดิวยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ

Q – สิ่งที่ได้ลงมือทำหรือตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองที่รู้สึกภูมิใจที่สุดในชีวิต

A – “เรื่องที่ผมคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด คือ ‘การออกมาชุมนุม’” ขณะพูดขึ้นเขาก็มีน้ำตาไหลพรากออกมาด้วย

“ถ้ามันมีความยุติธรรมเราคงไม่ออกมา ถ้าสังคมดีขึ้น เราคงได้ใช้ชีวิตกับแฟนที่ริมแม่น้ำโขงแล้ว ฝากความคิดถึงเพื่อนกับแฟนด้วย ตอนออกศาลยังกอดใครไม่ได้เลย” พูดเสร็จดิวก็ดึงเอาหน้ากากอนามัยที่ใส่อยู่ขึ้นมาเช็ดน้ำตา แล้วรีบพูดตัดบททันที

“พี่คุยกับพี่คิมเลย” ดิวพูดก่อนวางหูไป

คิม ธีรวิทย์ – ฝันถึงประเทศที่เจริญ คนรุ่นใหม่เกิดมาเจอสิ่งดีๆ กว่าที่เป็นอยู่

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร?

A – ถ้าพูดถึงความฝันตอนนี้ มันพูดยาก เพราะในคุกเราทำอะไรไม่ได้เลย คิมอยากออกไปทำสิ่งที่อยากทำข้างนอกมากกว่า หากสังคมมันดีกว่านี้ คิมไม่ได้มีความฝันอะไรไปมากกว่าการที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้สังคมดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก ในแบบที่เขาพอจะทำได้ คิมอยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า อยากให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาได้เจอกับอะไรดีๆ กว่าที่เป็นอยู่

Q – สิ่งที่ได้ลงมือทำหรือตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองที่รู้สึกภูมิใจที่สุดในชีวิต

A – ตอนอยู่ข้างนอก คิมมักจะไปแจกข้าว แจกน้ำให้กับคนไร้บ้าน ช่วยอุดหนุนสินค้าที่คนในม็อบทำมาขาย หากมีมากก็จะเอามาแบ่งให้น้องๆ ได้กินได้ใช้ด้วยกันเสมอ

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา คิมเชื่อว่าได้ทำในสิ่งที่ประชาชนคนหนึ่งสามารถทำได้ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้ว คิมบอกว่ารู้สึกภูมิใจกับทุกการตัดสินใจที่ได้ทำลงไป บางทีความคิดหรือสิ่งที่เขาทำอาจจะไม่ถูกใจใครบ้าง แต่ทางออกของปัญหาคือควรจะมาพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่าส่งคนเห็นต่างมาขังไว้แบบนี้

“หากเปิดใจมองให้กว้างกว่านี้ จะรู้ว่าพวกเรามีความหวังดี และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมดีขึ้นเหมือนกัน”

หนึ่ง เกตุสกุล – ฝันว่า ‘อยากเป็นคนดี มีงานทำ ได้ดูแลครอบครัว’

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – หนึ่งยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า “ผมไม่ได้ฝันอะไรเลย นอกจากอยากเป็นคนดี ถ้าเศรษฐกิจดี ผมก็อยากออกไปหางานทำ จะได้ดูแลครอบครัว ได้ส่งเงินไปให้แม่ และได้ช่วยดูแลหลาน”

“ปกติถ้ามีงานเพื่อสังคม ผมก็จะไปช่วยทุกครั้ง”

หิน อัครพล – ฝันอยากเป็น ‘พ่อค้าขายเสื้อผ้า – ดีไซเนอร์’ ปั้นแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองรายในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – หินมีความฝันว่า ‘อยากเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้า’ เพราะเห็นว่าการค้าขายสามารถทำเงินได้ทุกวัน ถ้าได้อยู่ในสังคมที่ดีกว่านี้ก็ยังอยากจะขายเสื้อผ้าอยู่ อยากทำแบรนด์เป็นของตัวเอง อยากเป็นดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าที่จะขายเองด้วย ถ้าฝันเป็นจริงหินบอกว่า จะขายเสื้อผ้าในราคาย่อมเยา เพราะตอนนี้ทุกอย่างแพงไปหมด

หากถูกปล่อยตัวในคดีนี้ หินอยากออกไปบอกเล่าประสบการณ์จากการเข้าร่วมชุมนุมและการถูกคุมขังในเรือนจำ คิดว่าการถอดบทเรียนจากประสบการณ์จริงของหินน่าจะเป็นประโยชน์การเคลื่อนไหวของผู้คนในอนาคต

เก่ง พลพล – ฝันอยากเป็น ‘ช่างแต่งรถ’ และ ‘เสาหลักของครอบครัว’

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – ความฝันผมเหรอ, ผมอยากเป็น ‘ช่างแต่งรถมอเตอร์ไซต์’ ผมชอบรถมอเตอร์ไซต์ ตอนอยู่ข้างนอกผมก็ทำรถเองนะ รถของผม ผมแต่งเองกับมือยกคันเลย เวลาไปร้านแต่งรถ ผมก็จะพยายามเรียนรู้จากพี่ๆ ช่าง แล้วก็พยายามหาความรู้เองผ่านอินเตอร์เน็ทด้วยครับ

ถ้าโตขึ้น แล้วมีเงินเก็บเยอะๆ ก็อยากจะเปิด ‘ร้านซ่อมรถ’ แต่งรถในแบบที่ตัวเองชอบ รถที่ผมถนัดจะเป็นพวก Honda Wave ทั่วไปนี่แหละครับ ตอนนี้ก็พยายามศึกษารถหลายๆ รุ่น หลายๆ แบบอยู่ แต่ตอนนี้ชอบ Honda Wave ที่สุด เพราะใกล้ตัวที่สุดแล้ว ราคามันก็ไม่ได้แพงมาก ผมจะค่อยๆ สะสมความรู้ ประสบการณ์ ค่อยๆ ทำความฝันให้เข้าใกล้ความเป็นจริงไปเรื่อยๆ ครับ

ความฝันอีกอย่างก็คือ ‘อยากเป็นเสาหลักให้ครอบครัว’ ผมอยากเลี้ยงดูพ่อ (คุณตา) ไม่อยากให้พ่อต้องลำบาก อยากพาพ่อไปเที่ยว อยากให้ครอบครัวผมมีความสุข ถ้าครอบครัวมีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว แค่ได้อยู่กับครอบครัว มีกินมีใช้ ไม่ลำบาก ผมก็คงมีความสุขมากๆ แล้ว

มีช่วงหนึ่ง ผมได้ทำงานออแกไนซ์ แล้วมีเงินให้พ่อเดือนละ 2,000-3,000 บาท มีเงินผ่อนรถเองเดือนละ 4,000 บาท ผมก็รู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ เลยครับ เรามีเงินให้พ่อใช้ ถึงมันจะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สำหรับผม ผมภูมิใจมากๆ เลย

ตอนนั้นได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000 บาท ผมไม่รู้ไงว่าควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี สำหรับผมตอนนั้นก็เป็นเงินที่เยอะแล้วนะ แต่พอมาย้อนคิดดู ถึงรู้ว่ามันเป็นค่าแรงที่น้อยมาก เพราะงานที่ทำไม่มีวันหยุดเลย จนผมต้องโกหกที่ทำงานว่า มีเรียนวันอาทิตย์ เพื่อที่จะหาวันหยุดให้ตัวเอง ทำอยู่ประมาณ 4-5 เดือนได้ ถึงตัดสินใจลาออก เพราะช่วงนั้นมีม็อบพอดี ผมไปม็อบบ่อย บวกกับงานไม่มีวันหยุดเลย

ต้อม จตุพล – ฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ‘นำเข้ารถสปอร์ตหรู’

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – ผมอยากเปิด ‘อู่รถ’ ผมชอบรถ ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์เลย อยากเปิดอู่ทำรถเอง ให้เป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ถ้าได้ออกไปคราวนี้ ผมตั้งใจจะทำงานเก็บเงินเอาไว้มาเปิดอู่รถให้ได้ จะได้มีเงินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้อง เลี้ยงยาย ยายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปหาผักมาขายอีกแล้ว

เอาจริงๆ ผมอยากเป็นเจ้าของร้านนำเข้ารถสปอร์ตสวยๆ ผมชอบรถ อยากอยู่กับรถสวยๆ ทุกวันเลย ผมหวังว่าถ้าบ้านเมืองมันดีกว่านี้ ผมคงมีโอกาสได้ทำอย่างที่ผมฝัน

ภูมิ ศศลักษณ์ – ฝันอยากเป็น ‘ตำรวจที่ดี’ เป็นที่พึ่งที่แท้จริงของประชาชน

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – ก็มีนะครับ, เมื่อก่อนผมอยากเป็นตำรวจมาก แต่พอโดนคดีการเมืองก็ไม่อยากเป็นแล้ว ตำรวจอยู่ในฐานะผู้ใช้กฎหมาย แต่ทุกวันนี้ตำรวจไม่ได้ใช้กฎหมายจริงๆ เลย เหมือนพวกเขาแค่ทำตามใบสั่งที่ได้รับมาไปวันๆ แบบที่ทำกับพวกผม

เราทุกคนต่างก็รู้ว่าตอนนี้ตำรวจเป็นยังไง แต่ผมก็ยังเชื่อว่าตัวเองสามารถเป็นตำรวจที่ดีได้ แต่พอมาเจออย่างนี้ผมหมดศรัทธาจริงๆ มุมมองต่ออาชีพตำรวจมันติดลบไปแล้ว ตอนนี้แค่อยากเป็นทำงานอาสา ทำงานช่วยเหลือสังคม รู้สึกว่างานอาสาที่ภูมิทำอยู่มันได้ช่วยสังคมจริงๆ

ถ้าสังคมมันดี ตำรวจได้ทำหน้าที่ของตำรวจ ไม่มีระบบนายสั่งอย่างทุกวันนี้ ผมก็ยังอยากที่จะเป็นตำรวจอยู่นะ ผมจะเป็นตำรวจที่ได้ทำงานเพื่อสังคม ช่วยเหลือสังคม ใช้กฎหมายตามหน้าที่ ไม่ใช่ใช้กฎหมายตามคำสั่งของใคร ไม่ใช่ตำรวจที่ทำร้ายประชาชน

“ผมอยากเป็นตำรวจที่ดี อยากเป็นตำรวจที่เป็นที่พึ่งของประชาชนจริงๆ”

โอม ใบบุญ – ฝันเคยอยากเป็นทหาร แต่ตอนนี้ขอเป็นแค่ “คนดี” ของสังคม และได้เลี้ยงดูครอบครัว

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – ‘เอาจริงๆ ผมไม่มีความฝัน’, ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ผมเคยอยากเป็น ‘ทหาร’ นะ พ่อกับแม่ (ตาและยาย) อยากให้ผมเป็นทหาร เขาอยากให้ผมมีอาชีพที่มั่นคง ได้รับรัฐสวัสดิการ ทหารเป็นอาชีพที่ไม่ลำบากในสายตาของพวกเขา อาชีพข้าราชการเป็นงานที่มั่นคงที่สุดสำหรับครอบครัวผม ผมก็เลยฝังใจว่าอยากเป็นทหาร เพราะอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่พอโตมาก็ไม่อยากเป็นแล้ว เพราะผมได้เห็นอะไรหลายอย่าง อย่างที่ทุกคนก็เห็นกัน

ตอนนี้ สำหรับผมคิดอยู่แค่ว่า ‘อยากเป็นคนดีของสังคม แต่ตอนนี้ติดคุกอยู่’ ตลกมั้ยล่ะพี่

ผมไม่ได้จะพูดให้ตัวเองดูหล่อ ดูเท่อะไรหรอกนะ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ ผมขอเป็นอะไรก็ได้ แค่เป็นคนดีคนหนึ่งของสังคมก็พอ ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ได้เลี้ยงดูครอบครัว ดูแลให้พวกเขามีความสุขที่สุดเหมือนที่เขาเลี้ยงดูผมมาตลอด แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วนะ

‘อาร์ม’ วัชรพล – ฝันอยากเป็นแข้งทีมชาติ เหมือน ‘เมสซี่ เจ’

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A- เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความฝันอะไรเลยนะ, แค่อยากมีเงิน อยากรวย อย่างที่รู้กันว่าประเทศเรา เจ็บจ่ายจบ ถ้ามีเงินไว้เยอะๆ ก็สบายใจแล้วล่ะ 

เมื่อก่อนผมฝันว่า อยากเป็น ‘นักฟุตบอลทีมชาติ’ แบบเมสซี่ เจ (เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์) แต่ช่วงเรียนอยู่ ม.ต้น ครอบครัวเราเป็นหนี้อยู่เยอะ มีภาระต้องรับผิดชอบเยอะ พอเรียนจบ ม.3 ผมก็เลยต้องเลือกเรียนสายอาชีพแทน พอไปเรียนสายอาชีพแล้ว การแข่งเตะบอลมันก็จะมีน้อยกว่าตอนเรียนสายสามัญ ผมเลยแทบไม่ได้เล่นบอลเลย

ตอนเรียน ม.ต้น นะ ทีมผมได้ไปเป็นตัวแทนเขตไปแข่งฟุตบอลตลอดนะ ได้แชมป์กลับมาก็เยอะ ตอนนั้นผมเตะบอลจริงจังมากๆ ตอนนี้ผมก็ยังเตะนะ ในเรือนจำผมก็เตะตลอด ถ้าพ่อแม่ไม่มีหนี้หรือมีเงิน ไม่ลำบากแบบนี้ ผมก็คงเตะฟุตบอลจริงจังเหมือนเดิม ตอนจบ ม.3 ตอนนั้นผมอาจจะไปเรียนต่อโรงเรียนกีฬาก็ได้ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็คงอยากพยายามทำความเป็นนักฟุตบอลทีมชาติให้เป็นจริงนี่แหละ  

ถ้าถามถึงความฝันที่เรียบง่าย ผมแค่อยากดูแลพ่อแม่ให้สุขสบายเหมือนคนทั่วไป ได้ทำงานอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย หาเงินให้ได้เยอะๆ เลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงดูพ่อแม่ ใช้หนี้ให้พ่อแม่ให้หมด พาพ่อแม่ไปเที่ยว แค่ได้อยู่กับครอบครัว ครอบครัวมีความสุข แค่นี้ผมก็มีความสุขมากๆ แล้วครับ 

‘ใหญ่’ พิชัย – อยากเป็น CEO บริษัทนำเข้ากระเป๋า-เสื้อผ้า

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – ความฝันผมเหรอ, ผมอยากเป็นผู้บริหารบริษัท อยากได้ใส่สูท ผูกไทด์ ถือกระเป๋าสวยๆ ผมอยากเปิดบริษัทนำเข้ากระเป๋า เสื้อผ้าสวยๆ ผมชอบอะไรพวกนี้ คิดว่าถ้ามีบริษัทเป็นของตัวเองคงจะดี เห็นคนที่เป็นผู้บริหาร เจ้าของบริษัท เจ้าของธุรกิจ เขาดูไม่ลำบาก ดูแล้วมันน่าจะดีนะ

แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้สิครับ มันตันไปหมด มันไปไม่ถูก ผมทำได้แค่ ‘หาเลี้ยงตัวเองไปวันๆ’ 

‘แบงค์’ ณัฐพล – อยากเป็นพ่อครัว เปิดร้านอาหารของตัวเอง

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – ความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กเลยก็คือ ผมอยากเป็น ‘พ่อครัว’ ผมเป็นคนที่ชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ขนาดตอนนี้ (ในเรือนจำ) ผมก็ยังเป็นพ่อครัวให้เพื่อนๆ นะ เข้าครัว ‘ผัดมาม่า’ ทุกวัน ผัดตามมีตามเกิดเลย (หัวเราะ) ใส่ไข่ ปลากระป๋อง ผักก็เด็ดจากแปลงในเรือนจำนี่แหละ

ตอนเด็กๆ ผมเห็นแม่ทำกับข้าว ผมก็จะคอยช่วยแม่ตลอด เวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่ ผมก็จะทำกับข้าวกินเอง แฟนผมชอบให้ทำ ‘ข้าวผัด’ ให้กิน เป็นเมนูง่ายๆ เขาบอกว่าผมผัดได้พอดี รสชาติกลมกล่อม แค่บีบมะนาวเพิ่มนิดหน่อยก็อร่อยสุดๆ แล้ว 

เมนูโปรดที่ผมชอบทำ คือ ‘ข้าวผัดพริกเผา’ ที่บ้านมีพริกเผา หอมใหญ่ ผักชี ติดบ้านไว้ตลอด แล้วก็เมนู ‘หมูย่าง-เนื้อย่างจิ้มแจ่ว’ ผมหมักตามสูตรที่บ้าน จะใช้น้ำตาลปี๊ปแทนน้ำตาลทราย ไว้ผมออกไปได้พี่ทนายมาบ้านผมสิ เดี๋ยวผมทำให้กิน!

จริงๆ แล้วผมฝัน ‘อยากเปิดร้านอาหาร’ ด้วย จริงๆ ตอนนี้ก็เปิดร้านอาหารตามสั่งกับแฟนแล้วนะ แต่ถ้าผมมีเงิน ไม่ต้องดิ้นรนอะไรแล้ว ก็อยากมาทำอาหารกับแฟน คือตอนนี้ผมเป็นไรเดอร์ขับรถส่งอาหารทั้งวัน ตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลย ส่วนแฟนผมก็ทำกับข้าวขายอยู่ที่บ้าน

จะว่าไปความฝันของผมก็สำเร็จมาครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ! แต่ก็อยากจะทำให้ดีได้มากกว่านี้ อยากเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลแฟนให้ดีที่สุด ตลอดเวลาที่คบกันมา 5 ปี ผมก็ทำได้แล้ว แต่อยากทำให้ดีขึ้นไปอีกในทุกๆ วัน

‘หยก’ วรวุฒิ – ฝันอยากเป็น ‘ทหารคอมมิวนิสต์’ เหมือนปู่ชาวม้ง

Q – ในวันที่การเมืองดี ฝันว่าอยากเป็นหรืออยากทำอะไร ?

A – “ผมพูดได้จริงๆ เหรอ” หยกพูด เมื่อเราชวนเขาสนทนาถึงเรื่อง ‘ความฝัน’

หยกเล่าว่า เขาฝันที่อยากจะเป็น ‘ทหารคอมมิวนิสต์’ เหมือนปู่ ปู่ของหยกเป็นชาวชาติพันธุ์ม้งและเป็นอดีตทหารคอมมิวนิตส์ต่อสู้กับรัฐไทยเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้า 

ตอนผมเป็นเด็ก ปู่มักจะเล่าเรื่องที่คอยช่วยเหลือชาวบ้านบนดอย จากการคุกคามของรัฐไทยให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ปู่เล่าให้ฟังถึงความโหดเหี้ยมของรัฐไทยและนายทุนที่พยายามไล่ที่ชาวม้ง ผมซึมซับมันมาตลอดถึงความโหดร้ายที่ชาวบ้านต้องเจอ 

ปู่เคยเล่าว่า เคยเห็นทหารไทยจับเด็กบนดอยโยนทิ้งลงแม่น้ำเป็นร้อยๆ คนเลยนะ เพียงเพราะจะไล่ที่ชาวบ้าน ปู่และเพื่อนๆ เป็นคนที่คอยช่วยเหลือ คอยปกป้องชาวบ้านจากการรุกรานของทหารไทย ผมซึมซับมันมาตลอด ‘ปู่เป็นไอดอลผมเลย’ ปู่บอกว่าปู่ทนไม่ได้ที่เห็นคนอ่อนแอถูกรังแก ปู่รับไม่ได้กับการกระทำของรัฐไทยต่อชาวม้ง  

ผมบอกได้แค่ว่าผมอยากเป็นเหมือนปู่ อยากช่วยเหลือคน ผมอยากเป็นทหารที่ปกป้องประชาชนจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่ทหารไทยเป็นทุกวันนี้นะ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

รายชื่อผู้ต้องขังทางการเมืองตั้งแต่มีนาคม 2565

X