เมื่อวันที่ 26 และ 27 ก.ค. 2565 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม 8 ผู้ต้องขังทะลุแก๊สที่ถูกคุมขังระหว่างชั้นสอบสวนในคดีอันเนื่องมาจากการชุมนุมที่ดินแดง ได้แก่ “หิน” อัครพล, “ดิว” สมชาย, “หนึ่ง” เกตุสกุล, “คิม” ธีรวิทย์, “แบงค์” ณัฐพล, “บอล” พุฒิพงศ์, “ร็อค” ธนรัตน์ และ “หยก” วรวุฒิ
โดยภาพรวมผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊สทุกคนมีอาการเครียดจากการถูกคุมขังน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายคนปรับตัวกับสภาพเรือนจำได้แล้ว และเกือบทุกรายได้ถูกให้ไปทำงานในกองงานต่างๆ จึงลดความฟุ้งซ่านได้ดีกว่าการถูกคุมขังอยู่ในห้องขังตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อครั้งที่ต้องถูกกักตัวโควิดในช่วงแรกที่ถูกคุมขัง
กระนั้นบางคนยังคงประสบปัญหาอาการหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นตอนกลางดึกเป็นประจำทุกวัน บางรายยังคงต้องรับยานอนหลับอยู่เช่นเดิม แต่บางรายก็ดีขึ้นจนไม่ต้องรับยานอนหลับแล้ว จนถึงตอนนี้พบว่าผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ไม่ได้ประกันระหว่างต่อสู้คดี ทุกรายหายจากการติดโควิด-19 และถูกส่งตัวกลับเรือนจำทั้งหมดแล้ว
รวมถึง “เก่ง” พลพล ผู้เคยพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกิน และอยู่รักษาตัวจากภาวะไตอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. 2565 ก็รักษาตัวจนหายเป็นปกติและส่งตัวกลับเรือนจำแล้วเช่นกัน ขณะนี้จึงไม่มีใครรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว
1. “หิน” อัครพล – ดีใจที่มีคนจัดกิจกรรมปล่อยเพื่อนเราต่อเนื่อง ยืนกรานอาหารเรือนจำจืดสนิทเหมือนน้ำเปล่า จนลืมรสชาติอาหารเมนูปกติไปหมดแล้ว
ทนายเล่าว่า หินดูสดใสขึ้น ตอนนี้หินไม่ได้คิดกังวลว่าจะได้ประกันตัวหรือไม่อีกต่อไปแล้ว ทำเพียงนับถอยหลังรอวันที่ครบกำหนดฝากขังในคดีนี้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันหินก็รู้สึกกังวลว่าจะอัยการจะมีคำสั่งฟ้องและทำให้ถูกคุมขังต่อไประหว่างพิจารณาหรือไม่
ช่วงนี้หินถูกสั่งให้มาทำงานในโรงเลี้ยง มีหน้าที่ช่วยล้างจาน จัดถาดข้าว และเตรียมวัตถุดิบ แต่กระนั้นหินเล่าว่ากับข้าวที่เรือนจำรสชาติจืดมาก ไม่มีรสชาติเลย จนเขาสงสัยว่าตัวเองติดโควิดหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้มีอาการใดๆ เลย
หินขอกับทนายว่า “อยากได้ผงปรุงรส” เพื่อจะเอามาใส่กับข้าว เพราะอยากกินอาหารที่มีรสชาติบ้าง ตั้งแต่ถูกขังมาจนถึงตอนนี้เขาบอกว่า “แทบจะลืมไปแล้วว่ารสชาติอาหารเป็นยังไง” ทั้งรสชาติกลมกล่อมของผัดกะเพรา รสเผ็ดพริกเผาของต้มยำ ฯลฯ ตอนนี้เขาลืมรสชาติเหล่านี้ไปหมดแล้ว เพราะได้กินแต่กับข้าวที่จืดสนิทเหมือนกับน้ำเปล่ายังไงอย่างนั้น
แม้จะถูกขังอยู่ในเรือนจำ หินกับเพื่อนๆ ก็มีโอกาสได้ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะเหมือนกัน เพราะเรือนจำเปิดทีวีให้ดู เขาบอกว่าเห็นแล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจแทนที่รัฐบาลยังคงตีมึนและดื้อดึงอยู่ในอำนาจต่อไป แม้การอภิปรายหลายอย่างจะมีหลักฐานชัดเจนออกสู่สายตาประชาชนก็ตาม
หลังคุยกันครู่หนึ่ง หินก็รีบร้อนขอให้ทนายอ่านจดหมายที่คนข้างนอกฝากเข้ามาให้ฟัง ทนายจึงเอารูปภาพกิจกรรมต่างๆ ที่คนข้างนอกจัดกันเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังคดีการเมืองทุกคนให้ดู เมื่อหินเห็นดังนั้นก็ดีใจ โดยเฉพาะเมื่อเจอว่ามีคนรู้จักคนหนึ่งอยู่ในภาพผู้ร่วมกิจกรรมเรียกร้องให้ #ปล่อยเพื่อนเรา
2. “ดิว” สมชาย – นอนสะดุ้งตื่นตีสองทุกวัน เพราะไม่ได้กินยานอนหลับช่วยแล้ว
ตอนที่ทนายเข้าเยี่ยม ดิวเพิ่งไปทำงานล้างบ่ออาบน้ำเสร็จ เขาเล่าให้ฟังว่า ในตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว ไม่ได้กังวลเรื่องประกันอีกต่อไปแล้ว คิดว่า “ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ส่วนสุขภาพก็ยังแข็งแรงปกติดี เหมือนเดิม แต่ยังคงนอนสะดุ้งตื่นตีสองทุกวัน เพราะหลายวันมานี้ไม่ได้กินยานอนหลับช่วยอีกแล้ว
สุดท้ายดิวฝากขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ยังคงส่งจดหมายมาถึงเขาและคนอื่นๆ และฝากบอกว่า “คิดถึง”
3. “หนึ่ง” – ดูเครียดและกังวลที่สุดในบรรดาทะลุแก๊ส หวั่นอัยการสั่งฟ้องอาจทำให้ถูกขังต่อไปอีกไม่สิ้นสุด
หนึ่งดูมีสีหน้าที่ตึงเครียดและเป็นกังวลมากที่สุดในบรรดาผู้ต้องขังทะลุแก๊สทั้งหมดที่ทนายได้เข้าเยี่ยมตลอด 2 วันมานี้ เขาดูมีความกังวลตลอดเวลา แทบจะไม่ยิ้มออกมาให้เห็นเลย หนึ่งบอกว่าเขารู้สึกเป็นกังวลเรื่องคดี เพราะไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้อัยการสั่งฟ้องใครไปแล้วบ้าง
แม้หลับไปแล้ว เขาก็มักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาช่วงกลางดึก 02.00-03.00 น. ตลอด หลับไม่เคยสนิทเลยสักครั้ง แม้ว่าจะเริ่มคุ้นเคยกับเรือนจำแห่งนี้แล้ว แต่เขาบอกว่ายังไงก็ยังคงอยากได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีอิสระข้างนอกมากกว่า
เรื่องอาหารการกิน หนึ่งบอกว่ากินข้าวได้ปกติ แต่ส่วนมากจะกินอาหารที่คนข้างนอกฝากมาให้มากกว่า เพราะอาหารในเรือนจำกินไม่ได้เลย ตอนนี้หนึ่งถูกสั่งให้ไปทำงานในกองงานโรงนอน เวลามีนักโทษต้องย้ายแดนหรือย้ายห้องขัง เขามีหน้าที่ช่วยทำความสะอาดโรงนอน กวาดพื้น ถูพื้น ฯลฯ เพื่อให้ผู้ต้องขังคนใหม่ย้ายมาอยู่ได้อย่างสบายใจ
ตอนท้ายหนึ่งฝากบอกว่า อยากให้คนข้างนอกเฝ้ารออย่างมีความหวัง และหากเขาได้ออกไปจากเรือนจำแห่งนี้ หนึ่งอยากให้ทุกคนมารอรับพวกเขา หวังว่าเมื่อครบกำหนดฝากขัง พวกเขาจะได้กลับไปมีอิสรภาพเช่นเดิมเสียที
4. “คิม” ธีรวิทย์ – ยุติการอดอาหารประท้วง 39 วัน เพราะอยากกินข้าวเอาแรงไว้เล่นฟุตบอลคลายเครียด
วันนี้คิมดูดีและดูสบายใจมากขึ้น เขาเล่าว่ากิจวัตรประจำวันในเรือนจำตอนนี้ก็คือ ตอนเช้าอาบน้ำ จากนั้นไปทำกิจกรรม สามโมงครึ่งจึงได้ขึ้นห้องนอน เป็นเช่นนี้วนเวียนอยู่ซ้ำๆ ทุกวัน
ตอนนี้คิมถูกให้ไปช่วยงานอยู่กองงาน “ห้องสมุด” เป็นงานที่ค่อนข้างสบาย ขณะทำงานอยู่ในห้องสมุดเขาจะมองเห็นน้องๆ ทะลุแก๊สทุกคนได้จากในห้องนั้น หากใครมีปัญหาอะไรเขาก็จะสามารถช่วยเป็นตัวกลางสะสางปัญหาได้ทันที เมื่อเสร็จงาน น้องๆ ทะลุแก๊สคนอื่นก็จะมานั่งคุยที่ห้องสมุดด้วยกันกับเขา
ไม่กี่วันก่อนหน้า คิมกับภูมิได้ไปร้องขอกับผู้คุมเรือนจำว่า ขอให้ผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊สได้นอนรวมในห้องเดียวกันได้หรือไม่ โดยคิมได้ให้คำมั่นกับผู้คุมว่าตนจะช่วยดูน้องๆ ทุกคนให้เอง
นอกจากนี้ เขายังบอกข่าวว่า ตอนนี้ “เก่ง” พลพล กลับจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์มาอยู่ด้วยกันแล้ว หลังรักษาตัวอยู่นานจากพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาด
คิมตัดสินใจยุติการอดอาหารประท้วง รวม 39 วัน เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 2565 เขากลับมาทานอาหารกลางวัน วันละ 1 มื้อ เป็นไข่ต้มหรือไม่ก็ไข่ดาว สาเหตุที่กลับมาทานอาหารเป็นเพราะช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เรือนจำจะอนุญาตให้เหล่าผู้ต้องขังได้เตะฟุตบอลกันได้ ซึ่งคิมชอบฟุตบอลมากๆ วันนั้นจึงได้ร่วมเล่นกับคนอื่นๆ ด้วย แต่ปรากฏว่าขณะเล่นอยู่ เขาแทบไม่มีแรงเลย และคนอื่นยังทักท้วงว่าเขาหน้าซีดแล้ว ให้หยุดเล่นก่อน คิมจึงตัดสินใจกลับมากินอาหารทีละน้อยเพื่อจะได้มีแรงเตะบอล ผ่อนคลายความเครียด
เมื่อทนายอ่านจดหมายที่คนข้างนอกฝากมาให้ฟัง คิมยิ้มและหัวเราะได้ เขาบอกว่าได้ฟังสิ่งที่คนข้างนอกเขียนถึงเขาแล้ว เขามีกำลังใจมาก ฝากบอกคนข้างนอกว่า อยู่ข้างในนี้เขายังคงสู้เหมือนเดิม หวังว่าจะได้เจอกันนอกเรือนจำ
5. “ร็อค” ธนรัตน์ – หายโควิด ถูกส่งตัวกลับแดน 4 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว
ร็อคกลับจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2565 โดยก่อนหน้านี้ร็อคตรวจพบว่าติดโควิดจึงถูกตัวไปรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว เมื่อกลับมา ร็อคก็ถูกย้ายตัวไปคุมขังยังแดน 4 เลยทันที ปัจจุบันเขาบอกว่าสุขภาพแข็งแรงปกติดี เพื่อนๆ อยู่คอยดูแลอยู่ จึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
สุดท้ายร็อคบอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่ขาดเหลือหรือต้องการ แต่การเข้าเยี่ยมในครั้งหน้า ร็อคอยากให้ช่วยอัพเดทความคืบหน้าของคดีต่อไป
.
6. “แบงค์” ณัฐพล – นอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นตลอดทั้งคืน ด้านร่างกาย 3 วันดี 4 วันไข้
แบงค์เล่าว่า ช่วงนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม มีซึมๆ บ้างเป็นปกติ ส่วนสุขภาพก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง ตอนนี้เหมือนจะเป็นไข้ มีน้ำมูก แต่ตัวไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ขอยาจากเจ้าหน้าที่แล้ว ตอนนี้ต้องกินยาครั้งละ 5 เม็ด
ช่วงนี้นอนหลับไม่ค่อยสนิท หลับๆ ตื่นๆ ตื่นมาตอนกลางคืนทุกชั่วโมงเลย ตั้งแต่ช่วง 01.00 – 05.00 น. ส่วนอาหารแบงค์บอกเป็นเสียงเดียวกันกับเพื่อนคนอื่นๆ ว่า “จืดชืดมากๆ” ทำให้กินแค่บางมื้อเท่านั้น กินมื้อเว้นมื้อ อยากได้ของกินพวกนมกับขนมเอามาไว้กินรองท้องบ้าง เพราะอาหารในเรือนจำกินไม่ได้เลย
.
7. “บอล” พุฒิพงศ์ – อาการเครียดดีขึ้นมากแล้ว ได้หนังสือที่เพนกวินทิ้งไว้บรรเทาอาการฟุ้งซ่าน
หลังทนายอ่านจดหมายจากพี่น้องบางกลอยให้บอลฟัง เขาฝากบอกว่า “ขอบคุณทุกคน คิดถึงทุกคน ออกไปเดี๋ยวเราเจอกันอีกแน่ๆ” พร้อมกับเบิกยิ้มกว้าง
ช่วงนี้ความเครียดบรรเทาลงจากเดิม แต่ยังคงมีอาการนอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นระหว่างนอนเป็นช่วงๆ โดยบอลถูกสั่งให้ไปช่วยทำงานอยู่ที่โรงเลี้ยง มีหน้าที่หลักคอยช่วยล้างจาน แม้ตอนนี้จะต้องถูกขังรวมกับคนอื่นๆ แต่บอลยืนยันว่าอยู่ได้ ไม่มีปัญหาอะไร
ช่วงนี้ใช้เวลาว่างกับการอ่านหนังสืออยู่ ตามที่ได้สัญญากับคนข้างนอกไว้ เป็นหนังสือที่ ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ทิ้งไว้ในเรือนจำขณะถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
8. “หยก” วรวุฒิ – ยังรอดโควิด แม้เพื่อนทะลุแก๊สคนอื่นตรวจว่าติดในเรือนจำกันเกือบครบทุกคนแล้ว
หยกเล่าว่า ตัวเองรอดโควิดมาทุกรอบ ทั้งๆ ที่เป็นคนดูแลที่อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนที่ติดโควิดตลอด เพราะหยกจะเป็นคนที่คอยทำหน้าที่หาข้าว หาน้ำ เวลาเพื่อนๆ ป่วย แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยตรวจพบว่าติดโควิดเลย หมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะตอนเด็กเขาเคยป่วยเป็นไข้มาลาเรียร่างกายจึงมีภูมิคุ้มกันอยู่
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย อากาศจึงค่อนข้างเย็น แต่ร่างกายทุกคนยังโอเค แม้จะเริ่มเป็นหวัดกันบ้าง เพราะอากาศเปลี่ยนบ่อยและหนาวมากในบางวัน โดยจะมีหมอเข้ามาตรวจอาการอยู่เป็นประจำทุกวัน