ฟ้องแล้วหนุ่มลูกจ้างหนองบัวฯ “วางเพลิง” พร้อม “ม.112” อีก 10 กรรม ก่อนศาลให้ประกัน-ตั้งผู้กำกับดูแล

19 ก.ค. 2565 ในวันนัดรายงานตัวที่สำนักงานอัยการจังหวัดหนองบัวลำภูของ “ปริญญา” (นามสมมติ) หนุ่มลูกจ้างวัย 23 ปี ผู้ต้องหาคดีวางเพลิงและมาตรา 112 แต่จากการสอบถามก่อนหน้าวันนัดของทนายความ ทำให้ทราบว่าอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีแล้ว และจะยื่นฟ้องในนัดดังกล่าว ปริญญาจึงเดินทางพร้อมญาติและทนายความเครือข่ายของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ไปที่ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู 

ก่อนหน้านี้ ปริญญาเพิ่งเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา จากโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่เขาเคยถูกแจ้งมาตรา 112 หลังถูกขังอยู่ในเรือนจำ 61 วัน และได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากครบฝากขังในข้อหาวางเพลิงซุ้มฯ ร.10 ซึ่งเป็นกรณีที่เขาถูกจับกุม

   >> หนุ่มลูกจ้างหนัก ถูกแจ้ง ม.112 – พ.ร.บ.คอมฯ เพิ่ม หลังถูกจับ-ยึดโทรศัพท์ คดีวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่หนองบัวลำภู

ประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการฯ นำคำฟ้องมายื่นต่อศาล ก่อนปริญญาถูกนำตัวไปขังที่ห้องขังใต้ถุนศาล จากนั้นก่อนเที่ยงเล็กน้อย ศาลได้คอนเฟอเรนซ์จากห้องพิจารณาลงมาที่ห้องขังเพื่ออ่านคำฟ้องโดยสรุปและถามคำให้การเบื้องต้น โดยปริญญาให้การเช่นเดียวกับในชั้นสอบสวนคือรับสารภาพในข้อหาวางเพลิง, ทำให้เสียทรัพย์ แต่ปฏิเสธข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ศาลจึงนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 10 ส.ค. 2565 เวลา 09.00 น.

คำฟ้องของธนชัย ศรีศิริ พนักงานอัยการจังหวัดหนองบัวลําภู ที่ยื่นฟ้องปริญญาในฐานความผิด วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ทําให้เสียทรัพย์, หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 217, 358, 112  และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) บรรยายถึงการกระทำที่ฟ้องปริญญารวม 11 กรรม 

โดย 10 กรรม เป็นการโพสต์ข้อความและรูปภาพในเฟซบุ๊กบัญชีชื่อเดียวกับปริญญาในภาษาอังกฤษในช่วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2564 มีเนื้อหาที่กล่าวถึงรัชกาลที่ 10 จำนวน 10 โพสต์ ในจำนวนนี้เป็นการแชร์โพสต์มาจากเพจ KTUK-คนไทยยูเค และ Somsak Jeamteerasakul พร้อมเขียนข้อความประกอบ รวม 3 โพสต์ ซึ่งอัยการกล่าวหาว่า เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง

ในอีก 1 กรรมนั้น อัยการบรรยายว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2565 จำเลยได้วางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 บริเวณสวนสาธารณะหนองบัว ซึ่งเป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลําภู จนได้รับความเสียหาย ถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง คิดเป็นค่าเสียหายจํานวน 114,900 บาท อันเป็นการวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และทําให้เสียทรัพย์ 

อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการไม่ได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวปริญญาระหว่างพิจารณาคดี โดยระบุว่า ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล 

ต่อมา ในช่วงบ่าย ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันปริญญาโดยเสนอหลักประกันเป็นเงินสด 150,000 บาท พร้อมระบุเหตุผลประกอบว่า จำเลยมีอาชีพเป็นหลักแหล่ง มีความประสงค์จะต่อสู้คดี โดยไม่มีเจตนาจะหลบหนี เห็นได้จากหลังจากได้รับการปล่อยตัวเมื่อถูกขังครบกำหนดฝากขังแล้ว จำเลยก็ยังไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการฯ มาโดยตลอด ทั้งยังอ้างถึงหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์ตามกฎหมายได้ว่ามีความผิด

ราวบ่ายสองศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ระบุในคำสั่งว่า คดีมีอัตราโทษสูง และเมื่อพิจารณาประกอบคำฟ้องที่โจทก์ฟ้องมาว่าจำเลยกระทำผิดถึง 11 กรรม จึงเชื่อว่าหากปล่อยชั่วคราวจำเลยจะหลบหนี 

อย่างไรก็ตาม ทนายความยังพยายามให้ปริญญาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี โดยได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกครั้ง ระบุเหตุผลเพิ่มเติมว่า จำเลยทราบมาแต่ต้นแล้วว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 11 กรรม และได้ให้ความร่วมมือในกระบวนการดำเนินคดีมาตลอด ทั้งยังเดินทางมาศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลด้วยตนเอง นอกจากนี้จำเลยยินดีเข้าสู่กระบวนการจิตสังคม และให้ศาลตั้งผู้กำกับดูแล หรือกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวตามที่ศาลเห็นสมควร

ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังยื่นคำร้องขอประกันครั้งที่ 2 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีหลักประกัน 150,000 บาท กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยไปกระทำการอันมีลักษณะที่อาจเป็นความผิดตามที่ถูกฟ้องอีก และห้ามออกนอกราชอาณาจักร ให้เข้ารับคำปรึกษาที่คลีนิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม และให้แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้กำกับดูแลสอดส่องดูแลพฤติกรรม

กระทั่งเวลา 16.30 น. หลังใช้เงินสดจากกองทุนราษฎรประสงค์วางเป็นหลักประกัน ปริญญาจึงได้รับการปล่อยตัว รวมเวลาถูกขังอยู่ที่ห้องขังใต้ถุนศาล รอกระบวนการรับฟ้องและขอประกันตัวกว่า 6 ชั่วโมง

ปริญญาเปิดเผยว่า หลังจากเขารู้ตัวก่อน 1 วันว่า อัยการจะยื่นฟ้อง เขาก็รู้สึกเครียดจนคืนนั้นนอนไม่หลับ คิดไปต่างๆ นานาว่าจะเจออะไรบ้างที่ศาล แต่เขาก็ไม่ได้ทำใจว่า ศาลจะไม่ให้ประกัน ทันทีที่รู้ว่าไม่ได้ประกันเขาก็รู้สึกเคว้งคว้าง เขาจะไม่ได้ไปทำงานในวันพรุ่งนี้หรือ แต่ไม่นานทนายมาบอกอีกครั้งว่าได้ประกันแล้ว ความรู้สึกของเขาถึงกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกที  

“ผมคิดว่า ไม่มีใครควรถูกดำเนินคดีจากการวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ คนที่วิจารณ์ก็เพราะต้องการให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ยิ่งสถาบันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยก็ยิ่งต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้อยู่ได้อย่างสง่างามและยั่งยืน เหมือนการทำความสะอาดบ้านที่ควรเริ่มทำสะอาดจากชั้นบนก่อน”

X