มาตรฐานการคุมขังนั้นเป็นหนึ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการกระทำอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ในขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยกำลังผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย พ.ศ….โดยร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 5 ได้กำหนดฐานความผิดกระทำการที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ไม่รวมถึงการลงโทษที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงน่าสนใจว่า การผ่านร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวนั้น จะช่วยพัฒนามาตรฐานในการคุมขังของราชทัณฑ์ได้หรือไม่อย่างไร
ข้อมูลวันที่ 23 มิถุนายน 2565 จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่ามีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองที่ถูกขังระหว่างการพิจารณาอยู่ถึง 21 ราย เสียงของพวกเขาที่สะท้อนเรื่องราวภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่องกลับไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสภาพคุมขังใดๆ อีกทั้งนักกิจกรรมอย่างน้อย 2 คนยังได้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขการติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว(EM) ต้องอยู่ในเคหสถาน 24 ชั่วโมง แทบไม่แต่ต่างจากการคุมขัง
เนื่องในวันต่อต้านการทรมานสากล (26 มิถุนายน) และวันครบรอบเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย (24 มิถุนายน) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชวนนักกิจกรรมที่เคยถูกคุมขังในเรือนจำและต่อมาได้รับการประกันตัวโดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกเคหะสถาน 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนและด้านกฎหมายอาญามาพูดคุยกันถึงประเด็นดังกล่าว ในหัวข้อ “ขังในเรือนจำ และขังนอกเรือนจำต่างกันอย่างไร” วันที่ 28 มิถุนายน 19.00 น.-20.30 น. ทาง FB Live เพจ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ร่วมพูดคุยโดย
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมกลุ่มมังกรปฏิวัติ
โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ
สุณัย ผาสุก Human Rights Watch
รณกรณ์ บุญมี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชวนคุยโดย พูนสุข พูนสุขเจริญ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน