14 ต.ค. 63 การชุมนุมของ #คณะราษฎร หลังเคลื่อนขบวนออกมาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 14.35 น. ผู้ชุมนุมด้านหน้าเดินมาถึงสะพานผ่านฟ้า ตำรวจตั้งแนวรั้วเหล็ก และมีแนวเจ้าหน้าที่หลังรั้วเหล็ก ด้านแกนนำและผู้ชุมนุม ส่งตัวแทนเจรจาขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้
.
เวลา 14.47 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจยินยอมเปิดทางบนสะพานผ่านฟ้าให้ผู้ชุมนุมผ่าน หน้าขบวนจึงเดินเข้าสู่ถนนนครสวรรค์ ไปทางแยกนางเลิ้ง ส่วนด้านเส้นไปถนนราชดำเนินนอก มีรถเมล์มาจอดเป็นแถวปิดกั้นเส้นทาง และเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอมให้เดินไปทางนั้น
.
ประมาณ 15.30 น. ขบวนหยุดอยู่ที่บริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ โดยแกนนำ ได้แก่ “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ และ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ขอเคลื่อนขบวนผ่านรั้วเหล็กที่กั้นไว้ ด้านบนเวทีให้เวลา 5 นาทีขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทาง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม จากนั้นผู้ชุมนุมได้ดันรั้วเหล็กเข้าไปเพื่อเคลื่อนขบวนต่อ
.
ราว 15.40 น. ขณะผู้สังเกตการณ์ติดตามขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปทำเนียบรัฐบาล มีกลุ่มมวลชนที่สวมเสื้อสีเหลืองตะโกนถ้อยคำด่าทอใส่เป็นระยะๆ และยังมีการขว้างรองเท้าใส่
.
16.00 น. ขบวนยังหยุดอยู่ที่บริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ เนื่องจากมีรถบัสตำรวจตระเวนชายแดนจำนวน 4 คันจอดขวางอยู่ และมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนราว 2 กองร้อย นำแผงเหล็กมาตั้งด้านหลังรถ ก่อนหน้านี้มีมวลชนกลุ่มหนึ่งพยายามจะดันรถบัสให้ล้ม แต่แกนนำบนเวทีได้ห้ามปรามไว้ ย้ำให้ใช้สันติวิธีในการต่อสู้ และขอให้ผู้ชุมนุมนั่งลง
.
ประมาณ 16.50 น. เวทีประกาศผลการเจรจาระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตกลงจะค่อยๆ ถอยแนวกั้นครั้งละ 50 เมตร หลังประกาศ เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อยเริ่มถอนกำลัง และนำรถบัสตำรวจตชด. ที่จอดขวางไว้ออกไป 1 คัน ทำให้ขบวนของผู้ชุมนุมสามารถขยับเดินออกไปด้านหน้าได้
.
17.55 น. หัวขบวนของผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาถึงถนนพิษณุโลก บริเวณแยกพาณิชยการ มีมวลชนและสื่อมวลชนนับพันรอรับขบวนอยู่ ส่วนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล มีตำรวจตั้งแถวรอผู้ชุมนุมประมาณ 10 กองร้อย พร้อมรถตู้ตำรวจไม่ต่ำกว่า 10 คัน
.
ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป ผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณด้านหน้าทำเนียบฯ และเริ่มตั้งเวที มีแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวปราศรัย
.
เจ้าหน้าที่เสริมกำลัง กระชับพื้นที่ยามดึก โฆษกสตช.แถลงดำเนินคดีกับผู้จัดสูงสุด อ้างทำตามหน้าที่
22.57 น. มีรายงานว่า บริเวณสะพานเทวกรมรังรักษ์ มีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ไม่ต่ำกว่า 50-100 นาย เดินขบวนเลียบคลองผดุงเกษม
.
23.10 น. บริเวณตรงข้ามเวทีมิสกวัน เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนราว 500 คน เดินขบวนเข้ามาเสริมกำลัง โดยมารวมหลังแนวรั้วที่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
.
23.25 น. มีรายงานว่าบนถนนนครราชสีมาทั้งเส้น มีรถตู้ตำรวจอย่างน้อย 50-60 คัน และมีตำรวจควบคุมฝูงชนเต็มรถจอดติดเครื่องอยู่ มีรถฉีดน้ำ รถบัสทหาร ตชด. และตำรวจ อย่างน้อย 10 คัน มีรถตู้คอมมานโดและรถควบคุมตัว และเจ้าหน้าที่บางส่วนยังมีกระบอง โล่
.
23.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าเสริมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มีทั้งที่เดินเท้าเลี้ยวไปทางถ.นครราชสีมา และเดินเข้าไปทางคุรุสภาอีกราว 150 นาย
.
ท่ามกลางความกังวลต่อการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ในช่วงดึก รองโฆษกสตช. รองผบช.น. ได้แถลงว่าการชุมนุมผิดกฎหมาย โดยระบุว่า “ไม่ยืนยันว่าจะสลายชุมนุม แต่จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ขณะนี้เหลือเวลาอีก 6 ชั่วโมง จะดำเนินการอย่างสูงสุดกับผู้ชุมนุม ไม่มีการละเว้น” พร้อมอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวม สิทธิของผู้ชุมนุมนั้นเป็นอีกส่วนหนึ่ง ต้องทำให้การใช้สิทธิทั้งสองฝ่ายนั้นสมดุลกัน ก่อนปิดแถลง ย้ำว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องยึดถือเป็นหน้าที่เป็นสรณะ
.
23.50 น. พบเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนลำเลียงอุปกรณ์ หมวก โล่ ลงจากรถหกล้อ และทยอยสวมชุด ติดตั้งอุปกรณ์
.
00.20 น. ด้านการชุมนุมฝั่งเวทีกระทรวงศึกษา มีขบวนรถตู้ตำรวจหลายคันพยายามวิ่งเข้ามาในพื้นที่ผู้ชุมนุม โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์แน่ชัด ผู้ชุมนุมพยายามกันไม่ให้รถเข้ามา จนราว 5 นาที รถตำรวจยินยอมถอยออกไป
.
00.45 น. บริเวณถนนสนามไชย ทั้งเส้น พบขบวนรถตู้ตำรวจ และรถควบคุมผู้ต้องหา ประมาณ เกือบ 20 คัน เลี้ยวเข้าไปด้านในวัดราชบพิธ อีกทั้งในรถควบคุมผู้ต้องหากว่าสิบคัน พบว่ามีเจ้าหน้าที่เดินลงและกระจายกันออกจากรถอีกด้วย
.
01.00 น. แกนนำผู้ชุมนุมประกาศจะยุติการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าชั่วคราว เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้เข้าร่วม แต่ในช่วง 16.00 น. จะไปร่วมตัวกันที่แยกราชประสงค์เพื่อเคลื่อนไหวใหม่ต่อไป
.
.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2563
เวลา 4.00 น. เป็นต้นไป อานนท์-เพนกวินถูกจับ ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ ด้านสื่อมวลชนและผู้สังเกตการณ์ถูกบีบให้ถอยร่นห่างออกไปเรื่อยๆ
.
4.30 น. ตำรวจปราบจลาจลเข้าประกาศเรื่องการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพ โดยห้ามมีการชุมนุม จึงขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมและออกจากพื้นที่ทั้งหมด
.
4.40 น. ตำรวจปราบจลาจลจำนวนมากเริ่มนำกำลังเข้ายึดพื้นที่ โดยมีการดันรั้วกับผู้ชุมนุมเล็กน้อย ก่อนผู้ชุมนุมจะถอยออกมา เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังเข้าพื้นที่ และมีการเคาะกระบองกับโล่เพื่อข่มขวัญ
.
4.55 น. ตำรวจปราบจลาจลหลายพันนายเข้ายึดพื้นที่หน้า รร.มัธยมวัดเบญจมพิตร และผู้บังคับบัญชาให้เดินเคลียร์พื้นที่ไปด้านทำเนียบและพาณิชย์พระนคร โดยไล่รื้อรั้วเหล็กออก และควบคุมพื้นที่ทั้งหมด
.
5.00 น. ตำรวจปราบจลาจลข้าจับกุมตัวอานนท์ นำภา โดยมีการแสดงหมายจับของศาลเป็นหมายศาลคดีการปราศรัยที่ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่นำอานนท์ขึ้นรถที่ไม่ใช่รถตำรวจ เดินทางออกไปยังกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 เพื่อเตรียมนำตัวไปดำเนินคดีที่ จ.เชียงใหม่ ต่อไป ขณะเดียวกันมีรายงานว่า “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ โดนจับกุมไปก่อนหน้านี้เช่นกัน จากหมายจับคดีการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน
.
นอกจากนี้ยังพบการจับกุม ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ แกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากหมายจับการชุมนุมที่ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ เช่นเดียวกับอานนท์ อีกทั้งมีรายงานการคุมตัวกานต์ ทัศนภักดิ์ ช่างภาพ ไปด้วย
.
5.36 น. พบรถตำรวจเตรียมขนย้ายผู้ชุมนุมจอดรออยู่แถวแยกนางเลิ้ง และมีรายงานว่าจะยังมีรถขนย้ายเข้ามาเพิ่มเติมอีกหลายคัน
.
5.45 น. แกนนำประกาศเตรียมพื้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ ไว้ให้ผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดที่ไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ ให้ทุกคนเก็บแรงไว้ชุมนุมที่ราชประสงค์ 16.00 น.
.
.
ศาลไม่ให้ประกัน 3 แกนนำนักศึกษาคดีชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน อ้าง “กระทำผิด” หลายครั้ง
15 ต.ค. 63 หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 4.00 น. และเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมแกนนำการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหลายราย โดยมีการจับกุมนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ในช่วงที่เข้าสลายการชุมนุมท
ต่อมาในเวลา 8.30 น. “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมที่โรงแรมไอบิส ถนนข้าวสาร พร้อมกับนายณัฐชนน ไพโรจน์ แกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงจากหมายจับจากการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 63
ปนัสยาไม่ยินยอมให้ตำรวจคุมตัวไปและแสดงออกโดยการอารยะขัดขืนดนอนลงกับพื้น หลังจากนั้นตำรวจได้เข้าอุ้มตัวปนัสยาและคุมตัวไปด้วยรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ ทะเบียน 5 กต. 6438 กทม. ที่ไม่มีสัญลักษณ์ว่าเป็นรถตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนั่งขนาบทั้งสองข้าง ไปยัง บก.ตชด.ภาค 1 พร้อมกับณัฐชนน
แกนนำนักศึกษาทั้งสามคนได้ถูกพนักงานสอบสวนจากสภ.คลองหลวง เข้าแจ้งข้อกล่าวหาที่บก.ตชด.ภาค 1 โดยมีข้อหาหลักคือ “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และมีทนายความติดตามไป ก่อนทั้งสามคนจะถูกนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรีในช่วงเวลาประมาณ 14.30 น.
หลังทนายความยื่นคัดค้านการฝากขัง และกระบวนการไต่สวนฝากขัง ศาลจังหวัดธัญบุรีได้อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสามคน ก่อนที่ทาง 2 ส.ส.พรรคก้าวไกล และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีก 1 คน จะใช้ตำแหน่งยื่นขอประกันตัวนักศึกษาทั้งสามคน
เวลา 17.20 น. ศาลได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสามคน โดยระบุว่าผู้ต้องหานี้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายครั้ง ในลักษณะที่จะก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง หลายข้อหา อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว หากปล่อยตัวชั่วคราวออกไป อาจจะกระทำตามที่ถูกกล่าวหาอีก หรือหลบหนีไปได้ ในชั้นนี้ ยังไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
เวลา 17.30 น. ทั้งสามคนถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำธัญบุรี
.
ศาลไม่ให้ประกันตัว “อานนท์-ประสิทธิ์” คดีชุมนุม #เชียงใหม่จะไม่ทน อ้างอาจไปกระทำลักษณะเดียวกันอีก
ตั้งแต่เมื่อเช้าวันที่ 15 ต.ค. 63 เวลา 4.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร และในเวลา 4.40 น. ตำรวจชุดปราบจลาจลจำนวนมากเริ่มนำกำลังเข้ายึดพื้นที่ #ม็อบ14ตุลา บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
จนกระทั่งเวลา 5.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัวนายอานนท์ นำภา แกนนำนักกิจกรรม โดยมีการแสดงหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ลงวันที่ 1 ก.ย. 63 ที่มีเหตุจาการปราศรัยในการชุมนุม #เชียงใหม่จะไม่ทน ที่ประตูท่าแพ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 63
ขณะเดียวกันในช่วงประมาณ 4.00 น. นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ แกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าจับกุมตัวบริเวณแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ ด้วยหมายจับของศาลเชียงใหม่ จากการชุมนุมวันเดียวกันกับอานนท์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะนำตัวอานนท์และประสิทธิ์ ไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุมตัว
จนเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยคอมมานโดติดอาวุธครบมือและกระสุนปืนจริง ได้ควบคุมตัวอานนท์ นำภา และประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ ไปที่กองทัพอากาศดอนเมือง กองบินตำรวจ เพื่อนำตัวไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยในตอนแรกจะไปโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ และไม่อนุญาตให้ทนายความติดตาม แม้ทั้งสองจะพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ขอไปทางรถยนต์และให้มีทนายความไปด้วย
12.45 น. อานนท์และประสิทธิ์ถูกคุมตัวขึ้นเครื่องบินตำรวจแทน โดยเลขประจำเครื่องบิน 28064. และไม่มีทนายความขึ้นไปด้วย ผู้อยู่บนเครื่องบิน ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 4 นาย, นักบิน 2 ราย, ช่างเครื่อง 2 ราย และเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบปราม
15.00 น. มีรายงานว่าทั้งสองคนถูกนำตัวไปถึงกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวไปยังสภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจเจ้าของคดีนี้ ระหว่างนั้นมีนักศึกษาและประชาชนไปติดตามรอให้กำลังใจทั้งสองคนทั้งที่สภ.เมืองเชียงใหม่ และสถานีตำรวจภูธรภาค 5 แต่ตำรวจก็ไม่ได้นำตัวไป และไม่ยอมบอกว่าจะนำตัวไปที่ใด
เวลา 15.44 น. อานนท์ได้โพสต์แจ้งว่าถูกนำตัวถึงกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาตัวไปขออำนาจศาลในการฝากขังทันที โดยไม่รอทนายความ จากนั้นไม่นาน เฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาไม่สามารถเข้าถึงได้อีก
16.50 น. หลังพนักงานสอบสวนสภ.เมืองเชียงใหม่เข้าแจ้งข้อกล่าวหาแก่อานนท์และประสิทธิ์ ถึงห้องรับรองกองบิน 41 จากการจัดชุมนุม #เชียงใหม่จะไม่ทน ที่ประตูท่าแพ เมื่อ 9 ส.ค. 63 โดยแจ้งทั้งหมด 5 ข้อกล่าวหา ทั้งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, ฝ่าฝืนข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนพ.ร.บ.โรคติดต่อ, ไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการสอบปากคำ และเร่งพาตัวทั้งสองไปที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขออำนาจศาลฝากขังทันที
18.10 น. หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นขออำนาจฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังของตำรวจ ศาลจึงได้มีการไต่สวนคำร้องฝากขัง
19.00 น. ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ได้ฝากข้อความมาให้นักศึกษาและประชาชนข้างนอก “ ขอให้พี่น้องทุกคนสู้ต่อไป ผมขอโทษที่อาจจะไม่ได้สู้กับพี่น้องในวันนี้ วันที่ผมกำลังถูกควบคุมตัวอยู่ ผมเชื่อว่าพี่น้องทุกคนมีพลังเพียงพอต่อการสู้ให้ได้มาตามความต้องการของพี่น้องทุกคน ผมขอขอบคุณทุกกำลังใจและความเป็นห่วง ผมขอให้ทุกคนสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของพวกเราทุกคน ปล.ถึงแม่ ตา ยาย เจมส์สบายดี “
19.12 น. หลังการไต่สวนฝากขัง ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวน เป็นเวลา 1 ผัด 12 วัน ด้านทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวโดยใช้ตำแหน่นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการประกันตัว ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ ส่วนอานนท์ นำภา ได้ยื่นขอประกันตัวด้วยเงินสดจำนวน 2 แสนบาท
19.22 น. ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งประสิทธิ์และอานนท์ โดยให้เหตุผลว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและสภาพข้อหาศาลเห็นว่า ตามพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นการยุยง ปลุกปั่น ส่งเสริม สนับสนุน ก่อให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วน ไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจจะไปกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว จึงให้ยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว
จากนั้นทั้งสองคนถูกส่งตัวไปยังเรือนจำกลางเชียงใหม่ อำเภอแม่แตง ทันที