บันทึกเยี่ยม ‘ใบปอ’ และ ‘เนติพร’: กำลังใจยังดี ฝากขอบคุณทุกคนข้างนอกที่ยังยืนหยัดร่วมต่อสู้

5 พ.ค. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม ‘ใบปอ’ และ ‘เนติพร’ 2 สมาชิกกลุ่มทะลุวัง หลังถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจากศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ในคดี 112 กรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จที่ห้างสยามพารากอน

นับเป็นวันที่ 3 ของการถูกฝากขังของพวกเธอ และเป็นการเข้าเยี่ยมครั้งแรกของทนาย ซึ่งเป็นการเยี่ยมแบบออนไลน์เป็นระยะเวลา 40 นาทีโดยประมาณ

เข้าวันที่ 3 แล้ว ย้ำว่ากำลังใจยังดีอยู่และจะดูแลตัวเองให้ดีด้วย 

ใบปอและเนติพรในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาลพร้อมเสื้อกันฝนและเฟซชิลด์ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ ทั้งสองกล่าวทักทายแนะนำตัวกับทนายด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ดวงตาแฝงแววหม่นเล็กน้อย ถึงอย่างนั้น พวกเธอก็ย้ำกับทนายอยู่เรื่อยๆ ว่า “กำลังใจยังดีอยู่ค่ะ พวกเราตัดสินใจจะยังไม่อดอาหาร แล้วก็จะดูแลตัวเองให้ดี อยู่ในนี้ก็ได้ออกกำลังกายบ้าง”

ทั้งนี้ พวกเธอกล่าวด้วยว่า “เข้าวันที่ 3 แล้ว ก็เหมือนจะชินแล้วนะคะ” ก่อนที่เนติพรจะอึ้งไปครู่หนึ่ง และใบปอมีน้ำตาไหลออกมาเมื่อทนายให้พวกเธอดูภาพของ “พลอย” เบญจมาภรณ์ เยาวชนที่ร่วมกิจกรรมกับทั้งสอง ซึ่งทำการโกนศีรษะประท้วงหลังศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกันตัวของทั้งคู่ พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องขังทางการเมืองทั้ง 11 คน

“อยู่ข้างในนี้พอไหวนะคะ ไม่ได้ร้องไห้เลย แต่พอเห็นรูปพลอยแล้วก็น้ำตาไหล” ใบปอกล่าวทั้งน้ำตา

“อยู่ข้างมีแต่ความแค้นค่ะ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราแค่ทำโพลและยืนแจกสติกเกอร์” เนติพรกล่าว 

“จริงๆ ก็ประเมินไว้แล้วนะว่าจะมีวันนี้ เพราะกระบวนการไม่ยุติธรรม แต่ก็ติดใจตรงที่ว่าศาลพยายามบอกว่าเจตนาเราไปทำม็อบ ไปก่อความวุ่นวาย ทั้งที่เราแค่ทำโพล เราไม่ได้จัดการชุมนุม” ใบปอกล่าว

เมื่อทนายถามถึงเรื่องของเยี่ยม ทั้งใบปอและเนติพรระบุว่าสิ่งของที่พวกเธออยากได้คือ แป้งเย็น กระดาษทิชชู่เปียก และน้ำดื่ม โดยเฉพาะน้ำดื่มที่พวกเธอได้แบ่งปันให้แก่ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ด้วย

ถึงอยู่ข้างในก็ยังสู้ และตอนนี้ก็อยากพูดเรื่องสุขอนามัยของคนข้างใน

ใบปอและเนติพรเล่าให้ทนายฟังว่าในห้องของพวกเธอมีผู้ต้องขัง 5 คน ซึ่งนับว่ายังไม่แออัดมาก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอยังเห็นว่าข้างในนี้มีปัญหาทั้งเรื่องสุขอนามัยและความไม่เท่าเทียม 

ใบปอกล่าวว่า “อยากพูดเรื่องสุขอนามัยค่ะ ในห้องเรามี 5 คน ก็ยังถือว่าโอเค แต่ตอนเข้ามาเราเห็นว่ามันก็มีเรื่องความไม่เท่าเทียมกันอยู่ เช่น เรื่องช้อน พวกเราได้ช้อนธรรมดาแบบที่กินข้าวได้ แต่บางคนที่เข้ามาใหม่เค้าได้ช้อนพลาสติกที่กินแล้วบาดปาก” และเธอยังกล่าวด้วยอีกว่า “ผู้ต้องขังทุกคนมีความทุกข์กันอยู่แล้ว ถ้าได้ออกไปก็อยากจะสู้เรื่องนี้ด้วย”

เนติพรยังกล่าวเสริมด้วยว่า “อาหารในนี้กินไม่ได้เลย ทุกวันนี้กินได้แค่อาหารที่ ‘ตะวัน’ เอามาให้ เพราะตะวันไม่ได้กิน ร้านอาหารที่มีก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเราขนาดนั้น และในเวลากลางคืนไฟก็สว่างมาก (ในห้องผู้ต้องขัง ไฟจะถูกเปิดไว้ตลอดเวลาในช่วงกลางคืน) ทำให้นอนไม่ได้ ต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดตา เพื่อให้นอนหลับ”

ทั้งสองยังเล่าด้วยว่า ในตอนแรกที่เข้ามานั้น พวกเธอต้องผ่านเครื่องสแกนร่างกายขนาดใหญ่ที่ทางกรมราชทัณฑ์ใช้ตรวจร่างกาย แต่สิ่งที่พวกเธอไม่เข้าใจคือ ในเมื่อผ่านการตรวจร่างกายจากเครื่องดังกล่าวแล้วทำไมยังต้องถูกตรวจตราร่างกายด้วยสายตาของเจ้าหน้าที่อีก ทั้งหน้าอก และส่วนล่าง ยังมีเรื่องของกล้องวงจรปิดในห้องขังที่ทำให้พวกเธอรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองทุกครั้งไม่เว้นแต่เวลาที่ต้องเข้าห้องน้ำ รวมถึงความเป้นอยู่ในเรื่องของเสื้อชั้นใน ซึ่งทั้งสองระบุว่าพวกเธอจำเป็นต้องใส่เสื้อชั้นที่เหมาะสมกับสรีระของตน ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ไม่อนุญาตให้นำเข้ามา ทำให้ไม่มีชุดชั้นในใช้

ฝากบอกคนข้างนอกว่า ‘ขอบคุณมาก’ ‘คิดถึง’ และ ‘อยากกลับไปหา’

หลังจากที่ทนายความเล่าถึงสถานการณ์ภายนอกให้ฟัง ทั้งการโกนศีรษะของพลอย เบญจมาภรณ์ และการทำกิจกรรมยืนหยุดขังทั้งที่กรุงเทพมหานคร และที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งสองก็ได้ฝากบอกคนข้างนอกว่า พวกเธอขอบคุณมากที่ได้รับรู้ว่าหลายคนยังคงร่วมสู้อยู่ และสู้แทนพวกเราที่อยู่ข้างใน ทั้งสองยืนยันว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แล้วก็จะออกไปสู้ด้วยกันอีก  

ทั้งนี้ ใบปอได้ไต่ถามถึง ‘เมนู’ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และได้ฝากบอกพลอยว่า “ขอบคุณมาก เห็นแล้วน้ำตาไหลเลย” รวมทั้งฝากบอกเพื่อนๆ ที่ธรรมศาสตร์ด้วยว่า “คิดถึง อยากกลับไปหา” ขณะที่เนติพรซึ่งมีความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของน้องๆ ทะลุวังที่อยู่ข้างนอก ก็ได้ฝากความห่วงใยมาจากข้างในด้วย

ทั้งคู่ยังเสริมด้วยว่า พวกเธออยากไปทำโพลสำรวจที่ทางบูธฟ้าเดียวกันจัดทำขึ้นในงานหนังสือ SUMMER BOOK FEST 2022 เทศกาลหนังสือฤดูร้อน ครั้งที่ 2 ที่สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งกำลังมีอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับระบุด้วยว่าอยากให้ส่งหนังสือเข้ามา โดยเฉพาะหนังสือที่พวกเธอได้บอกไว้กับเพื่อนๆ สมาชิกทะลุวังแล้ว 

นอกจากนี้ เนติพรยังได้สอบถามด้วยว่านักข่าวและสื่อใหญ่ๆ มีการทำข่าวพวกเธอ และเพื่อนๆ นักกิจกรรมที่กำลังถูกขังอยู่ตอนนี้หรือไม่ เธอตั้งคำถามว่าสื่อพวกนั้นทำอะไรกันอยู่

สำหรับผลกระทบจากการถูกฝากขังในครั้งนี้ ใบปอกล่าวว่าผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่องการเรียน เนื่องจากทั้งการขึ้นศาลและการถูกฝากขังทำให้เธอต้องขาดเรียน แม้จะยังมีสถานภาพเป็นนักศึกษาวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) อยู่ ขณะที่เนติพรระบุว่าการถูกฝากขังนี้ทำให้เธอเป็นห่วงน้องๆ สมาชิกทะลุวังมากว่าจะอยู่หรือกินกันอย่างไร เพราะน้องหลายคนออกมาเคลื่อนไหวจนถูกครอบครัวตัดขาด และเธอช่วยดูแลอยู่

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค. 2565) ทนายความจะยื่นคัดค้านการฝากขังใบปอและเนติพร ซึ่งต้องจับตาว่าศาลอาญากรุงเทพใต้จะมีคำสั่งอย่างไร

.

X