20 เม.ย. 2565 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส มีนัดฟังผลการตรวจของแพทย์ในคดีของ “ชัยชนะ” (นามสมมติ) ประชาชนวัย 33 ปี ในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และเป็นผู้ป่วยที่รักษาอาการจิตเวช ผู้ถูกฟ้องในคดีข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 จากกรณีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 4 ข้อความ
คดีนี้ ชัยชนะได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมจากบ้านในอำเภอลี้เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2564 และนำตัวเดินทางราว 1,800 กิโลเมตร ไปยัง สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในคดีที่มีนายพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน เป็นผู้กล่าวหา จากข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก 4 ข้อความ ซึ่งผู้กล่าวหาอ้างว่ามีเนื้อหาในเชิงลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ต่อมา ศาลให้ประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์ 1.5 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์
.
ระหว่างชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ขอให้ตรวจสุขภาพจิตของชัยชนะ ไปยังโรงพยาบาลสวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้พื้นที่ซึ่งผู้ต้องหาอาศัยอยู่ เนื่องจากเขาได้ให้การเรื่องอาการจิตเภทของตน โดยมีบัตรประจำตัวผู้พิการ และมีใบรับรองแพทย์ยืนยันประวัติการรักษาซึ่งยังไม่หายดี ชัยชนะจึงได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลสวนปรุง หลังจากเดินทางกลับจากนราธิวาส โดยต้องถูกกักตัวเฝ้าระวังโควิดอยู่ในโรงพยาบาลช่วงเวลาหนึ่งด้วย เนื่องจากเดินทางกลับมาพื้นที่เสี่ยง
หลังจากนั้น ชัยชนะต้องเดินทางจากจังหวัดลำพูน ไปยังนราธิวาส เพื่อรายงานตัวต่อศาลอีก 2 ครั้ง จนกระทั่งอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564
ในนัดสอบถามคำให้การเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2564 ชัยชนะและญาติของเขาได้แถลงต่อศาลถึงอาการป่วยจิตเภท มีประวัติการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลลี้ และโรงพยาบาลลำพูนมาก่อน ศาลจึงเห็นว่าเพื่อให้ได้ความที่แน่ชัดเรื่องความสามารถในการต่อสู้คดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 จึงให้มีหนังสือส่งตัวจำเลยไปตรวจที่โรงพยาบาลสวนปรุง โดยให้โรงพยาบาลรายงานผลตรวจและความเห็นของแพทย์กลับมา ภายใน 90 วัน นับแต่วันเข้ารับการรักษา
ต่อมาหลังชัยชนะไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลในช่วงเดือนมกราคม 2565 เสร็จสิ้นแล้ว ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีหมายนัดฟังผลการตรวจของแพทย์ในวันที่ 20 เม.ย. 2565
จำเลย และครอบครัวได้เดินทางจากอำเภอลี้ ไปที่ศาลจังหวัดนราธิวาส เป็นครั้งที่ 4 นับจากถูกจับกุม โดยศาลได้แจ้งความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลสวนปรุง ซึ่งมีความเห็นว่าจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้ ทำให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินต่อไป
ฝ่ายจำเลยได้แถลงว่า ขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งทนายความแล้ว แต่เนื่องจากทนายความติดว่าความที่ศาลอื่น แต่ทางจำเลยได้เตรียมคำให้การที่ประสงค์จะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยื่นต่อศาลแล้ว
ฝ่ายจำเลยยังแจ้งต่อศาลว่า การเดินทางมาต่อสู้คดีนี้ จากจังหวัดลำพูนมายังนราธิวาส เป็นเรื่องลำบากสำหรับจำเลยอย่างยิ่ง อีกทั้งจำเลยยังมีปัญหาด้านสุขภาพ การเดินทางไกลยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่ทรุดโทรม จึงขอให้ศาลสามารถพิจารณาคดีนี้ลับหลังจำเลย และให้ทนายความที่จำเลยแต่งตั้งดำเนินการต่อสู้คดีต่อไป
ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า สามารถอนุญาตให้พิจารณาลับหลังจำเลยได้เฉพาะในนัดตรวจพยานหลักฐานในครั้งต่อไป ซึ่งกำหนดนัดไว้เป็นวันที่ 17 พ.ค. 2565 เวลา 9.00 น. แต่จำเลยยังต้องเดินทางมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยต่อไป
จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พบว่าผู้กล่าวหาในคดีนี้ คือนายพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีมาตรา 112 ไว้ที่ สภ.สุไหงโก-ลก ไม่น้อยกว่า 6 คดี โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่มีใครมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ภาคใต้แต่อย่างใด โดยมีกรณีที่อาศัยอยู่ไกลที่สุด คือกรณีของชัยชนะ ต้องเดินทางกว่า 1,800 กิโลเมตร เพื่อมาต่อสู้คดี
ทั้งนี้ ข้อความที่ชัยชนะถูกกล่าวหา เกิดจากการโพสต์ในเฟซบุ๊กในช่วงวันที่ 5-6 ม.ค. 2564 รวมจำนวน 4 ข้อความ โดยมีทั้งข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมผู้ชุมนุม, ข้อความระบุว่า “ควรมิควรแล้วแต่กระโปก ว่าซั่น” พร้อมแนบข่าวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ ที่ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองของมาตรา 112, ข้อความวิพากษ์วิจารณ์โครงการศาสตร์พระราชา และการแสดงความคิดเห็นข้อความใต้โพสต์ของผู้อื่น เกี่ยวกับการสั่งทหารฆ่าประชาชน
.