“หนูไม่ได้กลัวคุก แต่หนูสิ้นหวัง สิ้นหวังในกระบวนการยุติธรรม หนูแค่โปรยกระดาษ ไม่ได้ฆ่าใครตาย มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ พวกที่ทำรัฐประหารยังลอยหน้าลอยตาไม่โดนแบบหนูเลย”
.
บันทึกโดยย่อจากความทรงจำของทนายไทบ้าน
.
เบนจา อะปัญ เดินเข้ามาในห้องพิจารณาด้วยเท้าเปล่า
ชุดนักโทษสีน้ำตาลอ่อน สวมแมส ใส่เฟสชิลด์
หน้าอกปักด้วยป้ายผู้ต้องขังชื่อและข้อหา
เบนจา ถูกเบิกตัวมาฟังคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาล
คดีนี้ผมไม่ได้เป็นทนายความในคดี แต่ตั้งใจไปเจอเบนจา
เพื่อให้กำลังใจเขา เราสนทนากันได้ไม่นานนัก
จากนั้นผมก็ออกจากห้องพิจารณาไปกำหนดวันนัดสืบพยาน
.
ผมกลับมาหน้าห้องพิจารณาคดี 807 ศาลอาญา
เบนจายืนอยู่หน้าห้องพิจารณาด้วยเท้าเปล่า
ต่ำเขาแดงกล่ำ ร้องไห้ จ้องหน้ามองมาที่ผม
“หนูไม่ได้กลัวคุกนะพี่ แต่หนูแค่สิ้นหวัง สิ้นหวังในกระบวนการยุติธรรม”
ขณะนั้นผมยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมถามพี่ทนายถึงรู้ว่า
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกเบนจา ฐานละเมิดอำนาจศาล 6 เดือน
(ลงโทษเต็มสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดไว้)
ศาลให้เหตุผลว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหารับข้อเท็จจริง
แต่กลับต่อสู้ว่าไม่ผิด ไม่สำนึกในการกระทำผิด
ส่งเสียงดัง ไม่สงบเรียบร้อย ก่อความรำคาญ
แถลงการณ์ที่มีเนื้อหาประณาม ใส่ร้าย ดูหมิ่นตุลาการ
เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตาม รัฐธรรมนูญ ม.50(3)(6)
และละเมิดข้อกำหนดศาลอาญาข้อ 1 และ 6
.
หนูจะยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เขาจะทำอะไรก็ทำเลย
เขามีอำนาจอยู่แล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำเลย
แต่ร่างกายหนูคือของหนู
เบนจา ยืนยันจะไม่เดินไปไหน
มันคือการต่อสู้ยืนยันว่าสิทธิในเนื้อตัวร่างกายเป็นของเขา
เขาต่อสู้แม้กระทั่งในวินาทีสุดท้ายที่จะถูกพาไปเรือนจำ
เขายืนยันว่ามันคือร่างกายเขา เขาจะไม่เดินไป จะทำอะไรกับเขาก็ทำได้เลย
.
เบนจายืนร้องไห้ น้ำตาไหล แววตานิ่ง สิ้นหวัง
ราวกับยืนไว้อาลัยให้กับความยุติธรรม
วินาทีนั้นมันหดหู่และบีบหัวใจ
เวลาผ่านไปไม่นานมากนัก
รอบกายของเบนจาเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์
.
เบนจา นอนเอาตัวราบลงไปกับพื้น
แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านสิ่งที่เขาคิดว่าไม่เป็นธรรม
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บอกเบนจาว่า
เบนจาลุกเดินไปเถอะ สู้กันไปตามกระบวนการ อย่าทำแบบนี้เลยนะ
“หนูก็กำลังสู้อยู่นี่ไง สู้เท่าที่หนูทำได้ หนูทำอะไรได้บ้าง
เพราะหนูไม่ได้ถือกฎหมาย ตอนนี้หนูก็สู้ทำที่หนูทำได้ หนูกำลังสู้อยู่”
“ศาลคือใคร ใครคือใคร ศาลมาจากใคร ศาลตัดสินในนามของใคร”
เบนจา พูดไปพลางร้องไห้ไป
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พยายามเอาตัวเบนจาลุกขึ้นนั่งรถเข็น
เบนจานั่งกอดอกนั่งร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า
“มันจะเจ็บแค่ไหนกันเชียว นี่คือการต่อสู้ของหนู”
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หลายคนอุ้มเบนจาขึ้นรถเข็นไป
ผมเดินเข้าไปจับมือเบนจา เขาจับมือผมแน่น แววตามองมาที่ผม
“หนูรออยู่นะพี่” พร้อมร้องไห้ไป ผมนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
พี่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เบนจาได้รับความเป็นธรรม พี่สัญญา
.
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พาเบนจานั่งรถเข็นไปจนลับสายตา
สำหรับผมนี่ไม่ใช่ความดื้อของเขา แต่มันคือการต่อสู้จนถึงเฮือกสุดท้าย
ของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา เพื่ออารยะขัดขืนต่อสิ่งที่เขามองว่าไม่เป็นธรรม
.
นรเศรษฐ์ นาหนองตูม
ทนายความศูนย์ทนายวามเพื่อสิทธิมนุษยชน