‘บอส ฉัตรมงคล’ ถูกแจ้งข้อหา ม.112 ไกลถึง สภ.เมืองเชียงราย เหตุแอดมิน ‘ศรีสุริโยไท’ กล่าวหาคอมเมนต์ในเพจ

1 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น. ที่ สภ.เมืองเชียงราย ฉัตรมงคล วัลลีย์ หรือ “บอส” อดีตนักกิจกรรมและพนักงานรักษาความปลอดภัยในจังหวัดปทุมธานีวัย 27 ปี ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในคดีข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยคดีมีนายนัธทวัฒน์ ชลภักดี เป็นผู้กล่าวหา

ฉัตรมงคลเคยเข้าร่วมการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ที่นำโดย “จ่านิว” สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ในช่วงยุค คสช. และเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในช่วงปี 2561 ต่อมาเขาระบุว่าได้ลดการเคลื่อนไหวทางการเมืองลง และเน้นประกอบอาชีพเพื่อหารายได้และดูแลครอบครัว โดยเขาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ในย่านจังหวัดปทุมธานี มาราวเกือบ 1 ปีแล้ว

ก่อนหน้านี้ฉัตรมงคลได้รับหมายเรียกจาก สภ.เมืองเชียงราย ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2564 แต่เขายังไม่สามารถเดินทางไปตามนัดได้ ในตอนแรกได้ติดต่อขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาออกไปเป็นในช่วงหลังกลางเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากต้องลางานล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน แต่ทางพนักงานสอบสวนยืนยันให้มาพบในเดือนตุลาคม และได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 มาแล้ว ฉัตรมงคลและทนายความจึงได้ประสานนัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ โดยเขาต้องเดินทางมาจังหวัดเชียงราย จากกรุงเทพมหานคร ก่อนล่วงหน้า 1 วัน

ร.ต.อ.เกียรติพงษ์ ติ๊บมา รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ได้เป็นตัวแทนคณะทำงานของตำรวจในคดีนี้ แจ้งข้อกล่าวหาต่อฉัตรมงคล โดยมีทนายความเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน

พฤติการณ์ข้อกล่าวหาระบุว่าเมื่อประมาณปี 2562 นัธทวัฒน์ ชลภักดี ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ได้ก่อตั้งและดูแลเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ศรีสุริโยไท” จนในวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. นัธทวัฒน์ได้โพสต์ข้อความว่า “เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ หัวใจของเราคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งที่พวกเราต้องการที่สุดคือกำลังใจ ไม่มีแบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งสี” ในเพจ

ต่อมาผ่านไป 2 ชั่วโมง เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เปิดดูเพจดังกล่าว พบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กเช่นเดียวกับฉัตรมงคล ได้คอมเมนต์ข้อความในโพสต์ดังกล่าว ซึ่งนัธทวัฒน์เห็นว่าเป็นข้อความที่หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อให้ดำเนินคดี

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อฉัตรมงคล ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยฉัตรมงคลได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไปภายใน 30 วัน ก่อนตำรวจได้ให้ฉัตรมงคลพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และให้ลงบันทึกประจำวันไว้

ในตอนแรก พนักงานสอบสวนระบุว่าคณะทำงานในคดี ได้มีความเห็นว่าจะให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปขอฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงราย แต่หลังการพูดคุย และพนักงานสอบสวนเห็นว่าผู้ต้องหาเดินทางมาพบตามหมายเรียก ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และยืนยันจะมาตามนัดหมาย จึงจะให้ปล่อยตัวไปโดยไม่มีการควบคุมตัวไว้ พร้อมกำหนดวันนัดหมายเพื่อมาส่งสำนวนคดีให้กับอัยการต่อไปในวันที่ 8 ธันวาคม 2564

ฉัตรมงคลเปิดเผยความรู้สึกหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ที่ถูกดำเนินคดี เพราะตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และเขาก็อยู่เงียบๆ มาพักใหญ่แล้ว แต่กลับถูกกล่าวหาในข้อหามาตรา 112 ไกลถึงจังหวัดเชียงราย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับคดีที่เกิดขึ้น พร้อมจะต่อสู้คดีต่อไป ปัญหาสำคัญคือมีการดำเนินคดีในพื้นที่ที่ไกลจากภูมิลำเนาที่เขาอยู่ ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พัก ทั้งยังทำให้เขาต้องลางานอย่างน้อย 2 วัน เพื่อเดินทางมาที่เชียงราย จึงกังวลเรื่องผลกระทบต่อการทำงานที่อาจเกิดขึ้น

“มันตลกดี ข้อหานี้ปล่อยให้ใครก็ได้ไปแจ้งความ ที่ไหนก็ได้ มันเปิดโอกาสมากเกินไป และมาแจ้งกล่าวหาผมไกลมาก ถึงจังหวัดเชียงราย” ฉัตรมงคลกล่าว

ฉัตรมงคลระบุว่าเขาเคยถูกกล่าวหาในคดีชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง 2 คดี แต่คดีได้สิ้นสุดไปแล้ว โดยศาลยกฟ้องทั้งหมด ขณะนี้ยังเหลือคดีทำกิจกรรม “ปาไข่-สาดสี” ที่หน้า ม.พัน 4 รอ. เหตุทวงถามการลงโทษทหารล็อกคอผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 63 ซึ่งเขาเพิ่งถูกจับกุมไปสั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญา เมื่อช่วงวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งต้องต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไปอีก

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หลังการกลับมาบังคับใช้มาตรา 112 อีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ไปแล้วอย่างน้อย 154 คน ใน 159 คดี 

.

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-64

.

X