ตามจับปชช. 3 คน โยงปาสิ่งคล้ายระเบิด #ม็อบ11ตุลา ทนายไม่ได้เข้าร่วม-สน.ดินแดงแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งว่า ธีรพงศ์ (นามสมมติ)  และ พีรพงศ์ (นามสมมติ) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ในเวลาประมาณ 23.30 น. บริเวณถนนพระราม 4 ก่อนถูกนำตัวมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อทำบันทึกจับกุมและสอบปากคำ โดยในช่วงเวลานั้น ทนายไม่ได้เข้าร่วมการสอบปากคำด้วย จนกระทั่งได้รับแจ้งในช่วงบ่ายของวันถัดไป

ต่อมาในเวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไปตรวจค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น แต่ไม่เจอหลักฐานเพิ่มเติม และได้เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นคำร้องของฝากขังผู้ต้องหาต่อศาล 

พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 64 บริเวณแยกอโศก เจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องหาทั้งสองกับพวกที่หลบหนี จอดรถจักรยานยนต์ 1 คัน หน้าตึกเอ็กเช้นทาวเวอร์ กำลังขว้างปาสิ่งของมาที่บริเวณป้อมตำรวจ แยกอโศก ต่อมาได้มีควันและเกิดเสียงระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปเพื่อทำการไล่ติดตาม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ 1 คันไว้เป็นของกลาง ในเวลาดังกล่าวเป็นเวลาห้ามออกนอกเคหสถานระหว่าง 22.00 – 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้น 

พร้อมระบุข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีและใช้วัตถุระเบิดซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ใช้ในครอบครอง, ร่วมกันกระทําให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกันทําให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย, ร่วมกันพาอาวุธ (ระเบิด) ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจําเป็นอื่นๆ)” 

ตำรวจระบุว่าในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนยังคัดค้านการประกันตัว โดยอ้างว่ามีการพกพาระเบิดไปในชุมชน เป็นภัยร้ายแรงต้อสังคม ไม่อาจคาดได้ว่าจะเกิดเหตุเมื่อใด และอาจมีประชาชนถูกลูกหลง ประกอบกับเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน 

ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองราย ก่อนทนายยื่นประกัน และศาลให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน พร้อมวางหลักทรัพย์คนละ 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยกำหนดให้ติดกำไลอีเอ็ม และนัดรายงานตัวต่อศาลวันที่ 29 พ.ย. 64 เวลา 8.30 น.

จับเพิ่มอีกหนึ่ง โยงเอี่ยวกรณีปาสิ่งคล้ายระเบิดแยกอโศกฯ ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง มาแจ้งข้อหาเพิ่ม เหตุร่วมม็อบดินแดง 3 ตุลา

ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 19.40 น ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ ได้รับแแจ้งอีกกรณีว่า ภัทรพล (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ถูกจับกุมและเข้าตรวจค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 16 นาย ที่บ้านพักย่านซอยรามคำแหง เป็นการจับกุมตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 504/2564 ลงวันที่ 12 ต.ค. 64 จากกรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมปาสิ่งคล้ายระเบิด บริเวณแยกอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 64 หลังค้นบ้าน เขาถูกจับกุมไปยัง สน.ทองหล่อ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกจับกุมและบันทึกตรวจยึดสิ่งของที่นั่น

ในบันทึกจับกุมของภัทรพล ระบุว่า คดีนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้สั่งการทั้งหมด 12 นาย สนธิกำลังกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น. อีก 4 นาย

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคบบัญชาให้ติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมกันก่อเหตุปาวัตถุระเบิดที่แยกอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ในวันดังกล่าวสามารถจับกุมคนร้ายได้จำนวน 2 ราย จากการขยายผล พบว่าหนึ่งในผู้ก่อเหตุที่หนีไปพักอาศัยอยู่ย่านซอยรามคำแหง ต่อมาในวันนี้ เวลาประมาณ 17.50 น. พนักงานตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางเพื่อไปแสดงตัวที่บ้านพักของภัทรพล และ “เชิญตัว” มายัง สน.ทองหล่อ โดยเขาถูกตั้งข้อหาเดียวกันกับธีรเทพและพรพงศ์ 

ในส่วนท้ายของการบรรยายคำให้การ ภัทรพลเลือกที่จะไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมของเจ้าหน้าที่ และได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และจะส่งคำให้การเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564

ในส่วนของบันทึกตรวจยึด ระบุว่า มีสิ่งของที่ถูกยึด 10 อย่างด้วยกันจากบ้านของภัทรพล ตัวอย่างเช่น ประทัดลูกบอล 59 ลูก, เสื้อเกราะสีดำ 1 ตัว, เทปพันสายไฟสีดำ 4 อัน และเทปพันสายไฟสีแดง 1 อัน พร้อมกันนี้ ยังตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหา พร้อมกันกับประทัดลูกบอล 1 ลูก และเทปพันสายไฟสีดำ 1 อัน ซึ่งอยู่ที่ตัวผู้ต้องหา 

ทั้งนี้ ภัทรพลได้ลงชื่อยินยอมใน “บันทึกความยินยอมให้ถอดข้อมูลในโทรศัพท์มือถือและข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์” เท่ากับว่าเป็นการยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดึงเอาข้อมูลภายในโทรศัพท์ออกมาตรวจสอบได้ และอาจใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการสืบสวนต่อไป

ต่อมาในช่วง 19.00 น.ของวันที่ 13 ตุลาคม 2564 พนักงานสอบสวนจาก สน.ดินแดง พ.ต.ท. โสภณ แย้มขมขื่น รอง ผกก.(สอบสวน) ได้เดินทางมาพบภัทรพลที่ สน.ทองหล่อ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเหตุจากการเข้าร่วมในการชุมนุมที่ดินแดงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2564 ในส่วนของพฤติการณ์ตามบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2564 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจํานวนหลายคนมาร่วมกันชุมนุมที่บริเวณถนนอโศก -ดินแดง เรื่อยไปจนถึงถนนราชวิถี เรื่อยไปจนถึงถนนมิตรไมตรี โดยได้มาร่วมชุมนุมตั้งแต่เวลา 18.00 น. 

ในการชุมนุมดังกล่าว ได้มีการขว้างปาประทัด ระเบิด และใช้ลูกแก้วยิงเข้าใส่เจ้าหน้า คฝ. ที่มาดูแลสถานการณ์และขว้างปาสิ่งของ ยิงเข้าใส่สถานที่ราชการ เป็นการกระทําให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2564 ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจากภาพถ่ายกล้องวงจรปิดในวันที่ 3 ตุลาคม เวลาประมาณ 21.02 น. บริเวณถนนมิตรไมตรี พบภัทรพล ผู้ต้องหา ร่วมกับพวกอีกประมาณ 10 คนที่ยังจับตัวมายังไม่ได้ ขว้างปาประทัดใส่เจ้าหน้าที่ตํารวจ โดยมีภาพของผู้ต้องหากับรถจักรกยานยนต์ลงมาร่วมก่อความวุ่นวาย

วันที่ 12 ตุลาคม 2564 ทราบว่าผู้ต้องหานี้ถูกตํารวจจับกุมตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้  พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง จึงมาแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหา ฐาน “มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กําลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย หรือกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 หลังรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติม 

14 ตุลาคม 2564 พนักงานสอบสวน สน. ทองหล่อ ได้ทำการขอฝากขังภัทรพลต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. และศาลอนุญาตให้ฝากขัง 

ทนายยื่นขอประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวก่อนศาลอนุญาต พร้อมกำหนดให้ติด EM และวางหลักทรัพย์จำนวน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ภายใต้เงื่อนไขห้ามเข้าร่วมหรือก่อเหตุในลักษณะเดียวกับกันคำร้องฝากขังอีก พร้อมกำหนดนัดรายงานตัวต่อไปวันที่ 1 ธ.ค. 64 เวลา 9.00 น.

X