วันที่ 28 ก.ย. 64 ที่สถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก จิรารัตน์ มูลศิริ อายุ 35 ปี ประกอบอาชีพเป็นทนายความที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องสิทธิของแรงงานข้ามชาติ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกที่มี พ.ต.ท.ธานินทร์ พรมเกตุ เป็นผู้กล่าวหา ในข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และคําสั่งจังหวัดตาก จากการเข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบ #แม่สอดต้านเผด็จการ ในอำเภอแม่สอด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564
ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม จิรารัตน์ ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาลงวันที่ 15 ส.ค. 64 จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 23 ส.ค. 64 แต่เนื่องจากจิรารัตน์ติดเชื้อโควิด-19 จากการทำงาน ทำให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จึงขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อหาออกมา
ล่าสุดวันนี้ จิรารัตน์ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ชัยรัตน์ น่านกาศ สารวัตรสอบสวน สภ.แม่สอด พนักงานสอบสวนในคดีนี้
ข้อกล่าวหาที่จิรารัตน์ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์โดยสรุป คือ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 ผู้ต้องหาได้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมในวันที่ 1 สิงหาคม 64 ที่บริเวณถนนฝั่งตรงข้ามห้างแม็คโครอำเภอแม่สอด อีกทั้งผู้ต้องหายังได้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความในกลุ่ม “กลุ่มแม่สอดต้านเผด็จการ” ยืนยันจัดกิจกรรมดังกล่าวและระบุเส้นทางในการเคลื่อนขบวนรถของผู้ร่วมชุมนุม จากนั้นวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ได้มีการจัดกิจกรรมเกิดขึ้นจริงและมีผู้ร่วมชุมนุมจริง
ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2564 พ.ต.ท.ธานินทร์ พรมเกตุ สารวัตรสืบสวน สภ.แม่สอด ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับผู้ต้องหาในความผิดฐาน “ชุมนุมหรือการทํากิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคําสั่งกําหนดเป็น พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และฝ่าฝืนคําสั่งจังหวัดตากที่ 2451/2564 ข้อ 4.1 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ณ ที่ใดๆ, ข้อ 4.3 ห้ามจัดกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการรวมคน, ส่งเสียงหรือทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร และกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร”
จิรารัตน์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นคำให้การเป็นหนังสือต่อพนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะถูกนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และปล่อยตัวกลับโดยไม่มีการควบคุมตัวไว้
สำหรับจิรารัตน์ ผู้ต้องหาหลังการรับทราบข้อกล่าวหาให้ความเห็นเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนักกับการถูกดำเนินคดีทางการเมืองคดีแรกของตนเอง เพียงแค่อยากรู้กระบวนการต่างๆ ที่ประชาชนจะต้องพบเจอในการแสดงความคิดเห็น เพราะก็ได้เคยได้เห็นข่าวสารที่ประชาชนถูกดำเนินคดีต่างๆ จากการออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองหลายครั้งแล้ว แต่คราวนี้มาถึงคราวของตนเองบ้างจึงรู้สึกอยากรู้กระบวนการเช่นกัน
ทั้งนี้ ในการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของจิรารัตน์ ยังได้มีการยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ขอให้เคารพการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ก่อนการจัดกิจกรรมสาธารณะโดยสงบและปราศจากอาวุธในอำเภอแม่สอดในหลายครั้ง ได้มีการละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งการติดตามคุกคามและใช้วาจาข่มเหง เพื่อปิดกั้นการจัดกิจกรรม อีกทั้งยังมีการใช้กฎหมายเพื่อหวังสกัดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพในอนาคตอีกด้วย จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพ รวมไปถึงยุติการติดตามคุกคามและใช้วาจาข่มเหง เพื่อปิดกั้นการจัดกิจกรรมของประชาชน
นอกจากนั้น ทางสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ยังได้มีการเผยแพร่จดหมายเปิดผนึก “ขอให้ยุติการใช้กระบวนการยุติธรรมปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน” เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติการดำเนินคดีและปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ (Public Participation) ของประชาชนผู้ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกด้วย โดยเฉพาะในคดีลักษณะคาร์ม็อบที่เป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์สงบและปราศจากอาวุธ โดยมีการยกกรณีของจิรารัตน์เป็นตัวอย่างในคดีดังกล่าวด้วย
.