เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่า นายนพดล สินบุญเชิญ วัย 52 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2-3 นาย เดินทางมาหาที่บ้านพักอาศัยย่านจังหวัดนนทบุรี และโรงงานที่เขาทำงานในกรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง เพื่อติดตามถ่ายรูป และตักเตือนไม่ให้นพดลออกไปร่วมกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง
การเข้าติดตามนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่นายนพดลถูกจับกุมเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ในระหว่างที่กลุ่มทะลุฟ้าได้จัดการชุมนุม #ม็อบ11สิงหา หรือ กิจกรรม “ไล่ล่าทรราช” บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กรมทหารราบที่ 1 เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
.
ตำรวจนอกเครื่องแบบ ตามถ่ายรูปที่พักอาศัย-ข่มขู่ไม่ให้ออกจากบ้าน
นายนพดลเล่าว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 64 หลังจากการถูกจับกุมพร้อมกลุ่มทะลุฟ้า และ “ป้าเป้า” ในระหว่าง #ม็อบ11สิงหา เขาได้ถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เป็นระยะเวลา 2 วัน ก่อนได้รับประกันตัวในวันที่ 13 ส.ค. 64 แต่หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 2-3 นาย มาถามหาเขาที่บ้านพักอาศัยและโรงงานที่เขาทำงานอย่างต่อเนื่อง
“มีเจ้าหน้าที่มาหาผมทุกวัน ประมาณ 10 ครั้งได้ มาข่มขู่และมาถ่ายรูปบริเวณบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากบอกคนในบ้านผมว่า ‘บอกเฮียด้วยนะ อายุเยอะแล้ว ห้ามออกจากบ้าน’ ผมงงเลย ผมโตขนาดนี้แล้วห้าสิบกว่า ผมออกจากบ้านไม่ได้เหรอ เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า ‘เดี๋ยวพี่จะมาทุกวัน’ จากนั้นเขาก็มาถ่ายรูป เดินวนไปวนมา วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง”
นายนพดลกล่าวอีกว่า วันแรกที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาหาที่บ้านพัก เป็นวันเดียวกับที่เขาถูกจับจาก #ม็อบ11สิงหา ซึ่งขณะนั้นเขากำลังถูกคุมขังอยู่ที่ บช.ปส. ส่วนที่บ้านพัก มีภรรยากับลูกอาศัยอยู่เพียงลำพัง
“คนในบ้านผมถามตำรวจว่า ‘มาทำไม เขาก็โดนจับไปแล้ว’ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า กำลังติดคุกอยู่ ทำไมตำรวจถึงไปหาที่บ้าน และก็ไม่ได้มาแค่ครั้งเดียว หลังจากที่โดนปล่อยตัวออกมา ผมลงไลฟ์เฟซบุ๊กเล่าว่าโดนตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 11 สิงหา มีเพื่อนมาแชร์มาคอมเมนท์หลายสิบ ยอดคนดูน่าจะเป็นพัน นั่นล่ะครับ แป๊ปเดียวตำรวจมาหาผมถึงที่บ้าน”
นายนพดลกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เขาไม่ได้รู้จักกับคนที่อยู่ในม็อบเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุฟ้าแต่อย่างใด เพียงแค่ผ่านไปทำธุระแถวนั้น
“ผมไม่ได้จะไปร่วมชุมนุมด้วย คือจะไปทำบุญโลงศพวันนั้น ผมผ่านไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ แล้วเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังมีเรื่องกัน เลยลงไปไลฟ์เฟซบุ๊กแป๊ปเดียว ประมาณไม่ถึง 2 นาที ตำรวจก็วิ่งเข้ามารุมตีผม กระทืบผม แล้วจับผมไปเลย ผมบอกตำรวจว่า ‘ผมไม่ได้มาม็อบ’ ไปดูกล้องวงจรปิดได้ มาคนเดียว ไม่ได้มากับใคร ผมแค่ผ่านมาเฉยๆ แต่ตำรวจตั้งข้อหาเยอะมาก บอกอีกว่า ‘เด็กพวกนั้นคงไม่ออกมาชุมนุม ถ้าเฮียไม่สั่ง’ ผมงงมาก ผมไม่รู้จักเยาวชนพวกนี้เลย แต่ตำรวจตั้งข้อหาว่าผมเป็นแกนนำ ผมเป็นคนค้าขายธรรมดา ทำอาชีพสุจริต ไม่เคยออกไปชุมนุมเลย”
หลังจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่มาหาที่บ้าน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขากับครอบครัวเผชิญกับการคุกคามเช่นนี้ นายนพดลเผยว่ามีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว
“ผมเข้าบ้านไม่ได้เลย ไปเยี่ยมลูกเมียไม่ได้ เมียบอกว่า ‘อย่ามาเลย หากมาแล้วโดนจับตัวไปจะทำไง’
ผมเองก็กลัวว่า ถ้าสมมมติผมไปหาลูกที่บ้าน ตำรวจจะจับผมไหม แล้วตั้งข้อหาว่าผมเป็นแกนนำ ผมเลยไม่กล้าอยู่ในบ้าน ทุกวันนี้ผมอยู่ข้างนอกตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมจนถึงวันนี้” นพดลเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเขา
สำหรับคดี #ม็อบ11สิงหา นั้น นพดลถูกตั้งข้อกล่าวหาถึง 4 ข้อหา พร้อมกับคนที่ถูกจับคนอื่นๆ รวม 13 คน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีข้อหาอย่างการ “ร่วมกันทําร้ายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยมีหรือใช้อาวุธ” ทั้งที่พฤติการณ์ของหลายคนที่ถูกกล่าวหาไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาดังกล่าวแต่อย่างใด
.
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ชุมนุม #ม็อบ11สิงหา จับกุมอีก 17 ราย เป็นเยาวชน 2 ราย รอประกันตัวผู้ใหญ่พรุ่งนี้
.