ไล่จับ 47 ราย เป็นเยาวชน 14 ราย! หลังยุติ​ #10สิงหาคาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช หลายรายบาดเจ็บ ก่อนแจ้งข้อหา พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ – ใช้เงินประกัน 7.6 แสน

ค่ำวานนี้ (10 ส.ค. 64) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งกรณีการจับกุมผู้เข้าร่วมในการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา โดยภายหลังจากที่แกนนำประกาศเลิกการชุมนุมในช่วง 17.00 น. แต่ยังมีผู้ชุมนุมบางกลุ่มที่ยังคงยืนยันจะอยู่ในพื้นที่ พบว่ามีผู้ถูกจับกุมในจุดต่างๆ  อย่างน้อย 47 ราย ถูกนำตัวไปสอบสวนและทำบันทึกจับกุมที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) รวม 42 ราย ซึ่งศูนย์ทนายให้ความช่วยเหลือในทางคดี อีก 5 ราย ถูกควบคุมตัวและสอบปากคำที่ สน.ตลิ่งชัน 

โดยในบ่ายวันนี้ (11 ส.ค. 64) พนักงานสอบสวนได้ขอฝากขังผู้ต้องหา 28 ราย ต่อศาลแขวงดุสิต ทนายความได้ยื่นประกันโดยใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์รายละ 20,000 บาท, 2 ราย ขออำนาจศาลอาญาตลิ่งชันฝากขัง เนื่องจากถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ด้วย จึงต้องวางเงินประกันคนละ 100,000 บาท โดยมี 3 คน ให้การรับสารภาพข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ศาลอาญาตลิ่งชันพิพากษาปรับคนละ 10,000 บาท ทั้งสามใช้เงินส่วนตัว ขณะที่เยาวชน 14 ราย ศาลเยาวชนฯ ให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน รวมใช้เงินประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์ทั้งสิ้น 760,000 บาท 

+++ กลุ่มที่ 1: กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ถูกจับกุมในขณะเดินทางกลับจากการชุมนุม บริเวณหน้า สตช. +++

ในกลุ่มนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 ราย ชาย 4 หญิง 2 ถูกจับกุมในเวลาประมาณ 18.50 น. ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งอยู่นอกพื้นที่การชุมนุม โดยไม่มีหมายจับ

บันทึกจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ จับกุมพร้อมของกลาง 14 รายการ เช่น รถยนต์กระบะ, เครื่องเสียง, เครื่องปั่นไฟ, วิทยุสื่อสารสีแดง, เสื้อเกราะอ่อน, ป้ายไวนิล, สติกเกอร์ ระบุ “ตู่หัวควย”, โทรโข่งขนาดเล็ก, ถังน้ำแข็ง, ธงและผ้าพันคอ

บรรยายพฤติการณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. ชุดจับกุมได้พบรถยนต์คันดังกล่าวและผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าร่วมการชุมนุมอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยมีชัชชัย (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ขับขี่ ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. ได้เคลื่อนตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุมและไปจอดที่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง เพื่อถอดป้ายไวนิลและอุปกรณ์เครื่องขยายเสียงมาไว้บริเวณกระบะท้ายรถ ระหว่างที่ผู้ต้องหาขับรถมาถึงบริเวณหน้าสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ชุดจับกุมซึ่งติดตามมาโดยตลอดได้แสดงตัวเข้าจับกุม นําส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง 

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีจํานวนรวมกันมากกว่า 5 คน ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศกําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมชุมนุมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” ฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องการชุมนุมของ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ยึดรถของทางกลุ่ม รวมถึงอุปกรณ์สำหรับใช้ในม็อบอื่นๆ เป็นของกลาง

ผู้ต้องหาไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม และให้การปฏิเสธทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวน โดยจะยื่นคำให้การเป็นเอกสารภายใน 20 วัน

บ่ายในวันนี้ (11 ส.ค. 64) ทางพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลแขวงดุสิตผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์

ด้านทนายความได้คัดค้านการฝากขัง ให้เหตุผลว่า ไม่ใช่คดีอาญาร้ายแรง ผู้ต้องหาไม่สามารถยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และไม่มีพฤติการณ์ก่อความวุ่นวาย แต่ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้องและฝากขังตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ  ระบุว่า เนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรง ก่อนให้ประกัน ตีราคาประกันเป็นเงินสดคนละ 20,000 บาท ใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์

+++ กลุ่มที่ 2: ถูกจับกุมที่ด้านหน้ากรมการสารวัตรทหารบก ซอยโยธี จำนวน 4 ราย – 2 รายเป็นเยาวชน อายุ 14 และ 16 ปี +++

ในกลุ่มนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 4 ราย ทั้งนี้ 2 ราย เป็นเยาวชนอายุ 14 และ 16 ปี ส่วนอีก 2 ราย อายุ 18 ปี และ 1 ใน 2 เป็นชาวกัมพูชา ทั้งสี่ถูกนำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ บช. ปส. เช่นเดียวกัน โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันจัดกิจกรรมและร่วมชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ 

ในส่วนของบันทึกจับกุม ระบุพฤติการณ์ว่า หลังกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ประกาศยุติการชุมนุมบริเวณหน้า King power ซอยรางน้ำ ในเวลาประมาณ 17.00 น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจํานวนมากก่อเหตุวุ่นวายหลายจุด มีการวางเพลิงตู้ตํารวจจราจรบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง วางเพลิงตู้ สน. ส่วนแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, ทําลายตู้จราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 

ต่อมา เวลาประมาณ 21.15 น. ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร นําโดย พ.ต.เกรียงศักดิ์ มาลา พร้อมกําลัง ได้ตั้งด่านตรวจบริเวณหน้ากรมการสารวัตรทหารบก ซอยโยธี พบผู้ต้องหา 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณด่านตรวจ จึงได้ทําการตรวจสอบพบของกลาง (ธงสีแดง) อยู่ในมือของผู้ต้องหาที่ 4 ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การว่า เพิ่งกลับจากการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พ.ต.เกรียงศักดิ์ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตํารวจฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เดินทางมาจับกุม

ทั้งหมดให้การปฏิเสธ และจะขอให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน 

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดยืนยันว่า พวกตนไม่ได้มาเข้ามาร่วมในการชุมนุมแต่อย่างใด โดยรายหนึ่งระบุว่า ตนอยู่ระหว่างการเดินทางไปยัง รพ. วชิระ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ แต่เจอด่านของเจ้าหน้าที่ดักจับ ในขณะที่ผู้ต้องหาอีก 3 ราย เดินทางผ่านเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมก็เพื่อรับตัวผู้ต้องหารายแรกจาก รพ.

หลังจากเสร็จกระบวนการที่ บช. ปส. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวหนึ่งในผู้ต้องหาไป รพ. ตำรวจ ก่อนที่จะพาตัวไปควบคุมไว้ที่ สน. พญาไท ในขณะที่เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 ราย ได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่เมื่อคืน โดยพนักงานสอบสวนได้นัดทั้งสองให้เดินทางมาที่ สน. พญาไท อีกครั้งในเวลา 11 โมงของวันนี้ เพื่อสอบคำให้การ ก่อนนำตัวไปตรวจสอบการจับที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

หลังศาลเยาวชนฯ ไต่สวนการจับกุม มีคำสั่งว่า การจับกุมเป็นไปโดนชอบด้วยกฎหมาย และอนุญาตให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ผู้ปกครองจึงยื่นคำร้องขอประกันตัว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน เนื่องจากเป็นคดีโทษไม่สูง ผู้ต้องหาอายุยังน้อย ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโควิดในขณะนี้ แต่หากผู้ต้องหาผิดนัดให้ปรับผู้ปกครองครั้งละ 5,000 บาท

ขณะที่ช่วงบ่าย พนักงานสอบสวน สน. พญาไท ได้ขออำนาจศาลแขวงดุสิตฝากขังผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่อายุ 18 ปี ผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ และคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ระบุว่า เนื่องจากผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในภาวะที่เกิดโรคระบาดในวงกว้าง และยังเข้าร่วมชุมนุมก่อเหตุร้ายหนักขึ้นเรื่อย มีการวางเพลิงเผาทรัพย์สินของทางราชการ ทุบทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก มิหนำซ้ำยังร่วมกันทำร้ายเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากปล่อยชั่วคราวไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก

อย่างไรก็ตาม ศาลแขวงดุสิตมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสอง โดยให้วางหลักทรัพย์ประกันเป็นเงินสดคนละ 20,000 บาท พร้อมทั้งให้ยึดพาสปอร์ตของผู้ต้องหาชาวกัมพูชาไว้ด้วย โดยทนายความได้ใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์วางเป็นหลักประกัน 

+++ กลุ่มที่ 3: เยาวชน 12 ราย ถูกจับที่แนวถนนดินแดงต่อเนื่องราชวิถี ทั้งหมดปฎิเสธลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม เหตุเจ้าหน้าที่ใช้กำลังจับกุมโดยมิชอบ +++

สำหรับผู้ต้องหาในกลุ่มนี้มีจำนวนทั้งหมด 12 ราย เป็นเยาวชน ภายหลังการจับกุมในเวลาประมาณ 18.00 – 21.00 น. ทั้งหมดถูกนำตัวไปยัง บช.ปส. เพื่อทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหา  ร่วมกันจัดกิจกรรมและร่วมชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ โดยในคดีนี้มีพนักงานสอบสวน สน. ดินแดง เป็นผู้รับผิดชอบ 

อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกจับกุมทั้ง 12 ราย ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นนักเรียน นักศึกษา เลือกที่จะไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุม โดยที่ปรึกษากฎหมายของเยาวชนทั้งสิบสองเขียนในท้ายบันทึกการจับกุมว่า เนื่องจากเป็นการจับกุมโดยมิชอบ มีการใช้เครื่องพันธนาการแม้ผู้ต้องหาแจ้งว่าเป็นเยาวชน และไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือจะก่อความไม่สงบแต่อย่างใด ไม่มีการแจ้งสิทธิตามกฎหมาย มีการใช้กำลังประทุษร้ายแก่ผู้ต้องหาจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ไม่มีการให้พบญาติ ไม่มีการแยกพื้นที่การควบคุมตัวเป็นสัดส่วน

ในส่วนพฤติการณ์การจับกุม บันทึกจับกุมระบุว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตํารวจ คฝ. ได้ทําการสลายการชุมนุมและเข้าควบคุมพื้นที่ ชุดจับกุมได้พบผู้ต้องหาทั้ง 12 คน อยู่ในพื้นที่ชุมนุม ขณะพยายามวิ่งหลบหนี จากการสอบถาม ผู้ต้องหาทั้งสองให้การยอมรับว่าได้เข้ามาอยู่ในที่ชุมนุมจริง จึงได้ทําการจับกุมผู้ต้องหา และตรวจค้นตัว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ชุดจับกุมจึงได้นําตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง

บันทึกจับกุมยังระบุว่า การปฏิบัติของเจ้าพนักงานผู้จับต่อเด็กหรือเยาวชนผู้ถูกจับ ในการจับกุมและควบคุม ได้กระทําโดยละมุนละม่อม โดยคํานึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่เป็นการประจาน มิได้ใช้วิธีการเกินกว่าที่จําเป็นเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชนผู้ถูกจับหรือบุคคลอื่น และมิได้ใช้เครื่องพันธนาการแก่เด็ก 

ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือภายใน 20 วัน

อย่างไรก็ตาม มีเยาวชน 2 รายด้วยกันที่ระบุว่าตนได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสลายการชุมนุมและเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ มีคนที่ถูกแก๊ซน้ำตาและถูกยิงกระสุนยางเข้าที่บริเวณต้นแขนขวาและใต้ข้อศอก ในขณะที่อีกรายระบุว่า ตนถูกทำรุมกระทืบ และถูกของแข็งตีเข้าที่หลังและศีรษะ

ทั้งนี้ ที่ปรึกษากฎหมายของผู้ต้องหายังได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวน ขอให้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบคำให้การใน สน. ท้องที่ที่รับผิดชอบคดี อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเสร็จกระบวนการที่ บช. ปส. พนักงานสอบสวน สน. ดินแดงได้แจ้งว่า จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเพื่อให้ศาลตรวจสอบการจับกุม และทำเรื่องขอให้ศาลควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ในเวลา 9.30 น. ของวันนี้

ที่ศาลเยาวชนฯ ที่ปรึกษาทางกฎหมายได้ยื่นคำร้องแถลงประกอบการไต่สวนการตรวจสอบการจับ และคัดค้านการออกหมายควบคุมตัวเยาวชนที่ถูกจับกุมทั้ง 12 คน โดยระบุว่า ขณะถูกจับกุม ผู้ต้องหาไม่ได้หลบหนี หรือต่อสู้ขัดขวาง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมใส่เครื่องพันธนาการ ทั้งยังไม่แจ้งพฤติการณ์หรือข้อกล่าวหา รวมไปถึงสิทธิของผู้ต้องหา ไม่ให้ผู้ต้องหาติดต่อญาติ และไม่ให้พบที่ปรึกษาเป็นการเฉพาะตัว ทั้งยังไม่แจ้งว่าจะนำตัวไปควบคุมที่ใด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่นำตัวทั้ง 12 ไปที่ บช.ปส. รวมกับผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ โดยไม่มีการแยกสัดส่วนแต่อย่างใด 

สำหรับเยาวชน 2 รายที่ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างถูกจับกุม ยังได้ระบุเพิ่มเติมไปในคำร้องว่า ทั้งสองนั้นถูกทำร้ายร่างกาย รายแรกระบุว่า ตนถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่แขน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พาตัวไปรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที รายต่อมาระบุว่า ตนได้รับบาดเจ็บจากการถูกของแข็งตีที่ศรีษะจนล้มลง ขณะถูกพาตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ยังได้ใช้ของแข็งทุบเข้าที่หลังและหัว ทำให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก 

ต่อมา ศาลเยาวชนไต่สวนการจับเสร็จสิ้น มีคำสั่งว่า การเข้าจับกุมของทางเจ้าหน้าที่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และได้บันทึกข้อมูลบาดแผลขณะจับกุมของหนึ่งในผู้ต้องหา ศาลอนุญาตให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ ผู้ปกครองของทุกรายจึงขอยื่นคำร้องขอประกันตัว 

ศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่ต้องมีหลักประกัน เนื่องจากเป็นคดีที่โทษไม่สูง ผู้ต้องหาอายุยังน้อย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในที่คุมขังขณะนี้ แต่หากผิดนัดหมายให้ปรับผู้ปกครองครั้งละ 5,000 บาท กำหนดนัดอีกครั้งวันที่ 17 ส.ค. 64 เพื่อพบพนักงานคุมประพฤติที่สถานพินิจ

+++ กลุ่มที่ 4: ผู้ชุมนุม 20 ราย ถูกจับที่บริเวณแนวถนนดินแดงต่อเนื่องราชวิถี 5 รายได้รับบาดเจ็บขณะ คฝ.เข้าจับกุม +++

สำหรับผู้ต้องหากลุ่มสุดท้าย มีรายละเอียดในการจับกุมเช่นเดียวกับกลุ่มเยาวชน หลังถูกจับกุม ทั้งหมดถูกนำตัวมา บช. ปส. เพื่อทำบันทึกจับกุม โดยคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน สน. ดินแดงเช่นเดียวกัน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม และจะขอให้การเป็นหนังสือใน 20 วัน บ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลแขวงดุสิตฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 20 ราย

ในจำนวนผู้ถูกจับกุม 20 ราย มี 5 ราย ให้ข้อมูลกับทนายความว่า ได้รับบาดเจ็บขณะ คฝ.เข้าจับกุม มีทั้งระบุว่า ถูกกระทืบบริเวณแผ่นหลังและหน้าอก, ถูกกระบองฟาดที่หน้า, ถูกตีเข่าเข้าที่ลิ้นปี่และชายโครง, ได้รับบาดเจ็บ ริมฝีปากบนและล่างแตก รวมถึงได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระจกบาด ขณะที่รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า เป็นคนขับแกร็บไปส่งอาหาร กลับบ้านไม่ได้ แล้วถูก คฝ.จับ

หลังพนักงานสอบสวนขอฝากขังผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ศาลแขวงดุสิตอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ให้เหตุผลว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยสงบ ผู้ต้องหาเองมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง บ้างเป็นนักศึกษา มีภาระต้องเล่าเรียน ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับหลักฐานได้ ทั้งยังมีคำแนะนำของประธานศาลฎีกาในช่วงนี้ให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยหรือผู้ต้องหาที่ไม่เคยมีความผิดมาก่อน เพื่อช่วยลดความแออัดในเรือนจำ 

ต่อมา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 20 ราย โดยกำหนดให้วางหลักประกันเป็นเงินรายละ 20,000 บาท กองทุนราษฎรประสงค์ให้ความช่วยเหลือในส่วนของเงินประกันเช่นเดียวกัน 

+++ กลุ่มที่ 5: จับกุมประชาชนอีก 5 ราย ขณะกำลังกลับบ้าน ไป สน.ตลิ่งชัน ก่อนนำตัวฝากขังผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ +++

คืนวานนี้ นอกจากมีผู้ถูกควบคุมตัวไปที่ บช.ปส. แล้ว ยังมีกรณีการจับกุมประชาชนอีก 5 ราย ได้แก่ ชายอายุ 20 ปี, ชายอายุ 30 ปี และประชาชนอีก 3 ราย หลังยุติการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา ในเวลาราว 20.30 น. ทั้ง 5 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามหลังออกจากพื้นที่การชุมนุม ขณะกำลังกลับบ้านพัก และเข้าจับกุมโดยไม่มีหมายจับ ก่อนควบคุมตัวไปที่ สน.ตลิ่งชัน เพื่อจัดทำบันทึกจับกุม แจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำ  

โดยในคำร้องฝากขังได้บรรยายพฤติการณ์คดีโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 20.35 น. บริเวณปั๊มน้ำมันพีที ถนนบรมราชชนนี (ขาออก) พบกลุ่มรถจักรยานยนต์จอดอยู่ประมาณ 10 คัน ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มดังกล่าวได้ขับรถหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หน้าบริษัท ตลิ่งชัน ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด และตรวจค้นพบ ระเบิดปิงปองชนิดปาพันด้วยเทปสีดำ และอาวุธมีด ในกระเป๋าสะพายของชายอายุ 30 ปี โดยเจ้าหน้าที่สอบถามแล้ว ผู้ต้องหาแจ้งว่า พกอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ป้องกันตัวจากกลุ่มคู่อริ ขณะร่วมกันชุมนุมกับกลุ่มเพื่อนที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 

ส่วนชายอายุ 20 ปี เจ้าหน้าที่ตรวจพบระเบิดปิงปองจำนวน 3 ลูกที่จัดทำขึ้นเองในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล  พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน จึงยึดระเบิดปิงปอง, อาวุธมีด และกระเป๋าสะพายไว้เป็นของกลาง

พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสองในฐานความผิด “ฝ่าฝืน พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปิน พ.ศ. 2490 มาตรา 55 และมาตรา 78 วรรค 1 และข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”   

เช้าวันรุ่งขึ้น พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชันได้ยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญาตลิ่งชัน เนื่องจากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม รอตรวจประวัติผู้ต้องหาและของกลาง โดยคัดค้านการปล่อยชั่วคราวชายอายุ 20 ปี และ 30 ปี ซึ่งพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า คดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการประกันตัว อาจมีพฤติการณ์เข้าร่วมชุมนุมอันเป็นการเผยแพร่โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ด้านทนายความได้ยื่นประกันทั้งสอง โดยวางเงินสดคนละ 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เป็นหลักประกัน 

ต่อมา เวลา 17.00 น. ศาลอาญาตลิ่งชันมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวชายอายุ 20 และ 30 ปี พร้อมกำหนดเงื่อนไข “ห้ามผู้ต้องหาประพฤติตนเข้าร่วมชุมนุมหรือกระทำการใดๆอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีก มิฉะนั้นจะทำการเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลย” โดยศาลกำหนดนัดรายงานตัวต่อศาลวันที่ 23 ส.ค. 64 เวลา 09.00 น.  

ด้านประชาชนอีก 3 รายที่ถูกจับกุมนั้นถูกแจ้งเพียงข้อหาเดียว ได้แก่ ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยทั้งสามนั้นให้การรับสารภาพ พนักงานอัยการจึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลทันที ศาลพิพากษาลงโทษปรับคนละ 10,000 บาท รอลงอาญา 1 ปี ทั้งสามจึงได้รับการปล่อยตัวไปในวันนี้ทันที

สำหรับการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา หรือ #คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช โดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนัดหมายที่แยกราชประสงค์ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปที่อาคารชิโน-ไทย์ ทาวเวอร์, บ้านของธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอาคารคิง พาวเวอร์ ก่อนที่จะยุติกิจกรรมในเวลา 17.06 น. ทั้งนี้ ทางกลุ่มแนวร่วมมธ.ยังได้อ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ยืนยันข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ.2560 ทั้งนี้ ระหว่างการชุมนุมยังพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเลขทะเบียนรถยนต์ของรถที่จอดอยู่บริเวณนัดหมายของกิจกรรมอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ชุดควบคุมฝูงชนได้ตั้งแนวที่แยกดินแดง ฝั่งถนนวิภาวดี และเกิดการเผชิญหน้าผู้ชุมนุมบางส่วนที่เคลื่อนขบวนผ่านบริเวณดังกล่าว ก่อน คฝ.จะเริ่มใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ทำกิจกรรมอยู่หน้าตึกคิงพาวเวอร์ และรถปราศรัยหลักประกาศยุติกิจกรรม

อ่านประมวลสถานการณ์การชุมนุมเพิ่มเติม: https://www.mobdatathailand.org/case-file/1628653157435

X