อัยการสมุทรปราการฟ้อง 112-พ.ร.บ.คอมฯ “พิพัทธ์” หนุ่มพิษณุโลก กรณีโพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ 2 ประโยค ชี้น่าจะเกิดความเสียหายต่อ ร.10 และรัชทายาท

วันนี้ (13 ก.ค. 64) ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พิพัทธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี เด็กหนุ่มชาวพิษณุโลก เดินทางมารายงานตัวต่อศาลตามนัด หลังได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 โดยในช่วงเช้าวันนั้น พิพัทธ์ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ สภ.บางแก้ว แต่พนักงานสอบสวนนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการฝากขัง 

>> อีกราย! ตร.สภ.บางแก้วแจ้ง “112-พ.ร.บ คอมฯ” กล่าวหา หนุ่มพิษณุโลก โพสต์ภาพในกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส

ในวันนี้ พิพัทธ์เดินทางจากลพบุรี ซึ่งเขาพักและทำงานอยู่ในปัจจุบัน เข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถไฟรอบเช้าตรู่ เพราะไม่สามารถหารอบรถโดยสารที่ตนเองสะดวกได้ หลังจากการประกาศล็อคดาวน์กรุงเทพ-ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนใต้ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 64 ซึ่งสร้างความลำบากในการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ เพื่อมาตามนัดหมายในคดีนี้เป็นอย่างมาก 

หลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ศาล เจ้าหน้าที่แจ้งว่า พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการได้ยื่นฟ้องคดีแล้วเมื่อวานนี้ (12 ก.ค. 64) เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.791/2564 ในฐานความผิด หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14  

จากนั้นทนายความได้ยื่นประกันตัวพิพัทธ์ ต่อมา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี โดยใช้หลักประกันเดิมในชั้นฝากขัง เป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมทั้งกำหนดวันนัดคุ้มครองสิทธิในวันที่ 28 ต.ค. 64 และนัดพร้อมในวันที่ 22 พ.ย. 64 เวลา 9.00 น.

.

คำฟ้องชี้ 2 ข้อความแทรกภาพ น่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อ ร.10 และรัชทายาท

คำฟ้องของร้อยตำรวจเอกชูมิตร ชุณหวาณิชพิทักษ์ พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ สรุปได้ว่า ขณะเกิดเหตุ ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีรัชกาลที่ 10 เป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบัน มีสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เป็นพระบรมราชินี และมีเจ้าฟ้าทีปังกรฯ เป็นพระราชโอรส ซึ่งถือเป็นรัชทายาทโดยสันนิษฐาน ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 63 เวลากลางวัน จำเลยได้ใช้เฟซบุ๊กของจำเลยโพสต์ภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 พร้อมข้อความแทรกบนภาพ และภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของเจ้าฟ้าทีปังกรฯ พร้อมอีกข้อความแทรกรูปภาพดังกล่าว

อัยการระบุว่า ข้อความทั้ง 2 ประโยคนี้เป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ใส่ร้าย ใส่ความ ดูหมิ่น หมิ่นประมาทเบื้องสูง และหมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศรัชกาลที่ 10 และเจ้าฟ้าทีปังกรฯ โดยจำเลยมีเจตนาที่จะให้ผู้อื่นที่เห็นรูปภาพและได้อ่านข้อความดังกล่าวมีความรู้สึกดูถูก ดูหมิ่น เกลียดชัง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อรัชกาลที่ 10 และเจ้าฟ้าทีปังกรฯ ซึ่งถือเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นรัชกาลที่ 10 และเจ้าฟ้าทีปังกรฯ และเป็นการนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร 

การกระทำของจำเลยนั้น ถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 

.

“การสั่งฟ้องครั้งนี้สร้างความกังวลในหน้าที่การงาน สังคมรอบข้าง และภาระทางการเงิน”

พิพัทธ์ได้บรรยายถึงความกังวลของตนเองหลังจากรับทราบคำฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการว่า “หลังจากการถูกฟ้องในครั้งนี้ มีความกังวลต่อหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความกังวลต่อสังคมรอบข้าง กลัวว่าคนอื่นๆ จะมองว่าเราเป็นคนไม่ดี เพราะถูกฟ้องในคดีมาตรา 112” รวมถึงความกังวลเรื่องภาระทางการเงิน เพราะต้องจ่ายค่าเดินทางจากลพบุรีเข้ามาในกรุงเทพฯ ตามนัดของศาลอีกหลายรอบ

นอกจากคดีมาตรา 112 ของพิพัทธ์คดีนี้แล้ว ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการยังได้ยื่นฟ้องธีรวัช และมีชัย ในฐานความผิดเดียวกันนี้ และยังคงมีอีก 8 คดีที่ยังอยู่ในการดำเนินการของพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว หรือพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีประชาชนทั่วไปเป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษทั้งหมด

ทั้งนี้ จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนในจำนวนคดีมาตรา 112 ที่หลังการเริ่มกลับมาบังคับใช้มาตรานี้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563  จนถึงปัจจุบัน (13 ก.ค. 64) มีผู้ถูกดำเนินคดีทั้งหมดอย่างน้อย 106 ราย ใน 103 คดี ซึ่งในจำนวนคดีทั้งหมด มี 49 คดีที่มีประชาชนเป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ และ 27 คดีที่อยู่ในชั้นศาลแล้ว

>> สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-64

.

X