วันนี้ (9 กรกฎาคม 2564) ศาลอาญาตลิ่งชันมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายประสงค์ โคตรสงคราม ชาวจังหวัดลพบุรีวัย 26 ปี หลังจากถูกจับกุมและแจ้งข้อหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 วานนี้ จากกรณีใช้เฟซบุ๊กโพสต์วิจารณ์กษัตริย์ 3 ข้อความ
ผู้ต้องหาได้ถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย จ.นครปฐม ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 เป็นเวลา 21 วัน ในระหว่างนี้ โดยอ้างสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ไม่อนุญาตให้ญาติและทนายความเข้าเยี่ยม เมื่อกักตัวครบแล้ว ผู้ต้องหาจะถูกส่งตัวมาคุมขังต่อที่เรือนจำพิเศษธนบุรีต่อ
.
จับกุมตามหมายจับ ก่อนแจ้ง ม.112 ข้อความในเฟซบุ๊ก 3 ข้อความ ดูหมิ่น ร.10
วานนี้ (8 ก.ค. 64) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมมาจากจังหวัดลพบุรี ตามหมายจับในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถูกนำตัวไปยัง สน.บางพลัด จึงมีทนายเดินทางติดตามไป พบว่าการจับกุมดังกล่าวเป็นการจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาตลิ่งชัน ออกเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 64
บันทึกการจับกุมระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 64 เวลา 06.40 น. ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางพลัด และ สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี ภายใต้การอำนวยการโดย พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ ผู้กำกับ สน.บางพลัด โดยมีชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ณัฐวัส สอนบุญ รอง ผู้กำกับ สน.บางพลัด และ พ.ต.ท.ศักดิโชติ ประสานเกษม รองผู้กำกับ สภ.ท่าหิน นำกำลังตำรวจรวม 16 นาย ร่วมกันจับกุมตัวนายประสงค์จากบ้านในอำเภอเมืองลพบุรี โดยกล่าวหาว่า กระทําความผิดฐาน “ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์”
พฤติการณ์โดยสรุปคือ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 12.00 น. นายฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ ผู้กล่าวหาได้เปิดดูเฟซบุ๊กของกลุ่มบุคคลที่มักจะโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ จนพบเห็นข้อความทางเฟซบุ๊กของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เปิดตั้งค่าเป็นสาธารณะ พบว่ามีข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน
ต่อมาจากการสืบสวนพบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว คือนายประสงค์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาตลิ่งชัน นอกจากนั้นฝ่ายสืบสวนยังได้ขอศาลจังหวัดลพบุรี ในการออกหมายค้นบ้านพักของนายประสงค์ ศาลได้อนุมัติหมายค้นลงวันที่ 7 ก.ค. 64 มีอำนาจเข้าตรวจค้นในวันที่ 8 ก.ค. 64 เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมนายประสงค์ในวันดังกล่าว โดยได้มีการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือเป็นของกลาง
ประสงค์ถูกนำตัวมาถึง สน.บางพลัด ในช่วงประมาณ 15.00 น. เศษของวันที่ 8 ก.ค. 64 และคณะพนักงานสอบสวน ตามคําสั่งของกองบังคับการตํารวจนครบาล 7 ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อเขา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีการแจ้งพฤติการณ์ว่าเกิดจากการโพสต์และแชร์ข้อความบนเฟซบุ๊กจำนวน 3 ข้อความ
สองข้อความเป็นการโพสต์และแชร์เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 โดยข้อความหนึ่งเป็นการโพสต์ข้อความประกอบการแชร์ข้อความของเฟซบุ๊กเพจ ‘เยาวชนปลดแอก-Free Youth’ ‘นักเรียนแฉยับ’ และ ‘Joe Gordon’ ซึ่งข้อความดังกล่าวเหล่านี้ มีเนื้อหาที่ดูหมิ่นและหมิ่นประมาทรัชกาลที่ 10 อยู่ด้วย
ขณะที่อีกหนึ่งข้อความ เป็นการโพสต์และแชร์เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 64 โดยเป็นการแชร์ข้อความของเฟซบุ๊กของ ‘ชาติ ศาสนา ประชาชน’ ซึ่งมีภาพของรัชกาลที่ 10 ประกอบอยู่ด้วย
ผู้กล่าวหาซึ่งพบข้อความดังกล่าวบริเวณร้านอาหารข้างห้างเมเจอร์ปิ่นเกล้า อ้างว่าข้อความเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด ให้ดําเนินคดี
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป
ทางตำรวจได้ควบคุมตัวประสงค์ไว้ที่ สน.บางพลัด ในคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาตลิ่งชันในเช้าวันรุ่งขึ้น
.
ตำรวจขอศาลฝากขัง ค้านประกันตัว อ้างโทษสูง-เกรงจะหลบหนี
เช้านี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคําสั่งของกองบังคับการตํารวจนครบาล 7 ได้นำตัวนายประสงค์ไปขออนุญาตฝากขังที่ศาลอาญาตลิ่งชัน
พนักงานสอบสวนอ้างว่าหลังจากสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบ 48 ชั่วโมง แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องทําการสอบสวนพยานอีก 2 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงได้ขอศาลฝากขังเป็นระยะเวลา 12 วัน
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไปเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น
.
ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ระบุ “เกรงผู้ต้องหาอาจหลบหนี”
หลังศาลอาญาตลิ่งชันอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา ทนายความได้ยื่นคําร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางเงินสดเป็นหลักประกันจํานวน 250,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมกับเหตุผลประกอบการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยสรุปดังนี้
1. ผู้ต้องหาถูกจับกุม เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 64 ที่บ้านพักอาศัยของผู้ต้องหา ตามหมายจับ ลงวันที่ 6 ก.ค. 64 ซึ่งระยะเวลานับแต่วันที่ออกหมายจับห่างจากวันที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมเพียง 2 วัน เท่านั้น ผู้ต้องหาไม่เคยได้รับหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด โดยหากได้รับหมายเรียก ผู้ต้องหาจะมาตามนัดของพนักงานสอบสวนอย่างแน่นอน
ในวันที่ถูกจับกุม ผู้ต้องหาก็ใช้ชีวิตประจําวันปกติ ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือขัดขืนการจับกุม และได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตํารวจเป็นอย่างดี
2. คดีนี้ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และประสงค์จะนําพยานบุคคลและพยานเอกสารส่งเป็นหลักฐาน เพื่อนําเสนอต่อศาลประกอบการต่อสู้
3. ผู้ต้องหาเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ และพยานหลักฐานในคดีนี้พนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวม และอยู่ในความครอบครองของพนักงานสอบสวนแล้วทั้งสิ้น หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวย่อมไม่อาจก่ออุปสรรคหรือความเสียหายต่อการสอบสวนและดําเนินคดีในศาลได้อย่างแน่นอน
อีกทั้ง ผู้ต้องหาไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับการกระทําความผิดอาชญากรรมใดๆ และไม่เคยต้องโทษในคดีอาญาใดๆ มาก่อน จึงไม่อาจไปก่ออันตรายประการอื่นได้
4. เนื่องด้วยขณะนี้เป็นที่ปรากฏว่ามีการแพร่ระบาดของโรคโคโรนาไวรัส 2019 ในเรือนจําทั่วประเทศ หากผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะต้องถูกคมขังในเรือนจําดังกล่าวด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ต้องหาเนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค จากการถูกคุมขังในสถานที่แออัด
5. ผู้ต้องหายังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิด ต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด ตามที่รัฐธรรมนูญไทย และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งไทยเป็นภาคี รับรองไว้
แต่ในเวลา 14.30 น. นางจรีรัตน์ ตันติเวชกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาตลิ่งชัน ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายประสงค์ โดยระบุว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและความหนักเบาของข้อหาแล้ว หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ไม่อนุญาตให้ปล่อยตั่วชั่วคราว”
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ประสงค์กลายเป็นผู้ต้องขังในคดีตามมาตรา 112 หลังจากตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ที่ผ่านมา ศาลทยอยให้ประกันตัวแกนนำราษฎรและผู้ถูกคุมขังในคดีนี้ ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ
ทั้งนี้ นายฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ ผู้กล่าวหาในคดีนี้ เป็นบุคคลที่รัชกาลที่ 10 ทรงกล่าวข้อความที่ว่า “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ” ระหว่างการรับเสด็จเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 63
จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หลังการกลับมาบังคับใช้มาตรา 112 อีกระลอกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ไปแล้วอย่างน้อย 106 คน ใน 103 คดี โดยในจำนวนนี้มี 49 คดีแล้วที่มี “ประชาชน” เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยแนวโน้มพบว่าเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในลักษณะ “ปกป้องสถาบันกษัตริย์”
.
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-64
.