“อั๋ว” รับทราบข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุม-เครื่องขยายเสียง จากแฟลชม็อบ #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส เมื่อเดือนส.ค. 63

22 เม.ย. 2564 – ที่ สน.ปทุมวัน เวลา 11.00 น. “อั๋ว” จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และนักกิจกรรม เดินทางไปพบ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 สืบเนื่องจากการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส ในวันที่ 8 ส.ค. 2563 โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าจุฑาทิพย์ไม่ได้แจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ทั้งยังใช้เครื่องขยายเสียงขณะปราศรัยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 

ในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนได้บรรยายพฤติการณ์คดีไว้ว่า วันที่ 8 ส.ค. 2563 เวลา 16.00 น. จุฑาทิพย์ได้จัดการชุมนุมสาธารณะบริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อสน.ในท้องที่ กล่าวคือ สน.ปทุมวัน และได้ทำการตั้งเวทีพร้อมกับใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานฯ เชิญชวนให้ผู้ชุมนุมรวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง 3 ข้อเรียกร้อง

เมื่อ พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผู้กำกับ สน.ปทุมวัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับแจ้งการชุมนุมตามกฎหมายจะนำประกาศเจ้าพนักงานการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ไปแสดงให้จุฑาทิพย์ผู้เป็นแกนนำจัดการชุมนุม ขอให้ยุติการชุมนุม จุฑาทิพย์ก็ยังคงปราศรัยในพื้นที่ชุมนุมจนถึงเวลา 19.30 น. ด้วยเหตุนี้ พ.ต.ท.อมฤทธิ์ วิเศษสิงห์ จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ให้ดำเนินคดีกับจุฑาทิพย์ ด้วยความผิดฐานเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และฐานโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 

ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาแก่จุฑาทิพย์ ได้แก่ 

  • มาตรา 10 พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ “เป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง” มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 
  • พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ มาตรา 4 “ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” โทษปรับไม่เกิน 200 บาท

ในเบื้องต้น จุฑาทิพย์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและจะยื่นคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน และไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา หลังเสร็จสิ้นกระบวนการ พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวจุฑาทิพย์ไป ไม่ได้ควบคุมตัวไว้ เนื่องจากมาปรากฎตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในวันนี้

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวันได้นัดผู้ต้องหาให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 7 พ.ค. 2564 เวลา 10.00 น.

กิจกรรมแฟลชม็อบ #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส ในวันที่ 8 สิงหาคม 2563 จัดขึ้นโดยแกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก  เพื่อกดดันให้ศาลอาญาปล่อยตัว อานนท์ นำภา และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก หลังทั้งสองถูกจับกุมและนำตัวไปขอศาลอาญาฝากขังในช่วงดังกล่าว จากกรณีชุมนุมเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 63

ภาพการชุมนุมเมื่อ 8 ส.ค. 63 ที่สกายวอล์ค แยกปทุมวัน จากประชาไท

ในการชุมนุมดังกล่าว  แกนนำและประชาชนซึ่งมีรายชื่อปรากฎอยู่ในผู้ที่จะถูกดำเนินคดีจากกรณีชุมนุมเยาวชนปลดแอกเช่นเดียวกับอานนท์และภาณุพงศ์ ยังได้ออกมาปราศรัยเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังข้อเสนอ 3 ข้อ ได้แก่ ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุติการคุกคามประชาชน

หลังการชุมนุมผ่านไปกว่า 8 เดือนเศษ พนักงานสอบสวนกลับเพิ่งมีการออกหมายเรียกผู้ชุมนุมไปรับทราบข้อกล่าวหา 

X