ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 4 แกนนำราษฎร ชี้ปราศรัยนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ แม้ยังไม่มีคำพิพากษา

วันนี้ (15 ก.พ. 64) เวลาประมาณ 16.30 น. ศาลอาญาได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว 4 นักกิจกรรม แกนนำ “ราษฎร” ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น หลังจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 ทนายความเข้ายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี  “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร รวมทั้งคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวพริษฐ์ ชิวารักษ์ ในคดี #ม็อบ14พฤศจิกา หรือ Mob Fest ทั้งสองคดีมีข้อกล่าวหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116

>> อุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันอานนท์-เพนกวิน-แบงค์-สมยศ ชี้ขัดหลักสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุด

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 64 แต่เพิ่งมีการจัดส่งคำสั่งมาให้ศาลอาญาอ่าน คำสั่งแยกเป็นสามคำสั่ง ได้แก่ คำสั่งกรณีของอานนท์, พริษฐ์, สมยศ  และคำสั่งกรณีของปติวัฒน์ ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และคำสั่งในกรณีของพริษฐ์ ในคดี Mob Fest  

คำสั่งทั้งหมดผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่มีคำสั่งเพียงแต่ลงลายมือชื่อไว้ แต่ไม่ได้พิมพ์ชื่อสกุลผู้จัดทำคำสั่งเอาไว้แต่อย่างใด โดยคำสั่งมีนายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษาศาลอาญาเป็นผู้อ่านให้ฟัง

ในส่วนคำสั่งแรกมีเนื้อความว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าความผิดตามฟ้องมีอัตราโทษสูง การกระทำตามฟ้องมีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้นและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ขึ้นปราศรัยด้วยถ้อยคำที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะ กระทบกระเทือนจิตใจของปวงชนชาวไทยผู้จงรักภักดีอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และมีลักษณะชักนำประชาชนให้ล่วงละเมิดต่อกฎหมายของแผ่นดิน 

“นอกจากนี้ยังปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 (พริษฐ์) และที่ 2 (อานนท์) ว่าถูกกล่าวหาดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันนี้ในคดีอื่นอีก ส่วนจำเลยที่ 4 (สมยศ) เคยต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันนี้มาก่อน 

“อีกทั้งคดีนี้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถูกจับกุมตามหมายจับกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นอีก และน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในระหว่างพิจารณา คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง.” 

 

 

ในส่วนคำสั่งของปติวัฒน์มีเนื้อหาเช่นเดียวกันกับทั้งสามคน พร้อมกับศาลอุทธรณ์ระบุว่า “จำเลยที่ 3 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันนี้มาก่อน” เช่นเดียวกับของสมยศ 

 

 

ในส่วนคำสั่งของพริษฐ์ ในคดีชุมนุม Mob Fest ศาลอธิบายเหตุผลเช่นเดียวกับคำสั่งทั้งสองคำสั่ง แต่มีการขีดฆ่าข้อความที่พิมพ์ไว้ว่า “อีกทั้งคดีนี้จำเลยถูกจับกุมตามหมายจับ” ออกไป และได้ระบุเรื่องการคัดค้านการประกันตัวของพนักงานอัยการโจทก์เอาไว้เพิ่มเติม

 

 

ทั้งสี่คนถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ถึงวันนี้เป็นเวลา 7 วัน หรือ 1 อาทิตย์แล้ว โดยกรณีนี้เป็นการคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล จำเลยจะถูกคุมขังจนกว่าศาลจะมีคำสั่งให้ประกันตัว หรือจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดี 

ดูข้อมูลสองคดีนี้เพิ่มเติม >> เปิดคำฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยา- คดี MobFest ก่อนศาลไม่ให้ประกันสี่แกนนำ

 

X