เมื่อกลางดึกของวันที่ 24 ธ.ค. 63 กลุ่มนักกิจกรรมที่เรียกตนเองว่า “4 กุมาร” ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และเยาวชนในกรุงเทพมหานคร ได้รวมตัวกันเขียนป้ายข้อความ “ยกเลิก 112” และ “112” พร้อมขีดฆ่าตัวเลข บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวันเข้าซักถาม และให้ตัวแทนกลุ่มจำนวน 2 คน เดินทางไปทำประวัติที่สถานีตำรวจ ก่อนปล่อยตัวกลับโดยไม่มีการดำเนินคดี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงคืนวันที่ 24 ธ.ค. 63 เยาวชนอายุ 17 ปี จากกลุ่ม “4 กุมาร” เปิดเผยข้อมูลกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ว่าเขาและเพื่อนๆ ได้รวมตัวกันไปที่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อเขียนป้ายข้อความ “ยกเลิก 112” และ “112” พร้อมขีดฆ่าตัวเลข เตรียมนำไปติดรณรงค์ในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อคัดค้านการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาดำเนินคดีต่อผู้แสดงความเห็นทางการเมือง
ทางกลุ่มได้ใช้พื้นที่ริมถนนในการนั่งเขียนป้าย ระหว่างเขียนอยู่นั้น เวลาเกือบเที่ยงคืน ได้มีรถจักรยานยนต์ของสายตรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมา จากนั้นประมาณ 10 นาที ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ราว 15 นาย ใช้รถยนต์ของสน.ปทุมวัน และรถมอเตอร์ไซต์เข้ามาจอดเพื่อพูดคุยด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ได้ทำการถ่ายภาพกลุ่มเยาวชนที่กำลังเขียนป้ายไว้ทันที และถ่ายภาพรถที่จอดอยู่ ก่อนจะสอบถามว่าเขียนป้ายอะไร จะนำไปติดที่ไหน หรือทำอย่างไรกับป้าย แต่ทางกลุ่มระบุว่าเพียงแต่เขียนป้าย ยังไม่ได้นำไปติดที่ใดเลย
หลังการพูดคุยไปได้ระยะหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าให้ทางกลุ่มหยุดเขียนป้าย และขอให้มีตัวแทน 2 คน เดินทางไปที่สน.ปทุมวัน กับตำรวจเพื่อทำประวัติเก็บไว้ โดยไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นขั้นตอนทางกฎหมายใด หรืออาศัยอำนาจใดในการให้ตัวแทนไป ระบุเพียงว่าเป็นการทำประวัติไว้เฉยๆ แต่จะไม่มีการดำเนินคดี เวลาประมาณ 00.30 น. ทางกลุ่มก็ได้ตัดสินใจเดินทางไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีเยาวชนรายนี้ และเพื่อนอีก 1 คน ซึ่งอายุเกิน 18 ปี เดินทางไปสน.ปทุมวัน โดยมีรถตำรวจประกบหน้าหลัง
เมื่อไปถึงสน.ปทุมวัน ทั้งสองคนได้เข้าไปยังห้องสอบสวน ทางตำรวจได้สอบถามชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประชาชนของทั้งสองคน พร้อมกับจัดพิมพ์ประวัติดังกล่าวไว้ โดยระบุว่าทั้งสองได้ทำการเขียนป้ายข้อความ“ยกเลิก 112” และ “112” ขีดฆ่าตัวเลขออก ก่อนนำมาให้ทั้งสองเซ็นรับรอง จากนั้นได้นำตัวทั้งสองคนไปถ่ายภาพกับเส้นวัดความสูงที่ใช้ทำประวัติอาชญากรรม พร้อมถือแผ่นป้ายระบุชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน และข้อหา ที่เว้นว่างไว้ เมื่อเสร็จสิ้นการทำประวัติตำรวจให้ทั้งสองรอพบกับรองผู้กำกับสน.ปทุมวัน เพื่อพูดคุยต่อ
เมื่อพบกับรองผู้กำกับฯ ได้มีการพูดคุยในลักษณะว่าจะดำเนินคดีกับทั้งสองคน โดยจะมีการปรับเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท ในข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ และข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ โดยให้เพื่อนของเยาวชนรายนี้ที่เดินทางไปด้วยออกไปรอด้านนอกห้องสอบสวน ในห้องดังกล่าวจึงเหลือเพียงเยาวชนอายุ 17 ปี กับรองผู้กำกับฯ และตำรวจอีก 3 นาย พูดคุยกัน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามซักถามเรื่องการติดป้ายข้อความลักษณะเดียวกันในคืนวันที่ 23 ธ.ค. 63 ในเขตสน.ปทุมวัน โดยมีการนำภาพกล้องวงจรปิดมาให้ดู เพื่อพยายามสอบถามหาผู้ติดป้าย อีกทั้งสอบถามว่าบ้านของแต่ละคนอยู่ที่ใด ระหว่างการซักถามมีการปล่อยตัวเยาวชนรายนี้ออกมารอนอกห้อง และเรียกกลับเข้าไปซักถามใหม่ อยู่ราว 2-3 ครั้ง
จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. เยาวชนรายนี้ได้ติดต่อให้รุ่นพี่ที่รู้จักกันอีกคนมาที่สถานีตำรวจด้วย เมื่อรุ่นพี่เข้ามาสอบถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งข้อกล่าวหากับน้องทั้งสองคนหรือไม่ หรือจะซักถามข้อมูลใดๆ อีกหรือไม่ ทางตำรวจระบุว่าหากอยากกลับก็สามารถกลับไปได้เลย ทั้งหมดจึงได้เดินทางกลับโดยยังไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด