9 ธ.ค. 63 เวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา ‘จ่านิว’ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, ชูเกียรติ แสงวงค์ และนันทพงศ์ ปานมาศ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีการชุมนุม #ม็อบ29ตุลา ที่หน้าสำนักงานสำนักข่าวเนชั่นเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 63 และ #ม็อบ1พฤศจิกา บริเวณแยกอุดมสุข เดินขบวนไปยังสี่แยกบางนา เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 63
สำหรับคดี #ม็อบ1พฤศจิกา มี พ.ต.ท.ศุภกร แก้วเขียว สารวัตรสืบสวน สน.บางนา เป็นผู้กล่าวหา พนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 63 โดยเรียกผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ได้แก่ นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายชูเกียรติ แสงวงค์, นายนันทพงศ์ ปานมาศ และ “ธนกร” ซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่ โดยก่อนหน้านี้ธนกรได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 63
คณะพนักงานสอบสวน สน.บางนา ประกอบด้วย พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ การินทร์ รองผู้กำกับ (สอบสวน), ร.ต.อ.ภูมิวัฒนา ฤทธิ์ทอง รองสารวัตร (สอบสวน) และ ร.ต.อ.กองพล วงค์จันทร์ รองสารวัตร (สอบสวน) ได้ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาสิรวิชญ์, ชูเกียรติ และนันทพงศ์ ใน 4 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, เดินขบวนกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ, ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ และกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385
โดยพนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์ที่ทั้งสามถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 63 ระหว่างเวลา 16.00 – 22.00 น. กลุ่มคณะราษฎรได้ร่วมกันชักชวนกลุ่มผู้ชุมนุม ให้มาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศไทย โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก และให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีผู้ชุมนุมประมาณ 800-1,000 คน มารวมตัวกันบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข แยกอุดมสุข จากนั้นพากันเดินตามท้องถนน ใช้พื้นที่ถนนสุขุมวิทช่องทางจากอุดมสุขไปสี่แยกบางนา และบริเวณหน้าอาคารเดอะโค้ท จนเต็มถนน ผู้ใช้รถไม่สามารถใช้ทางสัญจรได้ตามปกติ
ระหว่างการเดินทาง แกนนำหรือผู้จัดการชุมนุมได้สลับกันขึ้นปราศรัยบนรถยนต์ที่บรรทุกเครื่องขยายเสียงเพื่อปลุกเร้าผู้ชุมนุม โดยผู้จัดชุมนุมไม่ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ไม่ได้ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร่วม ไม่ได้จัดให้มีการสวมหน้ากากอนามัย ไม่มีการเว้นระยะห่าง จนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. จึงได้เลิกชุมนุมและแยกย้ายกันไป
#ม็อบ29ตุลา (ภาพโดย Mob Data Thailand)
นอกจากแจ้งข้อกล่าวหาในคดี #ม็อบ1พฤศจิกา พนักงานสอบสวนยังได้แจ้งข้อกล่าวหาสิรวิชญ์และชูเกียรติ ในคดี #ม็อบ29ตุลา รวม 3 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และกีดขวางทางสาธารณะฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385
ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา บรรยายพฤติการณ์การกระทำความผิดโดยย่อว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 63 เวลา 16.00 – 19.50 น. กลุ่มคณะราษฎร นำโดย นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายชูเกียรติ แสงวงค์ ได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย โดยได้ชักชวนผู้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศไทย กำหนดข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก, ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีแกนนำข้างต้นและกลุ่มผู้ชุมนุม ประมาณ 100 คน มีรถยนต์กระบะบรรทุกเครื่องขยายเสียง แกนนำได้สลับกันปราศรัยบนพื้นถนน โดยการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019
ภายหลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 คดี เสร็จสิ้น ทั้งหมดได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมภายในวันที่ 24 ธ.ค. 63 โดยพนักงานสอบสวนกำหนดนัดส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้อัยการในวันที่ 29 ธ.ค. 63 ก่อนปล่อยตัวทั้งหมด ไม่มีการควบคุมตัว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้งข้อหาฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เยาวชน 17 ปีอีกราย หลังร่วมชุมนุม #ม็อบ1พฤศจิกา แยกอุดมสุข