วันที่ 4 ธ.ค. 63 ที่ศาลจังหวัดลำพูน พนักงานอัยการจังหวัดลำพูน ได้ส่งฟ้องน.ส.อุทัยวรรณ บุญลอย และน.ส.รตี ช่วงแก้ว ผู้ต้องหาในคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.บ.จราจรฯ และพ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง จากการชุมนุมของประชาชนในจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 63 บริเวณหน้าวัดมหาวัน และการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 63 บริเวณสะพานท่านาง ด้านศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวโดยไม่ต้องใช้หลักประกัน นัดถามคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน 18 ม.ค. 64 เวลา 9.00 น.

วันนี้ น.ส.อุทัยวรรณ บุญลอย และ น.ส.รตี ช่วงแก้ว ผู้ต้องหาใน 2 คดี พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้ารายงานตัวที่สำนักงานอัยการจังหวัดลำพูนตามนัดหมาย โดยพนักงานอัยการระบุว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองต่อศาล เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ต้องหาทั้งสองจึงได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดลำพูน ศาลได้รับคำฟ้องของพนักงานอัยการไว้ทั้งสองคดี เป็นคดีดำเลขที่ 1176/2563 และคดีดำเลขที่ 1177/2563 โดยที่ทั้งสองคดีมีการบรรยายฟ้องคล้ายกัน เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ วันที่มีการชุมนุม และจำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุม โดยสรุปว่า
“จําเลยเป็นผู้ประสงค์จะจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะและเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมสาธารณะ เพื่อแสดงออกต่อต้านและขับไล่รัฐบาล รวมถึงเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนํานักศึกษาที่ถูกจับกุมดําเนินคดี เพื่อให้มีการชุมนุมดังกล่าวจำเลยได้ลงข้อความและรูปภาพโฆษณาเชิญชวนประชาชนในจังหวัดลําพูน ทางเว็บไซต์ Facebook ที่หน้าเพจของจําเลยที่คนทั่วไปสามารถเข้าดูได้ การโฆษณาเชิญชวนดังกล่าวของจําเลยเป็นเหตุให้มีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปในจังหวัดลําพูนมาร่วมชุมนุมตามวันนัดหมาย ทั้งนี้ จําเลยซึ่งเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมในที่สาธารณะ ไม่แจ้งการชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตํารวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะ ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
“จําเลยได้บังอาจทําการโฆษณาโดยใช้โทรโข่งอันเป็นเครื่องขยายเสียงซึ่งกระจายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้า พูดปราศรัย ประกาศและแสดงความคิดเห็นต่อประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะ
“สุดท้าย การชุมนุมสาธารณะดังกล่าวเป็นเหตุให้มีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปในจังหวัดลําพูนรวมถึงตัวจําเลยเองได้มาร่วมการชุมนุม กล่าวปราศรัย ยืน เดิน นั่ง ถือแผ่นป้าย ภาพแสดงความคิดเห็น และถ่ายภาพ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีพื้นที่ครอบคลุมถึงทางเท้าและทางใดๆ ซึ่งจัดไว้สําหรับคนเดินเท้า อันเป็นการชุมนุมสาธารณะบนทางเท้าหรือทางใดๆ ซึ่งจัดไว้สําหรับคนเดินเท้าในลักษณะที่เป็นการกีดขวางผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร”
พฤติการณ์ของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.บ.จราจรฯ และพ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ โดยทั้ง 3 ข้อกล่าวหามีอัตราโทษปรับ
หลังได้รับทราบคำฟ้องของอัยการแล้ว ทนายความและจำเลยทั้งสองได้ยื่นขอให้ศาลจังหวัดลำพูนปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัว โดยเวลาประมาณ 10.30 น. จำเลยทั้งสองรายได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ห้องควบคุมตัวของศาลจังหวัดลำพูน ระหว่างรอคำสั่งของศาล
จนกระทั่งเวลา 14.30 น. หลังศาลได้พิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันของจำเลยทั้ง 2 คดีแล้ว ศาลได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสอง และให้ทำสัญญาประกันว่าจะมาตามกำหนดนัดของศาล โดยไม่ได้ระบุวงเงินตามสัญญาประกัน เมื่อทนายความจำเลยได้สอบถามเจ้าหน้าที่ศาลระบุว่าศาลกำหนดวงเงินหากผิดนัดหมายของศาลเป็นเงิน 10,000 บาท แต่ผู้พิพากษาจะเป็นผู้ที่ลงตัวเลขดังกล่าว และลงชื่อในเอกสารดังกล่าว
สุดท้ายศาลจังหวัดลำพูน ได้กำหนดนัดสอบถามคำให้การและตรวจพยานหลักฐานจำเลยทั้งสองคดี ในวันที่ 18 ม.ค. 64 เวลา 9.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คดีพ.ร.บ.ชุมนุมฯ จ.ลำพูน ตร.แจ้งเพิ่ม 2 ข้อหา หลังผู้ถูกกล่าวหายืนยันให้การปฏิเสธ
แจ้งข้อหา 2 คดี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ หลังปชช.ลำพูนชุมนุมประณามรัฐสลายชุมนุม-จับกุมแกนนำ