เปิดหนังสือขอความเป็นธรรม !!! คดี พ.ร.บ.ประชามติ ไผ่ดาวดินและพวกรณรงค์ “โหวตโน” ให้ถอนฟ้องคดี

 

 

Untitled

 

เปิดหนังสือขอความเป็นธรรม !!! คดี พ.ร.บ.ประชามติ ไผ่ดาวดินและพวกรณรงค์โหวตโน โดยจำเลยและทนายความสิทธิฯ ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้ถอนฟ้องคดีพ.ร.บ.ประชามติ ฐานแจกเอกสารรณรงค์โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เหตุเพราะต้องการให้ถอนฟ้องคดีเนืองจากการรณรงค์โหวตโนเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ย้ำหากคดียังพิจารณาต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อหลักสิทธิมนุษยชนของประชาชนทั้งประเทศ

 

จากกรณีที่จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ วศิน พรหมมณี ถูกพนักงานอัยการจังหวัดภูเขียวสั่งฟ้องในฐานความผิดร่วมกันก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขัดคำสั่งของพนักงานสอบสวนที่ให้พิมพ์ลายนิ้วมือ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2559 เวลา 16.30 น. จำเลยทั้งสองเดินแจกเอกสารรณรงค์โหวตโนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ฉบับลงประชามติของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หลังจากเดินแจกในตลาดภูเขียวได้เพียง 300 เมตร ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบควบคุมตัว

 

วันนี้ (29 ก.ย.59) ที่ศาลจังหวัดภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ นัดสอบคำให้การจตุภัทร์และวศิน โดยทั้งสองรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมทั้งปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยจำเลยทั้งสองให้การว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 7 ที่รับรองเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความเห็นและเผยแพร่ความเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย

 

จำเลยทั้งสองกล่าวต่อไปว่า การกระทำในวันที่เกิดเหตุไม่ได้แสดงออกทางกิริยาหรือวาจาในการปลุกปั่นให้ประชาชนกระทำใด ๆ อันจะนำไปสู่การก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงประชามติไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  รวมทั้งข้อความที่ปรากฏในเอกสารที่เจ้าพนักงานตรวจยึดนั้น  ล้วนแต่เป็นข้อมูลทางวิชาการที่ตั้งอยู่ฐานของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายซึ่งสามารถพิสูจน์ความจริงได้  ไม่ได้มีลักษณะบิดเบือน หรือเป็นข้อมูลที่ลักษณะรุนแรง ก้าวราว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ให้ประชาชนไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงในทางหนึ่งทางใด การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการใช้เสรีภาพที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด

หลังจากจำเลยให้การเสร็จแล้ว ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 26 ตุลาคม 2559

 

ต่อมาจำเลยทั้งสองพร้อมด้วยทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทางไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดภูเขียว เพื่อไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ถอนฟ้องคดีที่สำนักอัยการจังหวัดภูเขียว

 

ทั้งนี้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าวโดยมีเนื้อความตอนหนึ่งว่า

 

“ข้าพเจ้านายจุตภัทร์ บุญภัทรรักษาและนายวศิน พรหมณี รวม ๒ คน ซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวข้างต้น ขอเรียนต่อท่านอัยการสูงสุดว่า ข้าพเจ้ากับพวกไม่ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายตามฟ้องของพนักงานอัยการฯแต่อย่างใด อีกทั้งการฟ้องคดีข้าพเจ้ากับพวกไม่ได้ทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อรัฐ และในขณะเดียวกันก็อาจจะทำให้กระทบต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนอีกด้วย ข้าพเจ้ากับพวกจึงขอความเป็นธรรมต่อท่านอัยการสูงสุดด้วยเหตุผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย”

 

“ข้าพเจ้ากับพวก ขอเรียนว่า การฟ้องคดีต่อข้าพเจ้ากับพวกไม่ได้ทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อรัฐแต่อย่างใด  ในขณะเดียวกันก็อาจจะทำให้กระทบต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เนื่องจากพฤติการณ์ที่ข้าพเจ้ากับพวกถูกฟ้องว่ากระทำความผิดนั้นสืบเนื่องมาจากการแสดงความเห็นต่างในร่างรัฐธรรมนูญก่อนวันลงประชามติ ซึ่งถือว่าเป็นการใช้สิทธิที่จะมีความคิดเห็นที่กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (อังกฤษ: International Covenant on Civil and Political Rights) หรือ ICCPR ได้รับรองหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกไว้ใน”

 

“ข้อบทที่ ๑๙ วรรคหนึ่ง “บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง”   และวรรคสอง “บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและเผยแพร่ขอ้มูล ข่าวสารและความคิดทุกประเภท โดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ทั้งนี้ไม่ว่าด้วยวาจาเป็นลายลักษณ์อกัษรหรือการตีพิมพ์ในรูป ของศิลปะ หรือโดยอาศัยสื่อประการอื่นตามที่ตนเลือก” ซึ่งกติการะหว่างประเทศดังกล่าวประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกมีพันธกรณีอยู่ด้วย ทั้งรัฐไทยยังได้รับรองหลักการดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗”

 

ติดตามเนื้อหาหนังสือขอความเป็นธรรมทั้งหมดได้ที่นี้ ร่างหนังสือขอความเป็นธรรม_คดีประชามติ

photo_2016-09-29_11-30-50
วศินและจตุภัทร์ (คนที่สามจากซ้ายตามลำดับ)
X