ศาลทหารตีกลับแถลงการณ์ปิดคดีของสิรภพไม่เข้ารายงานตัว อ้างเป็นการเสียดสีศาล

ศาลทหารตีกลับแถลงการณ์ปิดคดีของนายสิรภพ หรือรุ่งศิลา กรณีไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช โดยให้เหตุผลว่าคำแถลงดังกล่าวเป็นการเสียดสีศาล ให้แก้ไขและยืนใหม่ภายใน 7 วัน ทนายแจ้งจะไปยื่นใหม่อีกครั้ง 4 ต.ค.2559

วานนี้นายอานนท์ นำภา ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับคำแถลงการณ์ปิดคดีในคดีที่นายสิรภพ ตกเป็นจำเลยจากการไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 44/2557 เรื่องให้บุคคลเข้ารายงานตัว เพื่อให้ทำการแก้ไขคำแถลงเนื่องจากศาลทหารเห็นว่ามีเนื้อหาที่ส่อถึงการเสียดสีศาลทหาร โดยมีทั้งหมด 3 จุด และเมื่อแก้ไขเสร็จแล้วให้ยื่นใหม่อีกครั้งภายใน 7 วัน(สิ้นสุด 4 ต.ค. ที่จะถึงนี้)

ข้อความที่ศาลทหารแจ้งแก้ไขในสองจุดแรกอยู่ในส่วนของคำแถลงข้อ 2.3 ที่กล่าวถึงการออกประกาศ คสช.ฉบับที่ 37/2557 และ41/2557 และ คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 44/2557เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจาก คสช. เข้ามามีอำนาจในการปกครองประเทศด้วยการทำรัฐประหารซึ่งมีความผิดฐานกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และการยอมรับการใช้อำนาจของ คสช. จึงเป็นการยอมรับต่ออำนาจของผู้ปกครองประเทศที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเนื้อความจุดที่ศาลทหารให้มีการแก้ไขมีดังนี้

“…หากอำนาจตุลาการไม่รับใช้หลักการแห่งกฎหมายในระบอบประชาธิปไตยและประชาชน แต่กลับไปโอนอ่อนผ่อนตามหรือยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหาร ซึ่งเป็นการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมทำให้ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมถูกทำลายลงจนไม่เหลือสถาพแห่งความเป็นนิติรัฐได้…”

“…หากตุลาการยอมรับว่าคณะรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว ก็จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการรัฐประหารเป็นวงจรอุบาทว์อยู่ร่ำไป เปิดช่องทางหรือยอมรับให้บุคคลหรือคณะบุคคลที่ทำการรัฐประหารยืมมือกฎหมายเข้าปกครองประเทศ ตุลาการจึงไม่ควรที่จะรับรองอำนาจของบุคคลหรือคณะบุคคลที่ทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ หากแต่ต้องใช้อำนาจตุลาการในการพิพากษาวินิจฉัยให้คณะรัฐประหารต้องรับผิดตามกฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย และคุ้มครองประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หากตุลาการรับรองอำนาจของบุคคลหรือคณะบุคคลที่ทำการรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว เท่ากับตุลาการไม่ได้รับใช้ประชาชน หันไปรับใช้อำนาจอันโดยมิชอบและเพิกเฉยต่อการปกปักรักษาประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรมก็จะกลายเป็นบ่าวรับใช้อำนาจเผด็จการไปเสีย…”

ส่วนจุดที่สามที่ศาลทหารให้แก้ไขอยู่ในข้อ 3 ของแถลงการณ์ซึ่งเป็นส่วนปิดท้ายที่นายสิรภพกล่าวถึงการที่ตนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญและไม่ยอมรับอำนาจของ คสช. ที่ได้มาโดยการรัฐประหารจึงขอทำการอารยะขัดขืน และยังขอต่อศาลให้อำนวยความยุติธรรม โดยข้อความที่ศาลให้แก้ไขมีดังนี้

“…ขอศาลได้โปรดตีความและบังคับใช้กฎหมายภายใต้ความยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตย…”

ภายหลังจากที่นายอานนท์ทราบเรื่องวันนี้จึงเข้าเยี่ยมนายสิรภพในเรือนจำพิเศษกรุงเทพในเช้าวันนี้เพื่อสอบถามและให้คำปรึกษา ทั้งนี้ทีมทนายความจะปรึกษากันถึงแนวทางก่อน แล้วจะยื่นแถลงการณ์ต่อศาลอีกครั้งภายในวันจันทร์ที่ 4ต.ค.ที่จะถึงนี้

ในคดีนี้นายสิรภพได้เคยให้การต่อศาลว่าการกระทำของ คสช. ที่ทำการรัฐประหารถือว่าเป็นการกบฏ และเชื่อว่าจะกระทำการไม่สำเร็จ การออกคำสั่งของ คสช. จึงไม่มีสถานะเป็นกฎหมาย นอกจากนี้ เขายังได้ยื่นฟ้องหัวหน้าคณะรัฐประหารคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลอาญาในคดีดำที่ 1805/2558 (อ่านคำเบิกความของเขาได้ ที่ “สิรภพให้การ ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. เพราะคณะรัฐประหารเป็นกบฎ”)

สามารถอ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ที่นี่ word และ PDF

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศาลอาญามีความเห็นคดีสิรภพอยู่ในอำนาจพิจารณาศาลอาญา งดพิจารณาในศาลทหาร จนกว่า คกก.มีคำชี้ขาด

โพสต์ไม่ลบเป็นความผิดต่อเนื่อง คกก.วินิจฉัยชี้ขาดเขตอำนาจศาลให้คดีรุ่งศิลาขึ้นศาลทหาร

ศาลทหารไม่สบายใจความเห็นออนไลน์ – เลื่อนสืบพยานโจทก์คดี ‘รุ่งศิลา’

X