จำเลยตกค้างคดีบุกรุกป่าสงวนฯ บ้านจัดระเบียบ สกลนคร ยืนยันสู้คดี หลังศาลแนะให้รับสารภาพ

จำเลยตกค้างคดีบุกรุกป่าสงวนฯ บ้านจัดระเบียบ สกลนคร ยืนยันสู้คดี หลังศาลแนะให้รับสารภาพ

นัดสมานฉันท์จำเลยตกค้างคดีบุกรุกป่าสงวนฯ บ้านจัดระเบียบ จ.สกลนคร  ศาลแนะให้รับสารภาพ จำเลยยืนยันสู้คดี เหตุรับจ้างอยู่ภาคใต้มาตลอด ขณะเครือข่ายชาวบ้านเผย มีความยากลำบากในการใช้กองทุนยุติธรรมประกันตัว

25 พ.ค. 59 นายเก่ง มาตราช ชาวบ้านจัดระเบียบ ต.หลุบเลา อ.ภูพาน จ.สกลนคร จำเลยคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าดงชมภูพานและดงกระเฌอ เนื้อที่ 23 ไร่ 2 งาน เข้าพบศาลจังหวัดสกลนครที่ห้องสมานฉันท์ ตามที่ศาลนัด หลังพนักงานอัยการจังหวัดสกลนครยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 เม.ย.59 และเก่งให้การปฏิเสธ

ในนัดสมานฉันท์นี้ ศาลสอบคำให้การจำเลยอีกครั้งว่า ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ นายเก่งยืนยันปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า เขามีครอบครัวและรับจ้างกรีดยางอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาโดยตลอด เพิ่งย้ายกลับมาอยู่บ้านจัดระเบียบเมื่อปี 2558 เขาจึงไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ศาลได้แนะจำเลยว่า ถ้ารับสารภาพ แนวนโยบายศาลจะรอลงอาญา เพราะไม่ใช่คดีอาชญากรรม ทั้งนี้ จำเลยจะต่อสู้คดีก็ได้ แต่ถ้าศาลฟังว่าผิด จำเลยก็จะไม่ได้รับการรอการลงโทษ แม้แต่ศาลอุทธรณ์-ฎีกาก็เช่นกัน กระบวนการในห้องสมานฉันท์ใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยนายเก่งยืนยันที่จะต่อสู้คดี และศาลได้นัดพร้อมโจทก์จำเลยเพื่อเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีในวันที่ 13 มิ.ย.59

ด้านภรรยานายเก่งเล่าถึงสภาพครอบครัวหลังนายเก่งถูกดำเนินคดีว่า รายได้จากการรับจ้างกรีดยางถูกนำมาใช้เป็นค่าทนายและค่าเดินทางมาศาลหมด ตัวเธอซึ่งเป็นคนใต้ ไม่คุ้นเคยกับการกินข้าวเหนียว ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวเจ้า อาศัยกินข้าวเหนียวของแม่สามี และหมูที่พ่อสามีเชือดขาย แต่ถึงอย่างไร นายเก่งก็ขอต่อสู้คดี เพราะเขาไม่ได้ทำ คำฟ้องเขียนว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.55 จำเลยได้บังอาจบุกรุกเข้าไปแผ้วถาง เผาป่า และยึดถือครอบครองป่าและที่ดินเพื่อตนเองหรือผู้อื่น ถ้าเขาอ่านหนังสือออก เขาอ่านตรงนี้คงหัวเราะ แล้วเถียงว่า จะไปบุกรุกได้ยังไง ตัวยังอยู่ที่สุราษฎร์เลย

keng

จันทร โพธิจันทร์ ตัวแทนเครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร ซึ่งมาร่วมให้กำลังใจนายเก่งได้ให้ข้อมูลสภาพปัญหาในการใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและการเข้าถึงกองทุนยุติธรรมกรณีนายเก่งว่า ต้องประสบปัญหาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่หลักทรัพย์ที่เตรียมมายื่นประกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 เม.ย.59 หลังถูกจับกุม ไม่สามารถใช้ยื่นประกันได้ เนื่องจากเป็นโฉนดของที่ตาบอด ซึ่งทางชาวบ้านก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลนัก ต่อมา เมื่อหาเช่าหลักทรัพย์มายื่นประกันเพื่อให้เก่งได้รับการปล่อยตัวก่อนที่จะถูกขังยาวช่วงวันหยุดสงกรานต์ได้แล้ว เรามาติดตามเรื่องจากกองทุนยุติธรรมเพื่อจะใช้เงินจากกองทุนยุติธรรมไปเปลี่ยนเอาโฉนดออกมาคืนผู้ให้เช่า  เนื่องจากเก่งเคยยื่นเรื่องขอใช้เงินกองทุนฯ เพื่อประกันตัวในชั้นพิจารณาไว้แล้วเมื่อปี 57 เงินจึงยังอยู่ที่จังหวัด ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เรื่องของเก่งไม่ผ่านการพิจารณา เพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่แล้ว ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจอีกว่า หลักทรัพย์เราเช่ามา ต้องเสียค่าเช่า เสียดอกเบี้ย จะเรียกว่ามีหลักทรัพย์แล้วได้ยังไง ภายหลัง เจ้าหน้าที่แจ้งว่า อาจจะมีความเข้าใจผิด คณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือประจำจังหวัดยังไม่มีความเห็น ให้นายเก่งมายื่นเรื่องใหม่ พอวันนี้นายเก่งมายื่นเรื่องใหม่ ก็มีขั้นตอนมากมาย ต้องมีหลักฐานว่า ผู้ให้เช่าหลักทรัพย์มีความจำเป็นต้องถอนหลักทรัพย์  ซึ่งเราก็ตั้งคำถามว่า การใช้เงินกองทุนฯ เป็นสิทธิของชาวบ้านหรือไม่ แค่มีหลักฐานว่าจน มีรายได้ต่ำ ไม่พอหรือ และถ้าชาวบ้านไม่สามารถหาหลักทรัพย์มาประกันตัวออกไปก่อน จะต้องถูกขังนานเท่าไหร่ถึงจะได้ใช้เงินกองทุนฯ มาประกันตัว

นายเก่ง มาตราช เป็นหนึ่งในชาวบ้านจัดระเบียบ 34 ราย ที่มีรายชื่อครอบครองที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติดงชมภูพานและดงกระเฌอ หลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ชาวบ้านที่ทำกินอยู่มาลงชื่อเพื่อพิจารณาออกเอกสารสิทธิ ในขณะที่เขารับจ้างกรีดยางอยู่ภาคใต้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้นำรายชื่อดังกล่าวเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าสงวนฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 นายเก่งได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ตำรวจมีหมายเรียก และได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่เมื่อตำรวจส่งสำนวนคดีให้อัยการ ไม่ปรากฏชื่อของนายเก่งในสำนวน อย่างไรก็ตาม คดีของชาวบ้านจัดระเบียบถูกชะลออยู่ในชั้นอัยการเนื่องจากชาวบ้านได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไว้ จนกระทั่งมีการเร่งรัดการดำเนินคดีหลังการประกาศนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาลหลังการรัฐประหาร ทำให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลเมื่อเดือนตุลาคม 2557 ซึ่งก็ไม่มีชื่อนายเก่งเป็นจำเลยเช่นกัน ต่อมา ในห้วงเวลาปราบปรามผู้มีอิทธิพลและสางคดีค้างเก่าตามนโยบายรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมนายเก่ง ขณะเติมน้ำมันที่ร้านค้าในหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 7 เม.ย.59 โดยอ้างหมายจับในคดีดังกล่าว และปรากฏในสำนวนฟ้องด้วยว่า นายเก่งหลบหนีการจับกุม

ทั้งนี้ กรณีของบ้านจัดระเบียบที่มีการพิจารณาคดีไปแล้ว ในรายที่ขอต่อสู้คดี ศาลได้พิพากษายกฟ้อง 3 ราย เนื่องจากมีหลักฐานว่าทำงานอยู่พื้นที่อื่นและกำลังศึกษา ส่วนรายที่รับสารภาพ ถูกตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา 11 ราย ปัจจุบันรับโทษอยู่ในเรือนจำ 6 ราย พ้นโทษแล้ว 1 ราย และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานรัฐและภาคประชาชน เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 พบว่า ข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินคดีของภาครัฐมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก

X