หลังจากการชุมนุมของ “ประชาชนปลดแอก” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 63 สถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองยิ่งเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนักเรียนในหลายโรงเรียนได้ลุกขึ้นแสดงออกทางการเมืองในพื้นที่โรงเรียนทั่วประเทศ โดยเฉพาะการร่วมกันชูสาวนิ้วในระหว่างการเคารพธงชาติ การผูกโบว์สีขาวเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ และการชูกระดาษเปล่า
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของนักเรียนกลับเป็นไปอย่างกว้างขวาง โรงเรียนกลายเป็นพื้นที่ที่ “ไม่ปลอดภัย” จากการละเมิดสิทธิโดย “ผู้ใช้อำนาจ” ในระดับต่างๆ ขณะเดียวกันการเข้าติดตามตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นยังเป็นไปอย่างยากลำบาก
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 63 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เผยแพร่แบบฟอร์มสำหรับรับเรื่องร้องเรียนกรณีนักเรียน-นักศึกษาถูกคุกคามจากครูอาจารย์ สถานศึกษา หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะเดียวกันยังได้รับเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์สายด่วนและข้อความเป็นระยะอีกด้วย
จนถึงวันที่ 19 ส.ค. 63 เป็นเวลาเพียง 3 วัน พบว่ามีผู้ร้องเรียนเข้ามาในช่องทางต่างๆ ดังกล่าว รวมทั้งจากการติดตามข่าวสารในสื่อมวลชนและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มเติม รวมแล้วถึง 103 กรณี
ในจำนวนเรื่องร้องเรียนและเรื่องติดตาม 103 กรณีดังกล่าว สามารถแยกเป็นกรณีในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 56 กรณี, ภาคเหนือ จำนวน 8 กรณี, ภาคอีสาน จำนวน 29 กรณี และภาคใต้จำนวน 10 กรณี
เรื่องร้องเรียนเหล่านี้ยังนับเฉพาะกรณีที่ถูกคุกคาม-ปิดกั้นจากการแสดงออกทางการเมือง ได้แก่ การชูสามนิ้ว การผูกโบว์ขาว และการชูกระดาษเปล่า ขณะเดียวกันยังมีข้อร้องเรียนการถูกคุกคามจากปัญหาอื่นๆ ในสถานศึกษาอีกจำนวนหนึ่งด้วย เช่น ปัญหาเรื่องทรงผมนักเรียน การล่วงละเมิดทางเพศหรือทางจิตใจในโรงเรียน การยึดโทรศัพท์นักเรียน หรือผลกระทบจากกฎระเบียบที่นักเรียนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในส่วนของรูปแบบการละเมิดสิทธิจากการแสดงออกทางการเมืองของนักเรียนที่เกิดขึ้นในช่วง 3 วันนี้ พอประมวลเป็นรูปแบบการถูกละเมิดโดยสังเขปได้ดังต่อไปนี้
ถูกสถานศึกษาสั่งห้ามชูสามนิ้ว-ติดโบว์ขาว หรือประกาศห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมการเมือง
รูปแบบหลักที่พบในการปิดกั้นการแสดงออกของนักเรียน คือการถูกผู้บริหารหรือครูสั่งห้ามไม่ให้ชูสามนิ้ว หรือห้ามไม่ให้ติดโบว์สีขาว รวมทั้งห้ามการแสดงออกทางการเมืองใดๆ ในพื้นที่โรงเรียน โดยการสั่งห้ามมีทั้งการประกาศปากเปล่าโดยผู้บริหาร การเรียกนักเรียนไปพูดคุยหลังการแสดงออก แล้วห้ามไม่ให้ทำอีก หรือการออกประกาศสั่งห้ามที่เป็นทางการ
สำหรับข้ออ้างที่พบในการสั่งห้ามไม่ให้แสดงออกของครูหรือผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ ไม่ต้องการให้สถานศึกษากลายเป็น “เครื่องมือ” ทางการเมือง, สถานศึกษาต้องเป็นกลาง, อ้างความเป็นสถานที่ราชการ ไม่ให้แสดงออกทางการเมือง, อ้างเรื่องกระทบชื่อเสียงของโรงเรียนหรือทำให้โรงเรียนเสื่อมเสีย, อ้างว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือความไม่สงบ หรืออ้างว่าไม่ต้องการให้ใส่เครื่องแบบนักเรียนหรือใช้สถาบันการศึกษาในการแสดงออก เป็นต้น
น่าสังเกตว่าในบางกรณีครูก็ตระหนักว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเสรีภาพในการแสดงออกของนักเรียนด้วย แต่ก็อ้างเหตุผลอื่นๆ ในการสั่งห้ามไม่ให้แสดงออกในพื้นที่โรงเรียน
ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) จังหวัดชลบุรี ได้มีนักศึกษาหลายคนชูสามนิ้วขณะเข้าแถว ทำให้ผู้อำนวยการของโรงเรียนประกาศห้าม โดยประกาศไม่ให้มีการชูนิ้วในสถานศึกษาและขณะใส่ชุดนักศึกษา โดยหากอยากทำ ให้ไปแสดงออกที่อื่นไม่ใช่วิทยาลัย โดยอ้างว่าไม่ต้องการให้พื้นที่วิทยาลัยกลายเป็นเครื่องมือของใคร ผู้อำนวยการยังระบุว่าจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดด้วยว่าใครที่ชูสามนิ้วบ้าง
ที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 กรุงเทพฯ หลังจากกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนได้แจกโบว์สีขาว และติดโปสเตอร์อธิบายความหมายของโบว์สีขาว ได้ถูกผู้บริหารของโรงเรียนเรียกไปพูดคุยในห้องปกครอง ระบุว่าแม้กิจกรรมจะเป็นเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ได้ถือเป็นความผิด แต่ยืนยันว่าไม่อยากให้นักเรียนแสดงออกเรื่องการเมือง เพราะโรงเรียนจะต้องเป็นกลาง และการแสดงออกอาจจะกระทบชื่อเสียงของโรงเรียน โดยต่อไปนี้จะไม่ให้นักเรียนแจกอีก และอยากให้นักเรียนตั้งใจเรียนเฉยๆ มากกว่า
ที่โรงเรียนหญิงล้วนย่านสามเสน กรุงเทพฯ นักเรียนเปิดเผยว่าเมื่อมีกระแสการแสดงออกทางการเมือง ครูได้ประกาศสั่งห้ามไม่ให้มีการชูสามนิ้วขณะร้องเพลงชาติ และบังคับให้นำโบว์สีขาวออกจากกระเป๋า ทั้งๆ ที่ทางโรงเรียนให้ผูกโบว์ขาวที่ผมไปโรงเรียนเป็นปกติอยู่แล้ว ต่อมาเมื่อมีนักเรียนชั้น ม.5 บางรายฝ่าฝืนโดยการชูสามนิ้ว นักเรียนได้ถูกครูเข้ามาอบรมทั้งชั้น โดยแม้ครูจะยอมรับว่านักเรียนมีสิทธิแสดงออก แต่ก็ยืนยันว่าควรไปแสดงออกภายนอกโรงเรียนมากกว่า อย่างไรก็ตาม แม้นักเรียนจะไปเข้าร่วมชุมนุมประชาชนปลดแอก อันถือเป็นการแสดงออกนอกโรงเรียนแล้ว ก็ยังถูกครูเรียกเข้าไปคุยเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน พบว่ามีบางโรงเรียนที่ออกประกาศอย่างเป็นทางการในการสั่งห้ามการทำกิจกรรมทางการเมืองอีกด้วย ได้แก่ ที่โรงเรียนบดินทรเดชา นนทบุรี หลังนักเรียนมีการชูสามนิ้วระหว่างเคารพธงชาติ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ทางผู้อำนวยการได้ออกประกาศมาตรการควบคุมพื้นที่ โดยห้ามไม่ให้ใช้พื้นที่โรงเรียนในการชุมนุมหรือแสดงออกทางการเมืองใดๆ ต่อมาพบว่าทางโรงเรียนได้ลบประกาศฉบับดังกล่าวออกไปจากเพจ หลังปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน
ขัดขวางการชูสามนิ้วอย่างรุนแรง ทั้งตบหัว-ตีมือ-ตบโทรศัพท์
นอกจากการสั่งห้ามแสดงออกด้วยเหตุผลต่างๆ ข้างต้น ยังพบรูปแบบการปิดกั้นในระหว่างการทำกิจกรรมทันที โดยพบว่ามีครูในสถานศึกษาบางแห่ง “ใช้ความรุนแรง” ระหว่างนักเรียนชูสามนิ้ว เพื่อไม่ให้นักเรียนได้แสดงออกในลักษณะดังกล่าว
กรณีที่ค่อนข้างรุนแรงกรณีหนึ่ง คือโรงเรียนในจังหวัดนครสวรรค์ ที่เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 63 ระหว่างนักเรียนหลายคนชูสามนิ้วขณะเข้าแถว ได้มีครูเดินเข้ามาด่าว่านักเรียนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนเข้าไปหานักเรียนที่ถ่ายคลิปการแสดงออก พร้อมกับตบโทรศัพท์ของนักเรียน จนโทรศัพท์กระเด็นไป และหลังจากนั้นครูยังให้นักเรียนรายดังกล่าวลบคลิปออกไปด้วย
ส่วนที่โรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา มีการร้องเรียนว่าครูในโรงเรียนได้ตบศีรษะนักเรียนหลายคนขณะชูสามนิ้ว พร้อมอ้างว่าโรงเรียนไม่ใช่สถานที่ประท้วง ทำให้นักเรียนบางรายที่เป็นไมเกรน มีอาการปวดหัวตามมาด้วย และครูยังมีการกระชากโบว์ขาวที่ติดกระเป๋าของนักเรียนออกด้วย พร้อมกับถ่ายรูปนักเรียนที่แสดงออกเอาไว้
หรือกรณีที่มีการรายงานข่าวในสื่อมวลชน ที่โรงเรียนลือคำหาญวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นักเรียนชั้นม.4 รายหนึ่ง ขณะชูนิ้วสามนิ้วระหว่างเคารพธงชาติ ได้ถูกครูประจำชั้นกระชากมือลง และพยายามสอบถามความหมายของสามนิ้ว ระหว่างที่นักเรียนกำลังค้นหาจากโทรศัพท์ ครูได้ตบที่ศีรษะอย่างแรง 1 ครั้ง และผลักโทรศัพท์ของนักเรียนลง ทำให้นักเรียนรายนี้เจ็บจนชาและได้รับความอับอาย ต่อมาจึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจร่วมกับคณะทำงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร
ภาพกรณีกมธ.การปกครองเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียนลือคำหาญวารินชำราบ หลังเกิดกรณีครูตบเด็กนักเรียน หลังจากชูสามนิ้ว (ภาพจากมติชนออนไลน์)
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องร้องเรียนจากโรงเรียนในภาคกลางอีกถึง 4 กรณี ที่พบว่าครูได้ “ตี” ที่มือนักเรียนระหว่างชูสามนิ้ว เพื่อให้เอามือลง และมีการต่อว่าในการกระทำดังกล่าวด้วย โดยนักเรียนรายหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีระบุว่าได้ถูกรองผู้อำนวยการของโรงเรียนเดินมาบีบแขนระหว่างชูสามนิ้ว และบอกให้ลดมือลง
ส่วนนักเรียนในจังหวัดอุดรธานีเผยว่าระหว่างแสดงออกโดยการชู 3 นิ้ว ได้ถูกครูตะโกนย้ำว่าให้เอามือลง มีนักเรียนพยายามถ่ายคลิปไว้ ก็ได้ถูกห้ามและนำโทรศัพท์ไปตรวจสอบ เช่นเดียวกับนักเรียนที่จังหวัดพิจิตร ได้ถูกครูเข้ามาพูดคุยระหว่างชูสามนิ้วขณะเข้าแถวหน้าเสาธง โดยกล่าวหาว่าการแสดงออกดังกล่าวเป็นความอยากดัง และขู่ว่าจะไปคุยในห้องปกครอง
ยึดโบว์ขาว หรืออุปกรณ์แสดงออกของนักเรียน
นอกจากการขัดขวางระหว่างการชูสามนิ้ว การที่ครูสั่งห้ามติดโบว์สีขาว หรือกระทั่งยึดเอาไป ยังเป็นลักษณะการปิดกั้นที่พบการร้องเรียนจำนวนหนึ่งด้วย รวมทั้งการยึดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
นักเรียนโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม กรุงเทพฯ ซึ่งนำกล่องใส่โบว์สีขาวมาวางไว้เพื่อแจกจ่ายในโรงเรียน ได้ถูกรองผู้อำนวยการเรียกพบเพื่อสอบถามถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม และได้ยึดกล่องใส่โบว์ดังกล่าว โดยอ้างว่ากิจกรรมอาจทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง และการทำกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียนต้องขออนุญาตผู้อำนวยการก่อน ทั้งยังกำชับให้นักเรียนรอเวลาให้มีสิทธิเลือกตั้งก่อน ค่อยออกมาแสดงออกทางเมืองด้วย
โรงเรียนในเขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ หลังนักเรียนจำนวนมากแสดงสัญลักษณ์ผูกโบว์ขาวที่กระเป๋าเป้และข้อมือ โดยไม่ได้ชูสามนิ้ว ได้มีครูเข้ามากระชากโบว์จากข้อมือของนักเรียนบางราย และยึดเอาไปด้วย
ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย นักเรียนระบุว่ามีครูมาตัดโบว์สีขาวที่ผูกไว้และยึดไป และยังมีการกล่าวในลักษณะข่มขู่ว่าจะเรียกไปห้องปกครอง และจะหักคะแนนของนักเรียน
ครูตำหนิ-ด่าว่า ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
การสั่งห้ามดังกล่าวของครูในบางสถานศึกษายังมีการใช้ถ้อยคำตำหนิด่าว่านักเรียนอย่างรุนแรง ทำให้นักเรียนได้รับผลกระทบทางจิตใจ
ศูนย์ทนายฯ ได้รับการแจ้งจากนักเรียนจากโรงเรียนในจังหวัดราชบุรี หลังนักเรียนมีการชูสามนิ้ว โดยกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าวมีแต่ “เปรต ควาย โง่” เท่านั้นที่ทำกัน ถ้าหากนักเรียนยังแสดงออกเช่นนี้อีกครั้ง จะมีการตัดความเป็นครูกับลูกศิษย์ทันที
ที่โรงเรียนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนักเรียนชูสามนิ้ว ได้มีครูกล่าวในลักษณะว่าเป็นการกระทำไร้สาระและปัญญาอ่อน นักเรียนเรียนลูกเสือจบมาตั้งแต่ชั้น ม.3 แล้ว ยังอยากกลับไปเรียนกันอีกหรือ ทำให้นักเรียนผู้ร้องเรียนรู้สึกถูกเหยียดหยาม
ส่วนที่โรงเรียนในจังหวัดร้อยเอ็ด นักเรียนหญิงรายหนึ่งร้องเรียนว่าตนได้ผูกโบว์ขาวไว้ที่มือ พร้อมกับติดข้อความ “ให้มันจบที่รุ่นเรา” ไว้ที่กระเป๋านักเรียน แต่กลับถูกครูฝ่ายปกครองซึ่งเป็นเพศชายเรียกไปคุยในห้องปกครอง มีการอบรมเรื่องการให้ตั้งใจเรียนหนังสือเพราะเป็นหน้าที่ของนักเรียน ยังไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ได้มีการกล่าววาจารุนแรงท่อนหนึ่งว่า “อย่ามาทำตัวสถุน” ทำให้นักเรียนรู้สึกถูกคุกคามอย่างมาก
นักเรียนอีกรายหนึ่งจากโรงเรียนย่านบางนา กรุงเทพฯ เปิดเผยว่าหลังชูสามนิ้วระหว่างเข้าแถว ได้ถูกครูเรียกไปพบ และต่อว่าทำนองว่าเป็นเรื่องไม่สมควรทำ การกระทำไม่มีวุฒิภาวะ จะอยู่ในสังคมไม่ได้ ถ้าจะแสดงออกเช่นนี้ให้ไปทำที่อื่น โดยครูพูดคุยในลักษณะไม่ยินยอมรับฟังความเห็นของนักเรียน
ขณะเดียวกันการตำหนิยังพบว่ามีการกล่าวหาในลักษณะว่าการแสดงสัญลักษณ์สามนิ้ว มีความหมายเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันกษัตริย์ด้วย โดยพบว่าโรงเรียนในกรุงเทพฯ ที่มีชื่อเกี่ยวพันกับราชวงศ์ นักเรียนสองรายได้ชูสามนิ้วขณะเคารพธงชาติ ก่อนที่ครูจะมีการกล่าวในทำนองว่าทั้งสองคนกำลังไม่เคารพสถาบันฯ และระบุกับนักเรียนว่ายังไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พร้อมกับมีการตรวจดูโทรศัพท์ของนักเรียนด้วย
ถูกครูข่มขู่จะเรียกผู้ปกครอง หรือลงโทษในรูปแบบต่างๆ
นอกจากการใช้ถ้อยคำรุนแรง ยังมีการข่มขู่จะดำเนินการต่อนักเรียนในลักษณะต่างๆ ทั้งการข่มขู่จะเรียกผู้ปกครองมาพบ การข่มขู่จะลงโทษ ตัดคะแนน ทำทัณฑ์บน หรือกระทั่งไล่ออก
โรงเรียนในจังหวัดลำปาง นักเรียนถูกครูฝ่ายปกครองท่านหนึ่ง เรียกไปตักเตือนเรื่องผูกโบว์ขาวพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน ครูได้บอกว่าจะเเจ้งผู้ปกครองเเละจะเรียกผู้ปกครองมาที่ห้องปกครอง พร้อมทั้งได้ถ่ายรูปนักเรียนทั้ง 4 คน ไปด้วย
ที่โรงเรียนย่านมีนบุรี หลังนักเรียนร่วมกันชูสามนิ้วระหว่างร้องเพลงชาติ ได้มีนักเรียนถูกครูเรียกไปคุยด้วยหลายคน โดยครูอ้างว่าการชูสามนิ้วดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของนาซี แสดงถึงความโหดร้ายรุนแรง และอาจเป็นการสร้างความแตกแยก ครูยังข่มขู่ในลักษณะว่าอาจจะมีการเรียกผู้ปกครองมาพูดคุย จะตรวจสอบโทรศัพท์ของนักเรียน และจะให้เกรด 0 อีกด้วย
นอกจากนั้นในโรงเรียนนี้ ยังมีกรณีการส่งข้อความทางกลุ่มไลน์ระหว่างครูกับนักเรียน โดยมีนักเรียนได้ส่งรูปภาพเกี่ยวกับกิจกรรมการแสดงออกทางการเมืองส่งเข้าไป ทำให้ครูข่มขู่ว่าจะเรียกมาคุย ต่อมาครูยังพยายามถามในกลุ่มไลน์ว่าใครที่เป็นผู้ชูสามนิ้วในระหว่างเข้าแถว โดยครูห้ามไม่ให้ทำ ถ้าฝ่าฝืนจะเรียกมาคุย
(ภาพจากผู้ใช้ทวิตเตอร์)
นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธรระบุว่า หลังจากมีกระแสการชูสามนิ้วและติดโบว์ขาว ครูได้เรียกนักเรียนบางส่วนไปพบ พร้อมกับข่มขู่จะตัดคะแนนในเรื่องการชูสามนิ้ว ส่วนเรื่องการติดโบว์ขาว ครูก็อ้างว่านักเรียนจะต้องขออนุญาตติดก่อน จึงจะทำได้
ที่โรงเรียนในจังหวัดสระแก้ว ครูในโรงเรียนได้ระบุว่าไม่อนุญาตให้นักเรียนผูกโบว์ขาว โดยอ้างเรื่องการทำให้ชื่อเสียงโรงเรียนเสียหาย และเป็นการไม่ให้เกียรติโรงเรียน พร้อมกับข่มขู่นักเรียนที่ติดโบว์ว่า อยากจะย้ายโรงเรียนหรือไม่
นักเรียนหญิงในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งผูกโบว์ขาวที่ข้อมือ และใช้เทปกาวปิดชื่อตนเอาไว้ ได้ถูกครูเข้ามาบอกว่าหากไม่แกะเทปกาวออก จะเรียกผู้ปกครองมาพบ และจะให้ฝ่ายวิชาการเอาชื่อออกจากระบบของโรงเรียน
ด้านนักเรียนในจังหวัดสตูล ระบุว่าครูได้ประกาศหน้าเสาธงว่าโรงเรียนเป็นสถานที่ราชการ ไม่ควรมาชูสามนิ้ว ทั้งต่อมาผู้อำนวยการยังมีการเรียกนักเรียนที่ชูสามนิ้วไปพูดคุย โดยอ้างว่าไม่ควรแสดงออกในลักษณะนี้ และขู่ว่าจะให้ออกจากโครงการกีฬาที่สนับสนุนทุนการศึกษาอีกด้วย
โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี นักเรียนยังเปิดเผยว่าหลังการเคารพธงชาติ คนที่ชูสามนิ้วได้ถูกครูเรียกพบ พร้อมอบรมเรื่องความเหมาะสมและชื่อเสียงของโรงเรียน แต่ได้มีการขู่ว่าจะตัดคะแนน และให้สอบตกวิชาที่ครูท่านนี้เป็นผู้สอน พร้อมกับห้ามนักเรียนที่พยายามถ่ายคลิปและบันทึกเสียง โดยขอเก็บโทรศัพท์นักเรียนเอาไว้
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอดส่องในโรงเรียน-เรียกนักเรียนคุย
นอกจากการถูกปิดกั้นหรือละเมิดสิทธิจากครูและผู้บริหารในสถานศึกษา นักเรียนในหลายโรงเรียนยังเผชิญการคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาติดตามกิจกรรมการแสดงออกในโรงเรียนหลายแห่ง ซึ่งมีการประกาศกิจกรรมล่วงหน้า โดยสถานศึกษากลับปล่อยให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้เข้ามาสอดส่องในโรงเรียน บันทึกภาพนักเรียน หรือกระทั่งเข้ามาพูดคุยกับนักเรียน
นักเรียนของโรงเรียนในจังหวัดระยองแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่าหลังจากกลุ่มนักเรียนชูสามนิ้วหลังเข้าแถว ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบมากกว่า 10 นาย ซึ่งเข้ามาอบรมให้ความรู้ในโรงเรียนจับตาถ่ายรูปเอาไว้ ต่อมายังได้ถูกตำรวจเรียกไปพูดคุยในห้องผู้บริหารโรงเรียน โดยมีการขอไม่ให้นักเรียนไปชูสามนิ้วอีกในช่วงบ่าย ซึ่งจะมีการอบรมเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และประวัติศาสตร์ไทยในโรงเรียน แม้กลุ่มนักเรียนยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจจะไปชูสามนิ้วในช่วงบ่ายอยู่แล้วก็ตาม
ที่โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม จังหวัดขอนแก่น มีผู้พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระนวน เข้าตรวจยึดโบว์สีขาวที่นักเรียนได้เตรียมมาผูก และเดินทั่วบริเวณโรงเรียนก่อนร้องเพลงเคารพธงชาติ ต่อมายังมีตำรวจโทรหามาหาผู้โพสต์ข้อความเรื่องดังกล่าว เพื่อขอให้ลบข้อความที่โพสต์ไปว่าเจ้าหน้าที่ยึดโบว์ แต่ผู้โพสต์ยืนยันไม่ลบ
ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา น้อมเกล้า ได้มีนักเรียนชูสามนิ้วขณะเคารพธงชาติ วันต่อมานักเรียนรายดังกล่าวได้ถูกเรียกเข้าห้องปกครอง โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาร่วมพูดคุยเก็บข้อมูลด้วย และถ่ายรูปนักเรียนไป ต่อมากลุ่มนักเรียนยังมีการจัดวงแสดงความเห็นต่อการเมืองปัจจุบัน แต่กลับพบว่ามีชายนอกเครื่องแบบ 4-5 นาย เข้ามาคอยจับตาภายในโรงเรียน บางคนยังมีการติดกล้องที่หน้าอกเสื้อในลักษณะพยายามบันทึกภาพ และยังมีผู้พบรถตำรวจและตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาในโรงเรียนด้วย
เช่นเดียวกับที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ขณะกลุ่มนักเรียนมีการทำกิจกรรมชูกระดาษขาว #กระดาษเองน้องไม่ร้องนะ บริเวณลานพระ มีผู้พบชายนอกเครื่องแบบ 2 นาย เข้ามาสังเกตการณ์และคอยถ่ายรูปนักเรียนระหว่างทำกิจกรรม
ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี ระหว่างนักเรียนร่วมกันแสดงออกชูสามนิ้วขณะร้องเพลงชาติ มีผู้พบกลุ่มชายนอกเครื่องแบบหัวเกรียนหลายคนกระจายอยู่ที่หน้าโรงเรียน ทั้งยังมีกลุ่มที่เข้ามาสังเกตการณ์ภายในโรงเรียน และพยายามถ่ายรูปนักเรียนด้วย
นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกัลยา จัดกิจกรรม #อุดมการณ์เราต้องรอด ร่วมกันชูกระดาษเปล่าที่หน้าโรงเรียน พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.หาดใหญ่ เข้ามาเดินแจกประกาศเตือนการชุมนุมไม่ให้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ไม่เขียนป้ายข้อความที่อาจผิดกฎหมาย หรืออ้างว่าจะมีการบันทึกภาพและเสียงเอาไว้ทั้งหมด ทั้งยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยตามถ่ายภาพมากกว่า 15 นาย
ส่วนที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา นักเรียนที่โพสต์ข้อความเชิญชวนให้ผูกโบว์ขาวที่ข้อมือรวม 7 คน ได้ถูกครูเรียกไปพบที่ห้องปกครอง และถูกยึดโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งพบว่าโรงเรียนอนุญาตให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้ามาในบริเวณโรงเรียนอีกด้วย เช่นเดียวกับที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย มีผู้พบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 2 นาย ไปยืนประจำอยู่บนสะพานลอยด้านหน้าโรงเรียน และคอยถ่ายรูปนักเรียนที่อยู่บริเวณหน้าเสาธงขณะแสดงออกชูสามนิ้ว
โรงเรียนในจังหวัดร้อยเอ็ดแห่งหนึ่ง หลังนักเรียนมีการชูสามนิ้วในช่วงเช้า ได้มีผู้พบรถตำรวจจากสภ. เมืองร้อยเอ็ด จอดอยู่ในโรงเรียน โดยก่อนหน้านั้นมีครูพยายามส่งข้อความหยาบคายมาข่มขู่ กรณีนักเรียนมีการใช้ชื่อย่อของโรงเรียน ไปเปิดเพจประชาสัมพันธ์กิจกรรมการแสดงออกทางเมืองด้วย
ความยากลำบากของผู้ถูกละเมิดในการเผยแพร่ข้อมูล
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเพียง “ตัวอย่าง” จำนวนหนึ่งของเหตุการณ์ปิดกั้นคุกคามที่นักเรียนร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และที่พอมีปรากฏเป็นข่าวสาธารณะ แต่ในสถานการณ์ที่ความตื่นตัวแสดงออกทางการเมืองของนักเรียนเป็นไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อเด็กและเยาวชนจึงน่าจะเป็นไปอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าตัวเลขและตัวอย่างในรายงานนี้อีกมาก
ขณะเดียวกันศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยังมีข้อสังเกตว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน ยังมีความซับซ้อนหลายระดับ เมื่อนักเรียนที่ถูกละเมิดบางส่วนไม่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลการถูกคุกคาม บางกรณีก็ถูกครูข่มขู่ไม่ให้เผยแพร่ข้อมูล ให้ลบหรือยุติการเผยแพร่หลังนักเรียนทวิตถึงปัญหา หรือกระทั่งข่มขู่จะลงโทษ ทำให้นักเรียนเลือกที่จะเงียบมากกว่า และอาจได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดอยู่เพียงลำพัง
แต่ก็ควรกล่าวไว้ด้วยว่าท่ามกลางสถานการณ์การปิดกั้นคุกคามเหล่านี้ ยังมีบางโรงเรียนที่มีรายงานข่าวว่าทางผู้บริหารหรือครูได้เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออก และไม่ได้มีการปิดกั้นกิจกรรมของนักเรียนด้วย
อ่านข้อแนะนำการถูกละเมิดสิทธิเพิ่มเติม
สิทธิเด็กอยู่ไหน? เมื่อถูกคุกคามจากโรงเรียน
“มือใหม่หัดม็อบ”: คู่มือว่าด้วยการรับมือทางกฎหมาย เมื่อเจอการปิดกั้น/คุกคามการชุมนุม